อยากเก่งอังกฤษ ต้องเริ่มจากอะไรคะ

ตามหัวข้อเลยค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ ม.ต้น  คือต้องบอกก่อนว่าหนูพื้นฐานภาษาอังกฤษตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ  ก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ มันเริ่มจากตอนเด็กๆ ประมาณช่วงอนุบาล แม่สอนหนูหมดเลยนะคะเกี่ยวกับคำศัพท์ หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเขียนหนูก็เขียนได้หมด  ที่แม่เล่าให้ฟังนะคะ ถ้าใครเห็นหนูช่วงนั้นคงต้องคิดว่าโตมาต้องเก่งภาษามากแน่ๆ  แต่ผิดค่ะ  มันมีจุดเปลี่ยนชีวิตคือพอหนูขึ้นประถม ครอบครัวต้องย้ายที่อยู่เนื่องจากพ่อย้ายสถานที่ประจำงาน ก็ย้ายตามกันมา ไม่ได้ทุรกันดารอะไรนะคะ  หนูก็มาเข้าโรงเรียนวัดธรรมดานี่แหละค่ะ แต่เค้าดันไม่ค่อยเน้นภาษาเหมือนโรงเรียนเก่า  แล้วช่วงนั้นแม่มีน้องด้วย  แถมที่บ้านก็ยุ่งๆ เรื่องปัญหาหลายอย่าง  นานๆเข้ารู้ตัวอีกที...อ้าววว เด็กที่เคยเก่งภาษาอังกฤษหายไปแล้ว5555   หนูถือว่าหนูเป็นเด็กเรียนดีนะคะ แต่ไม่เก่งภาษา มันก็ถูๆไถได้อยู่แหละค่ะ ก็พยายามฝึกอยู่แต่ไม่ได้จริงจังอะไร  ทีนี้หนูดันค้นหาตัวเองเจอว่าอยากเป็นหมอตั้งแต่ตอนนี้ ว่างๆก็เลยลองค้นๆดู  เลยรู้มาว่าเป็นหมอไม่เก่งภาษานี่อยู่ยาก เพราะศัพท์เฉพาะมันก็เป็นศัพท์อังกฤษทั้งนั้น  แถมตอนนี้ย้ายกลับมาปริมณฑลหลายปีแล้วแล้ว  พอขึ้นมัธยมก็สอบเข้าได้โรงเรียนรัฐ ที่มีชื่อเสียงอยู่อ่ะค่ะ จำได้ว่าตอนนั้นนี่อ่านอังกฤษหักดิบมาก หัวหมุนเลย55555  แถมโรงเรียนนี้ก็เน้นภาษามากด้วย ที่รอดมาได้ครึ่งนึงเพราะเพื่อนดีค่ะ คอยติวให้ตลอด ก็ดีขึ้นมานิดนึง แต่เราก็ไม่อยากพึ่งเพื่อนตลอดหรอกนะคะ  ก็เลยจริงจังขึ้นมาว่า...ไม่ได้แล้ว เราต้องเก่งอังกฤษจริงๆซักที ก็หาวิธีเริ่มอยู่แต่รู้สึกวิธีมันจะสลับหรือลัดไปลัดมาแปลกๆ หรืออยากรบกวนเพื่อนๆหรือผู้ใหญ่ที่เคยผ่านมาแล้ว ว่าเริ่มต้นจากอะไรบ้างคะ ท่องศัพท์จำให้ได้ก่อน หรือทำอะไรก่อน-หลัง ยังไง รบกวนด้วยนะคะ
ปล.ตอนนี้ที่บ้านเริ่มลงตัว น้องสองคนเริ่มโตรู้เรื่อง พ่อแม่เค้าก็มีเวลามากกว่าเดิมอยู่  ตอนนี้เลยจะเหมือนช่วยกันติวให้หนูให้น้องใหม่หมดเลย5555
ปล.2  หนูไม่เรียนพิเศษนะคะ  ไม่สะดวกหลายอย่าง  แล้วก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเราก็เก่งได้ เกิดมาพึ่งเคยเรียนครั้งเดียวเพราะครูบังคับค่ะ5555  หนูจะใช้อ่านหนังสือ ดูยูทูปเอาค่ะ
ปล.สุดท้ายยย  โรงเรียนหนูมีสอนภาษาที่สามด้วยหนูลงเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะชอบค่ะ แถมไปได้ดีด้วย ยังงงๆตัวเองอยู่ว่าไม่เก่งอังกฤษแต่ญี่ปุ่นนี่คล่องเฉยเลย5555

สุดท้าย ขอขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ  และขอบคุณที่สละเวลามาอ่านค่ะ  ถ้าคำไหนหนูพิมพ์ผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เรียนภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษหรอกครับ คนเราถ้ารักและอยากเรียนวิชาไหนเราก็จะขวนขวายและพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเองจนเก่งได้ทั้งนั้น อะไรที่เราพยายามเรียนด้วยตัวเองจะเข้าหัวมากกว่าไปเรียนพิเศษและนั่งฟังคนอื่นบอกเรา

