นี่เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิปเลยครับ หากมีอะไรผิดพลาดไป สะกดคำไหนไม่ถูกต้อง รูปไหนไม่สุภาพ ต้องกล่าวขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยครับ
พอดีว่ามีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวซึ่งเป็นทริปที่ผมและทุกคนประทับใจเอามากๆ เลยอยากจะมาแบ่งปันครับ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
และอีกอย่างผมอยากจะเขียนเก็บไว้เพื่อเป็นเครื่องมือบันทึกความทรงจำของตัวผมเองด้วยครับ
แรกเริ่มเลยคือกลุ่มของผมคุยๆกันว่าอยากจะไปเที่ยวทะเล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปกันที่ไหนดี
ตอนแรกก็ว่าจะไปที่ใกล้ๆหน่อย เพราะมีเวลาแค่สามวัน ไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางมากเท่าไหร่
อยากไปที่ที่แบบ นั่งเครื่องไปถึงเลย ไม่ต้องต่อรถต่อเรือครับ เหมือนจะขี้เกียจเนาะ ฮ่าๆ
ตอนแรกก็แชร์กันครับว่าใครอยากไปที่ไหน ที่แรกๆที่เอ่ยมาคงหนีไม่พ้นทะเลที่อยู่ใกล้ๆกรุงเทพ
เสม็ดเอย พัทยาเอย หัวหินเอย แต่คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว มีโอกาสไปด้วยกันทั้งที เอาให้สุดไปเลยครับ
เลยลองดูทะเลแถวภาคใต้ดูครับ ชื่อที่คิดมาแรกๆก็ กระบี่ ภูเก็ต สมุย อาจคงเพราะคุ้นหูที่สุด
แต่พี่สาวอีกคนนึงก็บอกมาว่า อยากไป "หลีเป๊ะ" ส่วนตัวผมเองนั้นเคยได้ยินแค่ชื่อผ่านๆหูเท่านั้นครับ
ไม่เคยได้เห็นรูปภาพ บรรยากาศ ว่าที่หลีเป๊ะมันเป็นแบบไหน จะสวยงามเพียงใด
หลังจากที่เราตกลงกันได้ว่าจะไปหลีเป๊ะ ผมเองก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับหลีเป๊ะทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พัก กิจกรรม สถานที่ท่องเที่ยว และเรื่องของการเตรียมตัวครับ รายละเอียดตามนี้เลยครับ
การเดินทาง "ขาไป" ( 6 มีนาคม 60 )
• นั่งเครื่องบินไฟลท์แรกของวัน เครื่องออกจากสนามบินเชียงใหม่ 6.25น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ 8.25น. ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดสองชั่วโมง
• นั่งรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ 9.00น. ถึงท่าเรือปากบารา 11.00น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
• นั่งเรือจากท่าเรือปากบารา 11.30น. ถึงเกาะหลีเป๊ะ 13.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
• เรือที่พวกเรานั่งเป็นเรือ speed boat ครับ ระหว่างทางจะแวะที่เกาะตะรุเตากับเกาะไข่ แวะเกาะละ 15 นาทีครับ ก็พอที่จะลงไปถ่ายรูปสวยๆได้หลายรูปเลยครับ แต่ถ้าเป็นเรือเฟอรี่จะไม่แวะให้นะครับ
• ในเรื่องของการเดินทาง เที่ยวรถตู้ เที่ยวเรือมันจะมีรอบของมัน ฉะนั้นเช็คเวลาให้สัมพันธ์กันนะครับ หากเราเดินทางช้ากว่ากำหนด หรือเครื่องดีเลย์ อาจจะทำให้เราต้องเลื่อนรอบ เสียเวลาเข้าไปอีกครับ
การเดินทาง "ขากลับ" ( 8 มีนาคม 60 )
• นั่งเรือจากเกาะหลีเป๊ะ 9.30น. ถึงท่าเรือปากบารา 10.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ
