เรายังไม่เคยทำสีผมแม้แต่ครั้งเดียว บอกเลยครั้งนี้ตื่นเต้นมาก
คิดอยู่นาน ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์ตัวไหน
ที่จะทำให้คนไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำสีผมอย่างเราสามารถใช้ได้ ทำได้ง่ายๆสีผมสวยทั่วสม่ำเสมอ
สีผมสวยเด่นชัดติดทนนาน แล้วมีสีให้เลือก ตรงกับความต้องการ เข้าไปค้นๆข้อมูลดูหลายยี่ห้อ

ที่สุดก็ได้มาเจอลิเซ่  Liese Creamy Bubble Color เอ่อ...น่าสน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยาก
สามารถทำเป็น D.I.Y. ที่บ้านได้เอง ไม่ต้องพึ่งใคร
แล้วสีล่ะ....เอาสีอะไรดี...คิดๆๆๆ...คิดไม่ออก มีให้เลือกตั้ง 16 เฉดสีแน่ะ


จะรู้ได้ไงว่าหน้าอย่างเราจะใช้สีผมไหนดี???
สภาพผม
- ไม่เคยผ่านการกัดสีผม
- เคยผ่านการยืดผม ปีละ 2 ครั้ง
- ผมเส้นใหญ่ และหนา
- สีดำสนิท มีสีน้ำตาลบ้างที่ปลายผม
- เส้นผมแตกปลายบ้าง และแห้งง่ายถ้าไม่ใช้ครีมนวดผม




ใน App นางมีทั้งเมคอัพนานาชนิด ที่สำคัญและตรงความต้องการของเรา คือ มีให้เลือกเปลี่ยนสีผมของลิเซ่ด้วย
แน่ะๆ อยากลองอ่ะดิ ลองเข้าไปเล่นดูนะสนุกดีค่ะ
หลังแต่งภาพเสร็จมี Before & After ในเปรียบเทียบกันด้วย






ไปซื้อมาที่โลตัสจัดโปรโมชั่น สอยมากล่องเดียวเอง
ลดจากปกติราคา 350 เหลือเพียง 250 บาท ลดตั้ง !! 100 !! Wow...
ยังไม่เคยทำสีผมจึงกะปริมาณไม่เป็น เพราะสุดท้ายก็ไม่เพียงพอ
อ่ะๆ ประสบการณ์ครั้งแรก ยอมๆ ไปก่อน





Liese hair color L1 โซลูชั่น 1 มาร์ชเมลโล่บราวน์ > ขวดเล็กสีดำ เลข 1
Liese hair color developer D โซลูชั่น 2 > ขวดใหญ่สีขาว เลข 2
Liese rinse of treatment หรือทรีทเม้นท์ชนิดล้างออก > ซองสีชมพูเล็ก
ฝาสำหรับทำโฟม > สีชมพู
ถุงมือ
ในถุงของถุงมือจะมีแผ่นทำ patch test สำหรับขั้นตอนการทดสอบการแพ้ของผิวหนัง ด้วยค่ะ



Patch test คือการทดสอบผิวหนังว่ามีอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมหรือไม่ เราต้องทำก่อนการใช้ 48 ชั่วโมงทุกครั้ง
แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยทดสอบแล้วไม่พบความผิดปกติใดใดก็ตาม
เนื่องจากสภาพร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่อาจส่งผลทำให้เกิดอาการแพ้ได้





ให้เทน้ำยาขวดที่ 1 ผ่านก้านสำลี ลงบนหลุมทดสอบ 2 หยด
จากนั้น ให้เทน้ำยาผ่านก้านสำลีลงบนหลุม จากขวดที่ 2 จำนวน 4 หยด
ใช้ก้านสำลีใหม่ผสมให้เข้ากัน แล้วถ้าที่ด้านในของแขน เป็นวงขนาดเหรียญ 5 บาท
ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 48 ชั่วโมงซึ่งต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งครัด
ผิวหนังบริเวณที่ระบายน้ำยา อาจจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงสีน้ำตาล
แต่จะหายไปเองหลังจากอาบน้ำตามปกติเป็นเวลา 2-3 วัน
ระหว่างทำการทดสอบระวังอย่าให้น้ำยาเปื้อนเสื้อผ้า



