คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เห็นบอกว่า เจตนาที่ตั้งกระทู้ เผื่อว่า บางทีคนไม่มีความรู้ หรือ ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ จะได้มีความรู้บ้างตามสมควร
ผมพอดีเข้ามาแจมทั้งสองกระทู้ เห็นว่า มันจบเพี้ยนๆ
คิดว่าพอมีเวลา ก็เลยพิมพิ์มาให้อ่านนะ
เรื่องขั้นตอนการทำรายการบัตรเครดิต คนที่รู้ดีที่สุดคือพนักงานรูดบัตร ไม่ใช่พนักงานแบ๊งค์นะครับ
ในการทำรายการบัตรเครดิต ผมเจอปัญหาคนถือบัตรไม่เข้าใจการใช้บัตรเครดิตพอสมควร
และเจอปัญหาพนักงานแบ๊งค์ไม่เข้าใจการรับเซลสลิปพอสมควร
ปัญหาที่เจอเหมือนกันอย่างนึง คือ คนถือบัตรและพนักงานแบ๊งค์ ไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้อง
เวลารับบัตร ร้านจะต้องดูว่าบัตรที่จะรูดมีประเภทเดียวกับที่ร้านรับ
ซึ่งแปลว่า ลูกค้า(คนถือบัตร)จะต้องเข้าใจเช่นกันว่า ร้านรับบัตรประเภทที่ตัวเองจะใช้
ถ้าไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้อง มีปัญหาครับ
เช่นกัน เมื่อร้านค้าเอาเซลสลิปไปขายให้ธนาคาร
ร้านจะต้องเลือกเฉพาะเซลสลิปของบัตรประเภทเดียวกับที่ตกลงกะธนาคาร
และพนักงานแบ๊งค์ก็ต้องแยกแยะออกว่าเซลสลิปของบัตรประเภทไหนที่ตกลงกะร้านค้า
ผมเป็นร้านค้ารับบัตร เคยเจอปัญหาทั้งจากฝั่งลูกค้าและฝั่งธนาคาร ว่าไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้องครับ
ประเภทบัตรที่ร้านไม่ได้ติดป้ายว่ารับ ลูกค้าก็พยายามยืนยันว่าใช้ได้ เพราะแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตไม่เป็น
สลิปแบบที่ตกลงกะแบ๊งค์ แต่พนักงานแบ๊งค์บอกไม่รับ เพราะแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตไม่เป็น ก็เคยเจอ
ช่วง 20 ปีก่อน ที่ จขกท.เกิดข้อสงสัย แล้วเอามาตั้งกระทู้
ช่วงนั้น ร้านค้าทั่วไป จะใช้แป้นรูดบัตรที่เรียกว่า zip-zap
ถ้าร้านรับบัตรสิบประเภท จะใช้แป้น zip-zap สิบแป้น ของใครของมัน ดูคลิปประกอบนะ
บนแป้น จะมีบัตรตัวนูนอยู่แผ่นนึง เป็นรายละเอียดของร้านค้า แผ่นนี้จะยึดติดกะแป้นตลอดเวลา
เวลารูดบัตรเครดิต จะเอาบัตรเครดิตมาวางบนแป้น (ทำให้ตอนนี้บนแป้นมีบัตรตัวนูน 2 ใบละ)
แล้วเอาสลิป(เป็นกระดาษก๊อปปี้ ปกติมีสามชั้น)มาวางทับบัตรอีกที
เมื่อดึงแผ่นกด zip-zap (ขวา-ซ้าย) ตามคลิป พวกตัวหนังสือนูนบนบัตร จะถูกก๊อปปี้มาปรากฏให้เห็นบนสลิป
ก็คือ ตอนนี้บนสลิป จะมีรายละเอียดของบัตรเครดิต และรายละเอียดของร้านค้าครบถ้วน เขียนยอดเงินลงไปได้เลย พร้อมทำรายการแล้วครับ
ในช่วงแรกๆ ระบบการสื่อสารยังไม่ทันสมัย การใช้บัตรเครดิต จึงมีการอลุ้มอล่วยในระดับนึง