• นั่งรถตู้จากท่าเรือปากบารา 11.30น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ 13.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณเกือบๆสองชั่วโมงได้ครับ
• นั่งเครื่องบินจากสนามบินหาดใหญ่ 16.35น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ 18.30น. ครับ ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณสองชั่วโมงครับ
• ขากลับเรือจะวิ่งตรงไปท่าเรือปากบาราเลยครับ ทำให้ใช้เวลาเดินทางแค่หนึ่งชั่วโมง ขากลับก็นั่ง speed boat เหมือนเดิมครับ
• เรื่องของการเดินทางอาจจะเหนื่อยหน่อยครับ ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงได้ครับ ทั้งนั่งเครื่อง ต่อรถ ขึ้นเรือ ขาดแค่รถไฟอย่างเดียวครับ
'สิ่งที่ต้องเตรียม'
• ยากันยุง พวกซอฟเฟล เนื่องจากบนเกาะยุงเยอะมากครับ ตัวเป้งๆทั้งนั้นครับ
• ชุดทำแผลพกพา มีขายที่เซเว่นครับ
•ไฟฉายพกพา
• ผ้าขนหนู ( กรณีไปดำน้ำครับ )
• กระเป๋ากันน้ำ ( กรณีไปดำน้ำครับ )
• เหล้า-เบียร์ ให้ซื้อจากฝั่งตรงท่าเรือปากบาราเข้าไปครับ จะมีเซเว่น และร้านขายของชำอยู่ตรงข้ามกันครับ เนื่องจากบนเกาะขายแพงกว่าฝั่งเท่าตัวได้ครับ เบียร์ช้างกระป๋องเล็กในซเว่น ที่หลีเป๊ะ กระป๋องละ 59 บาทได้ครับ เบียร์ขวดเล็กตามร้านอาหารทั่วๆไปขาย 80 เท่ากันแทบทุกที่ครับ แต่ผมแนะนำให้แบกเบียร์เข้าไปจะโอเคกว่าครับ เนื่องจากน้ำแข็งบนเกาะนี่ถือเป็น rare item เลยครับ แพงมว๊ากกด้วย
• ขนม นม เนย มาม่า แบกไปให้หมดครับ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยครับ
• ยาแก้เมารถ เมาเรือ
'ค่าใช้จ่าย'
• ค่าเครื่องไป-กลับ คนละ 3,635.- นั่งของ air asia ครับ
• ค่าแพ็คเกจของ Phuritra Resort คนละ 4,789.- ในแพ็กเกจประกอบด้วย ห้องพัก Shark Fin 2 คืน, อาหารเช้า 2 มื้อ, ทริปดำน้ำ One day trip, รถตู้รับ-ส่ง สนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา, เรือรับ-ส่ง ท่าเรือปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ
• ค่าอาหาร ของฝาก ผมกับแฟนเตรียมไป 6,000 เกลี้ยงเลยครับ 😭
"...ก่อนที่จะไปไม่ได้กะจะเขียนรีวิวครับ เลยไม่ได้เก็บภาพตลอดการเดินทาง เอาเป็นภาพสวยๆมาฝากแทนละกันนะครับ..."
#เครื่องมือบันทึกความทรงจำ
#Lipe
เช้าวันที่ 6 พวกเรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ราวๆตีห้าครึ่งได้ครับ ตั้งใจนัดกันใส่เสื้อมัดย้อมมาเหมือนกัน เดี๋ยวเขาจะไม่รู้ว่ากำลังจะไปเที่ยวทะเล
เครื่องลงจอดที่สนามบินหาดใหญ่ปุ๊ป ก็มีพี่คนขับรถตู้โทรมาครับ เพื่อนัดแนะว่าจะเจอกันส่วนไหนของสนามบินครับ
เราออกจากสนามบินหาดใหญ่เกือบๆเก้าโมงเช้าครับ ระหว่างทางแวะเข้าไปในตัวเมืองหาดใหญ่เพื่อรับผู้โดยสารอีกคน จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบาราครับ
เดินทางโดยรถตู้ใช้เวลาเกือบๆสองชั่วโมงก็ถึงท่าเรือปากบาราครับ
ก่อนที่จะถึงท่าเรือพี่คนขับแนะนำว่าให้แบ่งๆกันไปทำธุระจะได้ไม่เสียเวลาครับ เนื่องจากเรือออก 11.30 เราไปถึงท่าเรือก็เกือบ 11 โมงแล้วครับ คนนึงไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์เรือ คนนึงสั่งข้าว คนนึงไปซื้อของที่เซเว่น ถ้าไปกันหลายๆคนแนะนำให้ทำแบบนี้ครับเพราะในเซเว่นคนจะเยอะมาก ต้องรอคิวชำระเงินค่อนข้างนานครับ
