[CR] 2days in Kyoto(D1: Fushimi inari, Tofukuji, Kibune-Kurama, Centurion hotel &spa) (D2:Kinkakuji, Ryoanji,Nijo,Kiyomizu)

2days in Kyoto(D1: Fushimi inari shrine, Tofukuji, Kibune-Kurama, Centurion  hotel &spa) (D2: Kinkakuji, Ryoanji, Nijo castle, Kiyomizudera)
สวัสดีครับ พอดีผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ เกียวโต ในช่วง weekend ที่ผ่านมา(ผมมีเหตุให้มาศึกษาดูงานอยู่โกเบ 1 เดือน) ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศกำลังเย็นสบาย ประมาณ 4-10 องศานะครับ บางวันก็มีฝนตกปรอยๆ ทำให้ยิ่งหนาวยะเยือกเข้าไปอีก แม้จะกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่ามันก็ยังไม่ค่อยมีดอกไม้สวยๆให้เห็นสักเท่าไหร่ คงต้อรอช่วงปลายๆเดือน ถึงจะสามารถชมซากุระกันได้ครับ
ทริปผมจะแปลกๆสักหน่อย วางแผนแบบงงๆ ใครจะตามก็คิดให้ดีก่อนนะครับ 555 วันแรกออกจากโกเบ ประมาณ9.00น. ถึงเกียวโตก็ 10.00 ได้ รายละเอียดการเดินทางต่างๆ มีกระทู้ก่อนๆพูดถึงไว้เยอะแล้ว ผมขออนุญาต ข้ามไปละกันนะครับ วันแรก ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟ เพราะตั้งใจจะไปหมู่บ้าน Kibune แล้วเดินข้ามเขาไปแช่ Kurama onsen ที่อยู่เหนือสุดของเมืองเป็นหลัก ซึ่งไปสอบถามที่ information centerแล้ว พาสไหนๆก็ไม่สามารถใช้ได้ วันแรกผมจึงกะจะเก็บโซนด้านล่าง แล้วนั่งรถไฟขึ้นเหนือ ข้ามโซนในเมืองไปก่อน เอาไว้ใช้บัตร 1day Bus ในวันรุ่งขึ้นครับ
จึงไปเริ่มต้นที่ Fushimi Inari Shrine บริเวณทางเข้า คนเยอะแต่เช้าครับวันนี้บรรยากาศครึ้มๆ แต่โชคดีฝนไม่ตกมองย้อนกลับลงมาก็เห็นกระแสผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
แผนที่ และป้ายบอกทาง(ภาษาญี่ปุ่น90%) T__Tโทริอิสีแดงมากมายครับ
เหมือนที่นี่เค้าจะบูชาสุนัขจิ้งจอกนะครับ มีรูปปั้น คอยเฝ้าประตูอยู่ตลอด และป้ายขอพรก็เป็นรูปจิ้งจอกเช่นกันมีทางแยกให้ไปศาลเจ้าด้านบน ก็ตามเค้าขึ้นไปครับ
ระหว่างทางก็มีป่าไผ่ให้ดูเล่น กลับลงมาก็เป็นประตูโทริอิสีแดง เต็มไปหมด
ตรงทางออก ก็จะมาเจอร้านขายของกินข้างทาง มีแต่ของน่ากินนะครับ ส่วนผมก็ได้เสียเงินเยนให้กับร้านเนื้อวัวเสียบไม้ย่าง และขนมโมจิใส่สตรอเบอรี่นี่แหละครับ อร่อยดีนะ
อ้อใครซื้ออะไรกินแถวนี้ ผมแนะนำให้ยืนกินให้เสร็จแล้วทิ้งใส่ถังขยะหน้าร้านแต่ละร้านไปเลยนะครับ ถ้าเดินกินลงมาเรื่อยๆ จะไม่มีถังขยะให้ทิ้ง จนถึงfamily mart แถวๆสถานีรถไฟเลย ลำบากมาก(เหมือนผม)
จากที่นี่ก็ขึ้นรถไฟมาที่ Tofukuji st. แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึง Tofukuji temple
ระหว่างทาง คนน้อยๆจนนึกว่าเดินมาผิดทางแล้ว แต่ก็ได้อากู๋ช่วยให้มั่นใจครับ
พอมาถึงก็พบว่าคนน้อยจริงๆ แต่เข้าไปแล้วไม่ผิดหวังครับ เสียเงินค่าเข้า 400yen ด้านในเป็นสวน และอาคารไม้ สวยงามมาก ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะงามสุดๆ
จากใต้สุด ผมก็นั่งรถไฟยิงยาวขึ้นไปเหนือสุดเลยครับ สถานีรถไฟแถวๆนี้ให้อารมณ์ชนบทซึ่งแตกต่างจากในเมืองชัดเจน
ในรถไฟก็ว่างมากๆเลย ผู้คนโหรงเหรง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงหมู่บ้าน Kibune ที่สถานีรถไฟ Kibuneguchi แล้วครับ หมู่บ้านKibune และ Kurama เป็นหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา ที่มีภูเขา Kurama คั่นกลาง มีเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจ และวัด Kuramadera บนยอดเขา ไปดูกันเลยดีกว่าครับ
จากสถานีรถไฟ เดินลงมานิดหนึ่งก็จะเจอป้ายรถบัสประจำหมู่บ้าน
เดินไปอีกก็จะเจอตัวหมู่บ้าน และสะพานสีแดงๆในรูปคือทางเดินเชื่อมไปขึ้นเขานั่นเองครับแต่ผมขอไปเติมพลังก่อน ด้วยอาหารท้องถิ่นแถวนี้ ชื่อร้าน Dembei คือราเม็ง ทานคู่กับปลาอายุ หมักซีอิ๊ว รสชาติกลมกล่อมอร่อยดี ราคาประมาณ 1000 yen ครับ ขอแนะนำให้เติมพลังกันให้เรียบร้อยก่อนนะครับ เพราะเราจะไปปีนเขากัน จริงๆก็ไม่ได้ไกลมาก แต่ก็ทำให้ผมเหงื่อออกเป็นครั้งแรก ในอากาศ4 C ตั้งแต่มาอยู่ญี่ปุ่นได้ 1 สัปดาห์
แต่ก่อนอื่น เดินเลยเข้าไปในหมู่บ้าน แวะไปสักการะศาลเจ้าประจำหมู่บ้านกันก่อนครับ