วิธีเรียนภาษาอังกฤษมีหลายวิธี ผมขอเล่าวิธีเรียนภาษาอังกฤษของผม เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง

ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนมาเรียน ป.5 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญในกรุงเทพ ช่วง ป.1-4 ผมอยู่บ้านนอก ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ

ตอน ป.5 ผมคลั่งไคล้เพลงภาษาอังกฤษมาก ฟังเพลงกับพี่สาวทางวิทยุทุกเย็นหลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว ซื้อหนังสือเพลงมาอ่านเนื้อร้องแล้วร้องเพลงตามวิทยุอย่างสนุกสนานทุกวันเป็นเวลา 1 ปีเต็ม แปลกมากที่ผมเข้าใจคำและประโยคอังกฤษในเพลงหมดเลย สามารถจำประโยคในเพลงไปใช้พูดและเขียนต่อเองได้ด้วย

ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าภาษาอังกฤษของผมดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาภายในปีเดียวเป็นเพราะผมใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน วันละเป็นชั่วโมง ได้ฝึกฟัง ฝึกพูด (ด้วยการร้องเพลง) และฝึกอ่านเนื้อร้องจากหนังสือเพลง

ปีนั้นจำได้ว่าการบ้านเยอะมาก มีการบ้านภาษาอังกฤษที่ต้องเขียนตอบด้วยลายมือ การเขียนด้วยลายมือช่วยให้คิดทบทวนบทเรียนและจำบทเรียนต่างๆได้แม่นขึ้น

ปีถัดไปผมเจอดิกชันนารีอังกฤษล้วนของ Oxford ในบ้าน คงเป็นของพี่ชายคนใดคนหนึ่งนั่นแหละ ผมก็เปิดดิกเล่นบ่อยๆ ดูความหมายของคำศัพท์ ดูวิธีออกเสียงแต่ละคำที่เป็นสัญลักษณ์โฟเนติก ดูวิธีการสะกดคำต่างๆ

ปีต่อมาโรงเรียนให้ใช้หนังสือเรียนภาษาอังกฤษแทบทุกวิชา แม้แต่ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เรขาคณิต และอีกหลายวิชา มันเป็นอะไรที่ลำบากมากที่ต้องเรียนจากหนังสือภาษาอังกฤษและต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษ จำได้ว่าตอนนั้นต้องเพิ่มเวลาทบทวนบทเรียนเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน บางทีก็ต้องท่องคำตอบเอา แต่ก็ผ่านพ้นปีนั้นมาได้ด้วยผลการเรียนที่ค่อนข้างดี

หลังจากนั้นจำได้ว่าครูฝรั่งให้เขียนเรียงความภาษาอังกฤษ ผมก็เขียนได้ดีโดยอาศัยประโยคภาษาอังกฤษที่จำได้เอามาเขียนเป็นเรื่องเป็นราว

ปีถัดมาครูฝรั่งให้นักเรียนเบิกหนังสือนวนิยายภาษาอังกฤษจากห้องสมุดโรงเรียนแล้วอ่านเงียบๆในห้องเรียนวันละ 1 คาบสัปดาห์ละหลายวัน จำได้ว่าได้ประโยชน์จากการอ่านอย่างนั้นมากเลย ปีนั้นอ่านจบไปหลายเล่ม ได้ทั้งภาษาอังกฤษและความสนุกสนานจากการอ่านหนังสือนวนิยายมากมาย

มีหนังสือเรียนเล่มหนึ่งชื่อว่า 50 Common Mistakes in English เช่น beside กับ besides ต่างกันยังไง ก็ได้ความรู้มาก

ครูฝรั่งเอาหนังสือเรียนที่มีแต่ idioms ต่างๆผูกเป็นเรื่องเป็นบทๆ ผมลืมไปแล้วว่าหนังสือชื่ออะไร ครูฝรั่งให้นักเรียนท่องทั้งบทเลยครับ แล้วบอกข้อสอบล่วงหน้าด้วยว่า ข้อสอบจะให้นักเรียนเขียนตั้งแต่ประโยคหนึ่งถึงอีกประโยคหนึ่ง นักเรียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องท่องทั้งบท ต้องจำ idioms ต่างๆมากมาย จำขึ้นใจกันเลยแหละ

พอเข้ามอปลายก็เอาข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยวิชาภาษาอังกฤษเก่าๆมาฝึกทำและดูเฉลย จำได้ว่าได้ความรู้ภาษาอังกฤษเยอะแยะ

ใครจะเอาวิธีเรียนภาษาอังกฤษของผมไปใช้ก็เชิญนะครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่