ทางเข้าท่าเรือจะมีเคาน์เตอร์ เพื่อเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่าคนละ 20 บาทนะครับ
• การขึ้นเรือจะขึ้นตามลำดับนะครับ ใครไปถึงก่อนก็จะได้คิวแรกๆ ขึ้นเรือก่อนดีตรงที่สามารถเลือกที่นั่งได้ครับ ส่วนพวกเราไปถึงแทบจะลำดับสุดท้ายคือคิวที่ 70 กว่าๆ ( แนะนำให้นั่งแถวกลางนะครับ นั่งสบายกว่า ไม่ค่อยเวียนหัวด้วยครับ ) ส่วนพวกกระเป๋าจะมีเด็กเรือมารับกระเป๋าแล้วผูกป้ายห้อยติดไว้กันสลับครับ ละก็จะมีสติ๊กเกอร์แจกให้เอาแปะเสื้อไว้ ซึ่งเรือแต่ละลำสติ๊กเกอร์จะคนละสีกันครับ
• เนื่องจากในเรือพื้นที่ใช้สอยน้อย ค่อนข้างที่จะเบียดๆกันฉะนั้น แพ็คของดีๆนะครับ ใครหอบเบียร์หอบขนมไปเยอะจะลำบากหน่อยครับ พวกกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายให้เอาติดตัวไว้ครับ เพราะถ้าเอาฝากกับพวกกระเป๋าลากอาจจะเปียกน้ำได้ครับ เพราะที่เก็บกระเป๋าส่วนนึงอยู่ท้ายเรือซึ่งเป็นที่ขึ้นลงครับ
• ใครใส่ผ้าใบมาแนะนำให้เปลี่ยนเป็นรองเท้าเตะที่ท่าเลยครับ เพราะเดี๋ยวระหว่างทางจะจอดให้แวะตามเกาะต่างๆ จะได้ไม่เสียเวลาถอดเปลี่ยนครับ
ตลอดการนั่งเรือคลื่นลมสงบมากครับ ทำให้เรือแล่นได้นิ่มมาก พวกเราไม่มีใครเมาเรือเลยครับ
เกาะแรกที่แวะคืออุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ ผมเหลือบดูนาฬิกาเวลาตอนนั้นเที่ยงกว่าๆครับ แดดแรงมากกก!!
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าจะแวะเกาะละ 15 นาทีครับ ทำให้พอที่จะมีเวลามาเดินเล่นถ่ายรูปได้ไม่น้อยเลยครับ
'Tips'
• ใครที่วางแผนไว้ว่าจะไม่ดำน้ำอยู่แล้ว เกาะนี้ไม่จำเป็นต้องแวะก็ได้นะครับ เพราะถ้าจะเข้าไปข้างในเกาะจะมีด่านเก็บค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาทครับ แต่ถ้าตั้งใจจะดำน้ำอยู่แล้ว จะจ่ายค่าเข้าอุทยานเพื่อเข้าไปถ่ายรูปก็ไม่เสียหายอะไรครับ เพราะบัตรที่เราได้มา จะสามารถใช้ได้ในทุกเกาะในวันที่เราไปดำน้ำครับ เสียรอบเดียวจบ แต่วันที่ไปดำน้ำอย่าลืมเอาบัตรไปด้วยนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะต้องเสียเงินอีกรอบนะครับ
เกาะที่สองคือเกาะไข่ครับ ไฮไลท์อยู่ที่ซุ้มประตูหินโค้งหรือเรียกว่าซุ้มรักนิรันดร์ ซึ่งคู่รักที่ลอดซุ้มรักนิรันดร์ด้วยกันจะทำให้รักกันยืนยาวยิ่งขึ้นครับ เป็นความเชื่อที่เล่าต่อๆกันมา ถ้าเป็นช่วงเช้าหรือตอนเย็นๆน่าจะสวยกว่านี้เยอะเลยครับ แดดแรงไม่แรงดูจากหน้าผม นี่ขนาดใส่แว่นกันแดดนะ
จะถ่ายที่ซุ้มหินคนก็เยอะ ถ่ายตรงนี้เอาก็ได้ครับ 😁
น้ำใสมว๊ากกกกก ใสจนเห็นขนหน้าแข้งแฟนผมเลยครับ
ว่าแล้วก็อยากมีรูปสวยๆกับน้ำใสๆบ้าง เลยขอให้แฟนถ่ายให้ครับ 😎
ใสจนอยากจะนอนแช่ แต่ต้องไปต่อแล้วครับ 😂
ออกจากเกาะไข่มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงสถานที่ที่เรารอคอยแล้วครับ นั่นคือเกาะหลีแป๊ะ แฮ่! หลีแจ๊ะ แฮ่!! หลีเป๊ะ แฮ่!!! เห้ยย ถูกแล้ว.. .