หากพบว่ามีผื่นแดงคันผิวหนังพุพองอักเสบ ห้ามถูให้ล้างออกทันทีและห้ามใช้ผลิตภัณฑ์โดยเด็ดขาด
แต่หากไม่เกิดความผิดปกติใดๆภายหลัง 48 ชั่วโมงสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ตามปกติ



- เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้ในอุณหภูมิห้องปกติ ประมาณ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไปจะมีผลต่อการติดของสีและการเกิดฟอง
- ห้ามอาบน้ำระหว่างใช้
- ต้องเลือกสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- ที่สำคัญต้องใช้กับผมที่แห้งแล้วเท่านั้น
- ใครใส่แว่นต้องถอดแว่นตา คอนแทคเลนส์ ต่างหู แหวน สร้อยคอ ออกก่อน
- พร้อมทั้งปูกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อป้องกันพื้นเลอะเพราะโฟมเปลี่ยนสีผมเมื่อและแล้วจะล้างไม่ออก
- อย่าใช้หวีหรือติดกิ๊บผมที่ทำจากโลหะ





- ก่อนที่เราจะทำสีผมต้องสระผมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
เพื่อพยายามล้างสิ่งสกปรกและผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเช่นโฟมเจล ออกให้หมด
- ระวังอย่าเกาแรงเดี๋ยวจะเกิดบาดแผลที่หนังศีรษะ
- ทำผมให้แห้งสนิทก่อนเปลี่ยนสีผมเพราะเส้นผมที่เปียกอาจทำให้โฟมไหลเข้าตาและประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสีจะลดลง
- หากต้องการดัดผมควรทำการเปลี่ยนสีผมก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ที่สำคัญหวีผมก่อนเริ่มการเปลี่ยนสีผมนะคะเพื่อป้องกันเส้นผมพันกัน

เตรียมตัวเองให้พร้อม

เปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเลือกแบบที่สามารถถอดได้จากด้านหน้า อาจจะเป็นเสื้อที่มีสาบกระดุม
จากนั้นต้องหาผ้าพันคอ ผ้าคลุมหรือผ้าขนหนูพันรอบคอ
หวีผมอย่าให้ผมพันกัน
อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวหน้า หน้าผาก ไรผม ใบหู ต้นคอ แขน
เพื่อป้องกันน้ำยาที่เปื้อน ทำให้สามารถล้างออกได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามต้องระวังไม่ให้ครีมบำรุงผิวติดที่เส้นผมนะคะเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสีลดลงค่ะ




- ใส่ถุงมือทั้ง 2 ข้างเพื่อไม่ให้น้ำยาเปื้อนมือ
- ตั้งขวดตรงไม่ให้เอียงขวดมากเกินไปนะคะ แล้วบีบโฟมตรงกลางขวดเบาๆ เนื้อโฟมจะออกมาเรื่อยๆค่ะ
- บีบฟองให้ได้ปริมาณเท่าขนาดไข่ไก่
- แบ่งผมเป็นส่วน ซ้าย - ขวา แล้วชโลมโฟมลงบนผม

- อย่าบีบเนื้อโฟมจากขวดลงบนผมโดยตรง เพราะโฟมอาจไหลเข้าตาและเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าได้
- สามารถใส่โฟมเพิ่มพร้อมนวดขยี้เบาๆไปเรื่อยๆจนโฟมกระจายชุ่มทั่วศีรษะถึงด้านในและโคนผม
ซึ่งจะช่วยทำให้สีผมสม่ำเสมอมากขึ้นและติดดีขึ้น

- พักโฟมไว้บนผม 20 - 30 นาที
- หลังครบกำหนดเวลา ให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือ น้ำสะอาด โดยใช้นิ้วมือสางผมเบาๆ
- ล้างโฟมจนสะอาด สระผมด้วยแชมพู 2 ครั้ง พยายามสระให้สะอาดหมดจด
- หลังจากสระผมแล้ว ใช้ "ลิเซ่ รินส์ ออฟ ทรีทเมนท์" ซองสีชมพู แล้วล้างออก
- เช็ดแล้วเป่าผมให้แห้งก็จะได้สีผมใหม่ สวยถูกใจแล้วค่ะ