คือ ถ้ายอดรูดไม่ถึงเกณฑ์ ไม่ต้องขอรหัสอนุมัติครับ
คนถือบัตรวงเงินสองหมื่น สามารถรูดซื้อของเกินสองล้านได้ครับ (รูดยอดน้อยๆหลายๆครั้ง)
เวลารับบัตร ขั้นตอนแรกคือ ตรวจประเภทบัตรว่าตรงกะที่ร้านรับ
ขั้นตอนที่สองคือ ดูยอดรูดว่าถึงเกณฑ์ต้องขอรหัสอนุมัติรึเปล่า
ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ ไม่ต้องขอรหัสอนุมัติ แต่ต้องตรวจ black list ครับ
แต่ละประเภทของบัตรเครดิตที่ร้านรับ ปกติเค้าจะส่งสมุด black list มาให้อาทิตย์ละครั้ง
ถ้าร้านรับบัตรสิบประเภท จะมีสมุด black list มาให้อาทิตย์ละสิบเล่ม ปีละห้าร้อยเล่มครับ
สมุด black list จะมีแต่ตัวเลขบัตรเครดิตที่ถูกยกเลิก(มากมายมหาศาล)
ถ้าตรวจเจอเลขบัตรตรงกะใน black list ให้ยึดบัตรไว้เลย ไม่ต้องคืนลูกค้าครับ
ถ้าไม่เจอเลขบัตรตรงกะใน black list ก็เอาสลิปให้ลูกค้าเซ็นชื่อ->เช็คลายเซ็นว่าเหมือน->ฉีกสลิปส่วนของลูกค้าให้ลูกค้า->จบ
ถ้ายอดรูดถึงเกณฑ์ต้องขอรหัสอนุมัติ ก็ต้องขอรหัสอนุมัติ ต้องแยกขอตามแต่ละประเภทบัตร (ไม่ใช่แยกขอตามธนาคารที่ออกบัตร)
ในช่วงแรก เป็นระบบใช้คนรับสาย โทรไปขอ เค้าจะถามข้อมูล รหัสร้าน เลขบัตร วันหมดอายุของบัตร ยอดเงิน
เราก็คอย ถ้าเค้าบอกไม่ผ่าน ก็คืนบัตร ขอบัตรอื่นหรือจ่ายสดหรือไม่ซื้อก็ว่าไป
ถ้าผ่าน เค้าจะให้เลขอนุมัติ เราเอาเลขนี้ไปเขียนในสลิป
เอาสลิปให้ลูกค้าเซ็นชื่อ->เช็คลายเซ็นว่าเหมือน->ฉีกสลิปส่วนของลูกค้าให้ลูกค้า->จบ
ช่วงต่อมา การขอรหัสอนุมัติเป็นระบบอัตโนมัติ(ไม่ได้คุยกะคนละ) โทรไปขอ ระบบจะให้เราบอกข้อมูลโดยการกดเลขต่างๆเอง
ช่วงต่อมา เป็นเครื่องขอรหัสอนุมัติโดยเฉพาะ รูดได้แต่พิมพิ์สลิปไม่ได้ มีแป้นตัวเลขและหน้าจอแสดงผลคล้ายเครื่องคิดเลข
เครื่องนี้ตั้งที้ร้าน ใช้สายโทรศัพท์ติดต่อศูนย์ ถ้าผ่านรหัสอนุมัติจะขึ้นหน้าจอ เราก็จดเลขไปเขียนในสลิป
เคยเจอมันขึ้น capture card คือให้ยึดบัตรด้วย
แล้วต่อมาถึงเป็นระบบ edc คือแบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน
ร้านค้าที่ใช้ระบบ edc เกณฑ์ที่ต้องขอรหัสอนุมัติจะเป็น 0 คือรูดบาทเดียวก็ต้องขอรหัสอนุมัติ
เครื่อง edc จะถูกโปรแกรมให้รับเฉพาะประเภทบัตร ถ้าประเภทบัตรไม่ตรงก็ทำรายการต่อไม่ได้(รูดได้ทำรายการไม่ได้)
ผมยังไม่เคยเจอร้านค้าที่ใช้ระบบ edc แล้วยังใช้แป้น zip-zap ในประเภทบัตรเดียวกันนะ
ขั้นตอนบอกได้แบบนี้ แต่อ่านแล้วจะเข้าใจแค่ไหน ขึ้นกะว่าสามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้องแค่ไหน