ถึงแล้วครับหลีเป๊ะ น้ำใสสมคำร่ำรือจริงๆครับ พวกเราถึงเกาะน่าจะประมาณบ่ายสองได้ครับ ส่วนหาดที่เห็นคือหาดพัทยาครับ เรือก็จะจอดเทียบชายหาดเลยครับ ก็แอบแปลกใจเหมือนกันครับ เพราะจากที่อ่านในรีวิว ส่วนใหญ่จะบอกว่าเรือจะส่งเราที่โป๊ะเรือแล้วต้องนั่งเรือหางยาวเข้าฝั่งเอาครับ หรืออาจจะเฉพาะเรือเฟอรี่หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
หลังจากรับกระเป๋าอะไรเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็รีบเดินทางไปรีสอร์ททันทีครับ ตื่นเต้นอยากเล่นน้ำเต็มทีแล้วครับ
รีสอ์ทที่ผมพักจะมีรถรับ-ส่งคอยบริการให้ครับ ต้องการไปไหนแจ้งได้เลยครับ บริการตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสามทุ่มครับ
รถแท็กซี่บนเกาะจะเป็นแบบนี้เกือบทั้งหมดครับ คือเป็นรถจักรยานยนต์ต่อพ่วง คิดค่าบริการคนละ 50 บาทครับ
หลังจากเช็คอิน เก็บของเข้าห้องพักเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปเดินเล่นที่หาดซันเซ็ตกันครับ ( เกาะหลีเป๊ะจะมีทั้งหมดสามหาดครับ มีหาดพัทยา, หาดซันเซ็ต ละก็หาดซันไรซ์ครับ ส่วนลักษณะของหาดก็ตามชื่อเลยครับหาดพัทยาจะคึกคักที่สุดเนื่องจากอยู่ติด walking street และจะมีร้านเหล้าร้านอาหารเรียงรายทั้งหาดครับ หาดซันเซ็ตเอาไว้นั่งดูพระอาทิตย์ตก และหาดซันไรซ์ก็เอาไว้ดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ )
รีสอร์ทที่เราพักอยู่ติดหาดซันเซ็ตครับ เดินจากห้องพักไปไม่ไกลก็ถึงหาดแล้วครับ บริเวณที่เรานั่งเป็นร้านอาหารของทางรีสอร์ทครับ ก็จะมีอาหารเครื่องดื่มไว้คอยบริการครับ ส่วนตอนเช้าก็ทานอาหารเช้าที่นี่ครับ
ว่าแล้วก็จิบเบียร์เย็นๆกันคนละขวด มันช่างชื่นใจอะไรอย่างนี้หนอ.. .