ภาพรวม
อย่างที่ออกตัวไปค่ะว่า ผมเราสีดำสนิท ไม่เคยผ่านการกัดสีมาก่อน
สีผมเราเข้มมากจนอาจดูความเปลี่ยนแปลงหลังทำสีได้ไม่ชัดเท่าไร
แต่ที่รู้สึกได้คือบริเวณกลางศีรษะ สีติดชัดมากค่ะ แม้ว่าเราจะเพิ่งใช้ครั้งแรกก็ตาม
ส่วนปลายผมก็ติดสีนะคะ ในภาพอาจไม่ค่อยเห็นชัด
โดยรวมเรารู้สึกว่า OK นะคะ สีก็กระจายทั่วเสมอดีระดับหนึ่ง
เพราะเราตั้งใจแต่แรกว่าไม่อยากได้สีอ่อนมากเกินไป แค่ไม่อยากผมดำเพราะหน้าจะดูเข้มเกิน
และ Look น้ำตาลเข้มที่ได้หลังการทำสีผมในวันนี้ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ สำหรับประสบการณ์ครั้งแรกของเรานะคะ




Liese Creamy Bubble Color เป็นโฟมเนื้อละเอียด ครีมข้นนุ่มเนียนละเอียดกว่าเดิม
ง่าย....วิธีการใช้ไม่ยุ่งยาก แค่ "บีบโฟมแล้วนวดทั่วศีรษะ" แถมเวลาทำก็สนุกดีค่ะ
พร้อมเฉดสีสุดฮิตถึง 16 สี เลือกสีได้ไม่มีเบื่อ เปลี่ยน Look ได้ตลอดไม่มีซ้ำ
(มี App ให้ลองเล่นเปลี่ยนสีผมแบบไม่ต้องมโนเองอีกด้วย..."ลิเซ่ ลุคไหนก็เซลฟ์ ")


Liese Creamy Bubble Color สูตรนี้พัฒนาเกาะติดเส้นผมดีขึ้น 4 เท่า เพื่อสีผมสวยเด่นชัด ติดทนนาน
ขนาดเราไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ไม่เคยกัดสีผม แถมผมดำ หนา สียังติดเลย ผ่าน!!!
แต่เราใช้แค่เพียง 1 กล่องซึ่งอาจยังไม่เพียงพอกับปริมาณผม
หากเราใช้ 2 กล่องคาดว่าสีผมจะออกชัดกว่านี้
(หักคะแนนตัวเองไป 1 แต้มแทนละกัน แก้ตัวครั้งหน้าใหม่ ให้อภัยเพราะเป็นครั้งแรกจริงๆ)


Liese Creamy Bubble Color ให้สีที่เราพอใจนะคะ สีเป็นน้ำตาลออกเข้ม กระจายทั่วเส้นผมสม่ำเสมอ
แต่เราเองที่โบ๊ะโฟมบริเวณกลางศีรษะหนักไปหน่อย สีเลยออกชัดกว่าที่อื่น 555
(ครั้งแรก ให้อภัยจ้า)


Liese Creamy Bubble Color มาพร้อม Rinse - off Treatment ทรีทเมนท์ขนิดเข้มข้น
แค่เปิดซองก็หอม หลังหมักทั้งไว้ 3 นาที สามารถกลบกลิ่นโฟมเปลี่ยนสีผมได้แล้ว
และไม่ทำให้ผมแห้ง กรอบ หลังการทำด้วยค่ะ รับคะแนนไปเต็ม


ขนาดเราไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมยังใช้ Liese Creamy Bubble Color ได้ง่าย
ทำเองทุกกระบวนการ ไม่ง้อใคร ราคาไม่แพง (ซื้อตอนราคาโปรโมชั่น)
สีผมออกมาเป็นที่น่าพอใจ และคิดว่าเร็วๆนี้จะไปซื้อมาทำซ้ำค่ะ ยี่ห้อนี้เลย
"ลิเซ่ ลุคไหนก็เซลฟ์ " จากนี้อยากได้สีไหน จัดเลย 16 เฉดสี ใช้วนไปค่ะ