แล้วเดินย้อนกลับมาที่สะพานสีแดง ก็จะเจอป้ายบอกทางไป Kurama temple ชัดเจนครับ ประตูทางเข้าก็ดูขลังดีทีเดียว แล้วก็มีแผนที่เก่าๆ ให้ศึกษาเส้นทางกันก่อนนะครับ   เจอผู้คนน้อยมาก จนเกือบจะถอดใจ เพราะเราก็ไปคนเดียว กลัวจะหลงป่า กลัวจะเจอหมี กลัว… ซะเมื่อไหร่ มาถึงนี่แล้วก็ไปสิครับ onsen รออยู่
ะหว่างทางเดินไปเรื่อยๆ ก็มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ว่าแต่ละฝั่งเหลืออีกเท่าไหร่ อ้อทางเดินนี้สามารถเดินมาจากฝั่งหมู่บ้าน Kurama ก็ได้เช่นกันนะครับ รองเท้าควรจะใส่อย่างน้อยก็รองเท้าผ้าใบนะครับ เพราะทางเป็นดิน หิน บางช่วงก็เปียกชื้นอาจจะลื่นหัวทิ่มได้เดินมาสักระยะมาเจอจุดที่มีคนหยุดถ่ายรูปกัน ก็เป็นพรมรากไม้เก่าแก่ สวยงามตามธรรมชาติ มีศาลเจ้าเป็นระยะๆ ด้วยครับ และก็มีน้ำสะอาดจากธรรมชาติให้แวะดื่มได้(แต่ผมก็ไม่กล้าลอง ซื้อน้ำขึ้นมากินดีกว่า)

ในหนังสือนำเที่ยวที่อ่านมาเค้าบอกใช้เวลาเดินประมาณ 2.30 ชม.- 3 ชม. แต่ผมเดินมาสักระมาณ 40 นาที ก็ได้ยิน้สียงระฆังดังกังวาน คิดว่าวัดคงอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ เดินไปอีกหน่อยก็เจอที่มาของเสียงครับ
ยังไม่ถึงตัววัด แต่ก็เดินลงไปอีกไม่ไกล รวมๆแล้ว ผมใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เสียเหงื่อไป 30 cc. แต่พักแป๊บเดียวก็แห้งสบาย ไม่เหม็นด้วยครับ
พอเดินลงมาถึงตัววัดก็จะได้หายเหนื่อยกันจริงๆ เพราะวิวสวยมากกกกก และคนก็แทบไม่มี ถ่ายรูปได้สบาย และจากตัววัด Kurumadera นี้ เราสามารถเดินต่อลงไป หรือจะนั่งกระเช้า cable car ลงไปก็ได้ครับ
ส่วนผมต้องการได้ครบทุกรสชาติ จึงเลือกนั่งกระเช้าดีกว่า ไม่ได้หมดแรงแต่อย่างใดครับ
เดินลงมาก็จะเจอป้ายบอกทางแยกไปลงกระเช้าได้

เข้ามาแล้วก็กดซื้อตั๋วที่เครื่องก่อนนะครับ ผู้ใหญ่ 200 เด็ก 100Y  แล้วก็ไปนั่งเข้าคิวรอ กระเช้าน่าจะมาทุกๆ 15 นาที พอถึงตีนเขา เดินลงบันไดมาอีกเล็กน้อย ก็จะได้เจอกับหมู่บ้าน Kurama ในหุบเขา ที่แสนสงบกันครับ เดี๋ยวเย็นๆมาต่อนะครับ ขอไปทำงานก่อน
ชื่อสินค้า:   Kyoto
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่