ปล. เบียร์ที่แบกมาจากฝั่งเอาแช่ตู้เย็นในห้องครับ เลยต้องซื้อที่ร้านกินไปพลางๆก่อน ขวดละ 80 บาทครับ
พอแดดร่มลมตกเราก็ลงมาถ่ายรูปกันครับ
พี่ชายรีเควสมา ขอถ่ายแบบมีควัน
จัดรูปคู่ให้สักหน่อยครับ
ทุกคนลงเล่นน้ำอย่างมีความสุข ยกเว้นผมครับ
นางแบบผิวสีของเรา
มีความสุข สนุกกันจริ๊งงงง 😒
ขอสักหน่อยครับ มาทะเลมันต้องมีโมเม้นขี่หลงขี่หลังกันบ้าง 😘
[CR] สวรรค์บนดิน มีอยู่จริงที่ "หลีเป๊ะ"
พอดีว่ามีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวซึ่งเป็นทริปที่ผมและทุกคนประทับใจเอามากๆ เลยอยากจะมาแบ่งปันครับ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
และอีกอย่างผมอยากจะเขียนเก็บไว้เพื่อเป็นเครื่องมือบันทึกความทรงจำของตัวผมเองด้วยครับ
แรกเริ่มเลยคือกลุ่มของผมคุยๆกันว่าอยากจะไปเที่ยวทะเล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปกันที่ไหนดี
ตอนแรกก็ว่าจะไปที่ใกล้ๆหน่อย เพราะมีเวลาแค่สามวัน ไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางมากเท่าไหร่
อยากไปที่ที่แบบ นั่งเครื่องไปถึงเลย ไม่ต้องต่อรถต่อเรือครับ เหมือนจะขี้เกียจเนาะ ฮ่าๆ
ตอนแรกก็แชร์กันครับว่าใครอยากไปที่ไหน ที่แรกๆที่เอ่ยมาคงหนีไม่พ้นทะเลที่อยู่ใกล้ๆกรุงเทพ
เสม็ดเอย พัทยาเอย หัวหินเอย แต่คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว มีโอกาสไปด้วยกันทั้งที เอาให้สุดไปเลยครับ
เลยลองดูทะเลแถวภาคใต้ดูครับ ชื่อที่คิดมาแรกๆก็ กระบี่ ภูเก็ต สมุย อาจคงเพราะคุ้นหูที่สุด
แต่พี่สาวอีกคนนึงก็บอกมาว่า อยากไป "หลีเป๊ะ" ส่วนตัวผมเองนั้นเคยได้ยินแค่ชื่อผ่านๆหูเท่านั้นครับ
ไม่เคยได้เห็นรูปภาพ บรรยากาศ ว่าที่หลีเป๊ะมันเป็นแบบไหน จะสวยงามเพียงใด
หลังจากที่เราตกลงกันได้ว่าจะไปหลีเป๊ะ ผมเองก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับหลีเป๊ะทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่พัก กิจกรรม สถานที่ท่องเที่ยว และเรื่องของการเตรียมตัวครับ รายละเอียดตามนี้เลยครับ
การเดินทาง "ขาไป" ( 6 มีนาคม 60 )
• นั่งเครื่องบินไฟลท์แรกของวัน เครื่องออกจากสนามบินเชียงใหม่ 6.25น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ 8.25น. ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดสองชั่วโมง
• นั่งรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ 9.00น. ถึงท่าเรือปากบารา 11.00น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
• นั่งเรือจากท่าเรือปากบารา 11.30น. ถึงเกาะหลีเป๊ะ 13.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
• เรือที่พวกเรานั่งเป็นเรือ speed boat ครับ ระหว่างทางจะแวะที่เกาะตะรุเตากับเกาะไข่ แวะเกาะละ 15 นาทีครับ ก็พอที่จะลงไปถ่ายรูปสวยๆได้หลายรูปเลยครับ แต่ถ้าเป็นเรือเฟอรี่จะไม่แวะให้นะครับ
• ในเรื่องของการเดินทาง เที่ยวรถตู้ เที่ยวเรือมันจะมีรอบของมัน ฉะนั้นเช็คเวลาให้สัมพันธ์กันนะครับ หากเราเดินทางช้ากว่ากำหนด หรือเครื่องดีเลย์ อาจจะทำให้เราต้องเลื่อนรอบ เสียเวลาเข้าไปอีกครับ
การเดินทาง "ขากลับ" ( 8 มีนาคม 60 )