เพราะอย่างที่บอก การขอรหัส ต้องแยกขอตามแต่ละประเภทบัตร (ไม่ใช่แยกขอตามธนาคารที่ออกบัตร)
ปัญหารูดบัตรที่มาเลย์ อาจเกิดจากใช้บัตรผิดประเภทโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เรื่องขั้นตอนการรูดหรือขอรหัสอนุมัติ
ส่วนคำถามกระทู้เดิม เครื่องรูดเสียแล้วร้านค้าโทรขออนุมัติแทน ผมยังไม่เคยเจอว่าร้านไหนจะทำแบบนั้น
ต้องถามรายละเอียดจาก คุณ nyhan คห.3 ว่าเป็นยังไงครับ
ตัวอย่างประเภทบัตรครับ
1. บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ = บัตรโลคอล
2. บัตรเครดิตขวัญนคร = บัตรโลคอล
3. บัตรเครดิต visa (ไม่เรียกว่าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ) = บัตรอินเตอร์ (Inter Bank Card)
4. บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ และ บัตรเครดิต visa (เรียกว่า สองบัตรในหนึ่งใบ) = บัตรโลคอล และ บัตรอินเตอร์
ให้สังเกตุว่า 3. ไม่เรียกว่า บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพนะ
บัตรเครดิตในช่วง 20 ปีก่อน มีเกินสิบประเภท พนักงานแบ๊งค์บางคนยังแยกไม่ถูกครับ
ผมพอดีเข้ามาแจมทั้งสองกระทู้ เห็นว่า มันจบเพี้ยนๆ
คิดว่าพอมีเวลา ก็เลยพิมพิ์มาให้อ่านนะ
เรื่องขั้นตอนการทำรายการบัตรเครดิต คนที่รู้ดีที่สุดคือพนักงานรูดบัตร ไม่ใช่พนักงานแบ๊งค์นะครับ
ในการทำรายการบัตรเครดิต ผมเจอปัญหาคนถือบัตรไม่เข้าใจการใช้บัตรเครดิตพอสมควร
และเจอปัญหาพนักงานแบ๊งค์ไม่เข้าใจการรับเซลสลิปพอสมควร
ปัญหาที่เจอเหมือนกันอย่างนึง คือ คนถือบัตรและพนักงานแบ๊งค์ ไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้อง
เวลารับบัตร ร้านจะต้องดูว่าบัตรที่จะรูดมีประเภทเดียวกับที่ร้านรับ
ซึ่งแปลว่า ลูกค้า(คนถือบัตร)จะต้องเข้าใจเช่นกันว่า ร้านรับบัตรประเภทที่ตัวเองจะใช้
ถ้าไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้อง มีปัญหาครับ
เช่นกัน เมื่อร้านค้าเอาเซลสลิปไปขายให้ธนาคาร
ร้านจะต้องเลือกเฉพาะเซลสลิปของบัตรประเภทเดียวกับที่ตกลงกะธนาคาร
และพนักงานแบ๊งค์ก็ต้องแยกแยะออกว่าเซลสลิปของบัตรประเภทไหนที่ตกลงกะร้านค้า
ผมเป็นร้านค้ารับบัตร เคยเจอปัญหาทั้งจากฝั่งลูกค้าและฝั่งธนาคาร ว่าไม่สามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้องครับ
ประเภทบัตรที่ร้านไม่ได้ติดป้ายว่ารับ ลูกค้าก็พยายามยืนยันว่าใช้ได้ เพราะแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตไม่เป็น
สลิปแบบที่ตกลงกะแบ๊งค์ แต่พนักงานแบ๊งค์บอกไม่รับ เพราะแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตไม่เป็น ก็เคยเจอ