• นั่งเรือจากเกาะหลีเป๊ะ 9.30น. ถึงท่าเรือปากบารา 10.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ
• นั่งรถตู้จากท่าเรือปากบารา 11.30น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ 13.30น. ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณเกือบๆสองชั่วโมงได้ครับ
• นั่งเครื่องบินจากสนามบินหาดใหญ่ 16.35น. ถึงสนามบินเชียงใหม่ 18.30น. ครับ ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณสองชั่วโมงครับ
• ขากลับเรือจะวิ่งตรงไปท่าเรือปากบาราเลยครับ ทำให้ใช้เวลาเดินทางแค่หนึ่งชั่วโมง ขากลับก็นั่ง speed boat เหมือนเดิมครับ
• เรื่องของการเดินทางอาจจะเหนื่อยหน่อยครับ ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงได้ครับ ทั้งนั่งเครื่อง ต่อรถ ขึ้นเรือ ขาดแค่รถไฟอย่างเดียวครับ
'สิ่งที่ต้องเตรียม'
• ยากันยุง พวกซอฟเฟล เนื่องจากบนเกาะยุงเยอะมากครับ ตัวเป้งๆทั้งนั้นครับ
• ชุดทำแผลพกพา มีขายที่เซเว่นครับ
•ไฟฉายพกพา
• ผ้าขนหนู ( กรณีไปดำน้ำครับ )
• กระเป๋ากันน้ำ ( กรณีไปดำน้ำครับ )
• เหล้า-เบียร์ ให้ซื้อจากฝั่งตรงท่าเรือปากบาราเข้าไปครับ จะมีเซเว่น และร้านขายของชำอยู่ตรงข้ามกันครับ เนื่องจากบนเกาะขายแพงกว่าฝั่งเท่าตัวได้ครับ เบียร์ช้างกระป๋องเล็กในซเว่น ที่หลีเป๊ะ กระป๋องละ 59 บาทได้ครับ เบียร์ขวดเล็กตามร้านอาหารทั่วๆไปขาย 80 เท่ากันแทบทุกที่ครับ แต่ผมแนะนำให้แบกเบียร์เข้าไปจะโอเคกว่าครับ เนื่องจากน้ำแข็งบนเกาะนี่ถือเป็น rare item เลยครับ แพงมว๊ากกด้วย
• ขนม นม เนย มาม่า แบกไปให้หมดครับ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยครับ
• ยาแก้เมารถ เมาเรือ
'ค่าใช้จ่าย'
• ค่าเครื่องไป-กลับ คนละ 3,635.- นั่งของ air asia ครับ
• ค่าแพ็คเกจของ Phuritra Resort คนละ 4,789.- ในแพ็กเกจประกอบด้วย ห้องพัก Shark Fin 2 คืน, อาหารเช้า 2 มื้อ, ทริปดำน้ำ One day trip, รถตู้รับ-ส่ง สนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา, เรือรับ-ส่ง ท่าเรือปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ
• ค่าอาหาร ของฝาก ผมกับแฟนเตรียมไป 6,000 เกลี้ยงเลยครับ 😭
"...ก่อนที่จะไปไม่ได้กะจะเขียนรีวิวครับ เลยไม่ได้เก็บภาพตลอดการเดินทาง เอาเป็นภาพสวยๆมาฝากแทนละกันนะครับ..."
#เครื่องมือบันทึกความทรงจำ
#Lipe
เช้าวันที่ 6 พวกเรามาถึงสนามบินเชียงใหม่ราวๆตีห้าครึ่งได้ครับ ตั้งใจนัดกันใส่เสื้อมัดย้อมมาเหมือนกัน เดี๋ยวเขาจะไม่รู้ว่ากำลังจะไปเที่ยวทะเล
เครื่องลงจอดที่สนามบินหาดใหญ่ปุ๊ป ก็มีพี่คนขับรถตู้โทรมาครับ เพื่อนัดแนะว่าจะเจอกันส่วนไหนของสนามบินครับ
เราออกจากสนามบินหาดใหญ่เกือบๆเก้าโมงเช้าครับ ระหว่างทางแวะเข้าไปในตัวเมืองหาดใหญ่เพื่อรับผู้โดยสารอีกคน จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปากบาราครับ
เดินทางโดยรถตู้ใช้เวลาเกือบๆสองชั่วโมงก็ถึงท่าเรือปากบาราครับ
ก่อนที่จะถึงท่าเรือพี่คนขับแนะนำว่าให้แบ่งๆกันไปทำธุระจะได้ไม่เสียเวลาครับ เนื่องจากเรือออก 11.30 เราไปถึงท่าเรือก็เกือบ 11 โมงแล้วครับ คนนึงไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์เรือ คนนึงสั่งข้าว คนนึงไปซื้อของที่เซเว่น ถ้าไปกันหลายๆคนแนะนำให้ทำแบบนี้ครับเพราะในเซเว่นคนจะเยอะมาก ต้องรอคิวชำระเงินค่อนข้างนานครับ
ทางเข้าท่าเรือจะมีเคาน์เตอร์ เพื่อเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่าคนละ 20 บาทนะครับ
• การขึ้นเรือจะขึ้นตามลำดับนะครับ ใครไปถึงก่อนก็จะได้คิวแรกๆ ขึ้นเรือก่อนดีตรงที่สามารถเลือกที่นั่งได้ครับ ส่วนพวกเราไปถึงแทบจะลำดับสุดท้ายคือคิวที่ 70 กว่าๆ ( แนะนำให้นั่งแถวกลางนะครับ นั่งสบายกว่า ไม่ค่อยเวียนหัวด้วยครับ ) ส่วนพวกกระเป๋าจะมีเด็กเรือมารับกระเป๋าแล้วผูกป้ายห้อยติดไว้กันสลับครับ ละก็จะมีสติ๊กเกอร์แจกให้เอาแปะเสื้อไว้ ซึ่งเรือแต่ละลำสติ๊กเกอร์จะคนละสีกันครับ
• เนื่องจากในเรือพื้นที่ใช้สอยน้อย ค่อนข้างที่จะเบียดๆกันฉะนั้น แพ็คของดีๆนะครับ ใครหอบเบียร์หอบขนมไปเยอะจะลำบากหน่อยครับ พวกกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายให้เอาติดตัวไว้ครับ เพราะถ้าเอาฝากกับพวกกระเป๋าลากอาจจะเปียกน้ำได้ครับ เพราะที่เก็บกระเป๋าส่วนนึงอยู่ท้ายเรือซึ่งเป็นที่ขึ้นลงครับ
• ใครใส่ผ้าใบมาแนะนำให้เปลี่ยนเป็นรองเท้าเตะที่ท่าเลยครับ เพราะเดี๋ยวระหว่างทางจะจอดให้แวะตามเกาะต่างๆ จะได้ไม่เสียเวลาถอดเปลี่ยนครับ
ตลอดการนั่งเรือคลื่นลมสงบมากครับ ทำให้เรือแล่นได้นิ่มมาก พวกเราไม่มีใครเมาเรือเลยครับ
เกาะแรกที่แวะคืออุทยานแห่งชาติตะรุเตาครับ ผมเหลือบดูนาฬิกาเวลาตอนนั้นเที่ยงกว่าๆครับ แดดแรงมากกก!!
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าจะแวะเกาะละ 15 นาทีครับ ทำให้พอที่จะมีเวลามาเดินเล่นถ่ายรูปได้ไม่น้อยเลยครับ
'Tips'
• ใครที่วางแผนไว้ว่าจะไม่ดำน้ำอยู่แล้ว เกาะนี้ไม่จำเป็นต้องแวะก็ได้นะครับ เพราะถ้าจะเข้าไปข้างในเกาะจะมีด่านเก็บค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาทครับ แต่ถ้าตั้งใจจะดำน้ำอยู่แล้ว จะจ่ายค่าเข้าอุทยานเพื่อเข้าไปถ่ายรูปก็ไม่เสียหายอะไรครับ เพราะบัตรที่เราได้มา จะสามารถใช้ได้ในทุกเกาะในวันที่เราไปดำน้ำครับ เสียรอบเดียวจบ แต่วันที่ไปดำน้ำอย่าลืมเอาบัตรไปด้วยนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะต้องเสียเงินอีกรอบนะครับ
เกาะที่สองคือเกาะไข่ครับ ไฮไลท์อยู่ที่ซุ้มประตูหินโค้งหรือเรียกว่าซุ้มรักนิรันดร์ ซึ่งคู่รักที่ลอดซุ้มรักนิรันดร์ด้วยกันจะทำให้รักกันยืนยาวยิ่งขึ้นครับ เป็นความเชื่อที่เล่าต่อๆกันมา ถ้าเป็นช่วงเช้าหรือตอนเย็นๆน่าจะสวยกว่านี้เยอะเลยครับ แดดแรงไม่แรงดูจากหน้าผม นี่ขนาดใส่แว่นกันแดดนะ
จะถ่ายที่ซุ้มหินคนก็เยอะ ถ่ายตรงนี้เอาก็ได้ครับ 😁
น้ำใสมว๊ากกกกก ใสจนเห็นขนหน้าแข้งแฟนผมเลยครับ
ว่าแล้วก็อยากมีรูปสวยๆกับน้ำใสๆบ้าง เลยขอให้แฟนถ่ายให้ครับ 😎
ใสจนอยากจะนอนแช่ แต่ต้องไปต่อแล้วครับ 😂
ออกจากเกาะไข่มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงสถานที่ที่เรารอคอยแล้วครับ นั่นคือเกาะหลีแป๊ะ แฮ่! หลีแจ๊ะ แฮ่!! หลีเป๊ะ แฮ่!!! เห้ยย ถูกแล้ว.. .