ช่วง 20 ปีก่อน ที่ จขกท.เกิดข้อสงสัย แล้วเอามาตั้งกระทู้
ช่วงนั้น ร้านค้าทั่วไป จะใช้แป้นรูดบัตรที่เรียกว่า zip-zap
ถ้าร้านรับบัตรสิบประเภท จะใช้แป้น zip-zap สิบแป้น ของใครของมัน ดูคลิปประกอบนะ
บนแป้น จะมีบัตรตัวนูนอยู่แผ่นนึง เป็นรายละเอียดของร้านค้า แผ่นนี้จะยึดติดกะแป้นตลอดเวลา
เวลารูดบัตรเครดิต จะเอาบัตรเครดิตมาวางบนแป้น (ทำให้ตอนนี้บนแป้นมีบัตรตัวนูน 2 ใบละ)
แล้วเอาสลิป(เป็นกระดาษก๊อปปี้ ปกติมีสามชั้น)มาวางทับบัตรอีกที
เมื่อดึงแผ่นกด zip-zap (ขวา-ซ้าย) ตามคลิป พวกตัวหนังสือนูนบนบัตร จะถูกก๊อปปี้มาปรากฏให้เห็นบนสลิป
ก็คือ ตอนนี้บนสลิป จะมีรายละเอียดของบัตรเครดิต และรายละเอียดของร้านค้าครบถ้วน เขียนยอดเงินลงไปได้เลย พร้อมทำรายการแล้วครับ
ในช่วงแรกๆ ระบบการสื่อสารยังไม่ทันสมัย การใช้บัตรเครดิต จึงมีการอลุ้มอล่วยในระดับนึง
คือ ถ้ายอดรูดไม่ถึงเกณฑ์ ไม่ต้องขอรหัสอนุมัติครับ
คนถือบัตรวงเงินสองหมื่น สามารถรูดซื้อของเกินสองล้านได้ครับ (รูดยอดน้อยๆหลายๆครั้ง)
เวลารับบัตร ขั้นตอนแรกคือ ตรวจประเภทบัตรว่าตรงกะที่ร้านรับ
ขั้นตอนที่สองคือ ดูยอดรูดว่าถึงเกณฑ์ต้องขอรหัสอนุมัติรึเปล่า
ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ ไม่ต้องขอรหัสอนุมัติ แต่ต้องตรวจ black list ครับ
แต่ละประเภทของบัตรเครดิตที่ร้านรับ ปกติเค้าจะส่งสมุด black list มาให้อาทิตย์ละครั้ง
ถ้าร้านรับบัตรสิบประเภท จะมีสมุด black list มาให้อาทิตย์ละสิบเล่ม ปีละห้าร้อยเล่มครับ
สมุด black list จะมีแต่ตัวเลขบัตรเครดิตที่ถูกยกเลิก(มากมายมหาศาล)
ถ้าตรวจเจอเลขบัตรตรงกะใน black list ให้ยึดบัตรไว้เลย ไม่ต้องคืนลูกค้าครับ
ถ้าไม่เจอเลขบัตรตรงกะใน black list ก็เอาสลิปให้ลูกค้าเซ็นชื่อ->เช็คลายเซ็นว่าเหมือน->ฉีกสลิปส่วนของลูกค้าให้ลูกค้า->จบ
ถ้ายอดรูดถึงเกณฑ์ต้องขอรหัสอนุมัติ ก็ต้องขอรหัสอนุมัติ ต้องแยกขอตามแต่ละประเภทบัตร (ไม่ใช่แยกขอตามธนาคารที่ออกบัตร)
ในช่วงแรก เป็นระบบใช้คนรับสาย โทรไปขอ เค้าจะถามข้อมูล รหัสร้าน เลขบัตร วันหมดอายุของบัตร ยอดเงิน
เราก็คอย ถ้าเค้าบอกไม่ผ่าน ก็คืนบัตร ขอบัตรอื่นหรือจ่ายสดหรือไม่ซื้อก็ว่าไป
ถ้าผ่าน เค้าจะให้เลขอนุมัติ เราเอาเลขนี้ไปเขียนในสลิป
เอาสลิปให้ลูกค้าเซ็นชื่อ->เช็คลายเซ็นว่าเหมือน->ฉีกสลิปส่วนของลูกค้าให้ลูกค้า->จบ
ช่วงต่อมา การขอรหัสอนุมัติเป็นระบบอัตโนมัติ(ไม่ได้คุยกะคนละ) โทรไปขอ ระบบจะให้เราบอกข้อมูลโดยการกดเลขต่างๆเอง
ช่วงต่อมา เป็นเครื่องขอรหัสอนุมัติโดยเฉพาะ รูดได้แต่พิมพิ์สลิปไม่ได้ มีแป้นตัวเลขและหน้าจอแสดงผลคล้ายเครื่องคิดเลข
เครื่องนี้ตั้งที้ร้าน ใช้สายโทรศัพท์ติดต่อศูนย์ ถ้าผ่านรหัสอนุมัติจะขึ้นหน้าจอ เราก็จดเลขไปเขียนในสลิป
เคยเจอมันขึ้น capture card คือให้ยึดบัตรด้วย
แล้วต่อมาถึงเป็นระบบ edc คือแบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน
ร้านค้าที่ใช้ระบบ edc เกณฑ์ที่ต้องขอรหัสอนุมัติจะเป็น 0 คือรูดบาทเดียวก็ต้องขอรหัสอนุมัติ
เครื่อง edc จะถูกโปรแกรมให้รับเฉพาะประเภทบัตร ถ้าประเภทบัตรไม่ตรงก็ทำรายการต่อไม่ได้(รูดได้ทำรายการไม่ได้)
ผมยังไม่เคยเจอร้านค้าที่ใช้ระบบ edc แล้วยังใช้แป้น zip-zap ในประเภทบัตรเดียวกันนะ
ขั้นตอนบอกได้แบบนี้ แต่อ่านแล้วจะเข้าใจแค่ไหน ขึ้นกะว่าสามารถแยกแยะประเภทของบัตรเครดิตได้ถูกต้องแค่ไหน
เพราะอย่างที่บอก การขอรหัส ต้องแยกขอตามแต่ละประเภทบัตร (ไม่ใช่แยกขอตามธนาคารที่ออกบัตร)
ปัญหารูดบัตรที่มาเลย์ อาจเกิดจากใช้บัตรผิดประเภทโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เรื่องขั้นตอนการรูดหรือขอรหัสอนุมัติ
ส่วนคำถามกระทู้เดิม เครื่องรูดเสียแล้วร้านค้าโทรขออนุมัติแทน ผมยังไม่เคยเจอว่าร้านไหนจะทำแบบนั้น
ต้องถามรายละเอียดจาก คุณ nyhan คห.3 ว่าเป็นยังไงครับ
ตัวอย่างประเภทบัตรครับ
1. บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ = บัตรโลคอล
2. บัตรเครดิตขวัญนคร = บัตรโลคอล
3. บัตรเครดิต visa (ไม่เรียกว่าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ) = บัตรอินเตอร์ (Inter Bank Card)
4. บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ และ บัตรเครดิต visa (เรียกว่า สองบัตรในหนึ่งใบ) = บัตรโลคอล และ บัตรอินเตอร์
ให้สังเกตุว่า 3. ไม่เรียกว่า บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพนะ
บัตรเครดิตในช่วง 20 ปีก่อน มีเกินสิบประเภท พนักงานแบ๊งค์บางคนยังแยกไม่ถูกครับ
แสดงความคิดเห็น
[K-Bank หรือ SCB] ถ้าไม่มีเงินสดติดตัว เครื่องรูดบัตรรูดไม่ได้ จะทำอย่างไร ?
อยากได้คำตอบจาก K-Bank และ SCB
เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น และใช้บัตรได้ โดยผู้ขายโทรศัพท์ขออนุมัติ (verbal) แทนการใช้เครื่องรูดบัตรตามปกติ
https://ppantip.com/topic/36211015
ขอความกรุณาช่วยอธิบายขั้นตอน การโทรศัพทย์ขออนุมัติฯที่ผู้ขายปฏิบัติ
คืออยากทราบว่า
1) การอนุมัติทางโทรศัพท์ จะมี approval code มาให้ผู้ขาย ใช่ไหม ?
2) ผู้ขาย ต้องแจ้งหมายเลขบัตร และ อะไรอีกบ้าง ?
ขอบคุณมากครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้