ถึงแล้วครับหลีเป๊ะ น้ำใสสมคำร่ำรือจริงๆครับ พวกเราถึงเกาะน่าจะประมาณบ่ายสองได้ครับ ส่วนหาดที่เห็นคือหาดพัทยาครับ เรือก็จะจอดเทียบชายหาดเลยครับ ก็แอบแปลกใจเหมือนกันครับ เพราะจากที่อ่านในรีวิว ส่วนใหญ่จะบอกว่าเรือจะส่งเราที่โป๊ะเรือแล้วต้องนั่งเรือหางยาวเข้าฝั่งเอาครับ หรืออาจจะเฉพาะเรือเฟอรี่หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
หลังจากรับกระเป๋าอะไรเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็รีบเดินทางไปรีสอร์ททันทีครับ ตื่นเต้นอยากเล่นน้ำเต็มทีแล้วครับ
รีสอ์ทที่ผมพักจะมีรถรับ-ส่งคอยบริการให้ครับ ต้องการไปไหนแจ้งได้เลยครับ บริการตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสามทุ่มครับ
รถแท็กซี่บนเกาะจะเป็นแบบนี้เกือบทั้งหมดครับ คือเป็นรถจักรยานยนต์ต่อพ่วง คิดค่าบริการคนละ 50 บาทครับ
หลังจากเช็คอิน เก็บของเข้าห้องพักเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปเดินเล่นที่หาดซันเซ็ตกันครับ ( เกาะหลีเป๊ะจะมีทั้งหมดสามหาดครับ มีหาดพัทยา, หาดซันเซ็ต ละก็หาดซันไรซ์ครับ ส่วนลักษณะของหาดก็ตามชื่อเลยครับหาดพัทยาจะคึกคักที่สุดเนื่องจากอยู่ติด walking street และจะมีร้านเหล้าร้านอาหารเรียงรายทั้งหาดครับ หาดซันเซ็ตเอาไว้นั่งดูพระอาทิตย์ตก และหาดซันไรซ์ก็เอาไว้ดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ )
รีสอร์ทที่เราพักอยู่ติดหาดซันเซ็ตครับ เดินจากห้องพักไปไม่ไกลก็ถึงหาดแล้วครับ บริเวณที่เรานั่งเป็นร้านอาหารของทางรีสอร์ทครับ ก็จะมีอาหารเครื่องดื่มไว้คอยบริการครับ ส่วนตอนเช้าก็ทานอาหารเช้าที่นี่ครับ
ว่าแล้วก็จิบเบียร์เย็นๆกันคนละขวด มันช่างชื่นใจอะไรอย่างนี้หนอ.. .
ปล. เบียร์ที่แบกมาจากฝั่งเอาแช่ตู้เย็นในห้องครับ เลยต้องซื้อที่ร้านกินไปพลางๆก่อน ขวดละ 80 บาทครับ
พอแดดร่มลมตกเราก็ลงมาถ่ายรูปกันครับ
พี่ชายรีเควสมา ขอถ่ายแบบมีควัน
จัดรูปคู่ให้สักหน่อยครับ
ทุกคนลงเล่นน้ำอย่างมีความสุข ยกเว้นผมครับ
นางแบบผิวสีของเรา
มีความสุข สนุกกันจริ๊งงงง 😒
ขอสักหน่อยครับ มาทะเลมันต้องมีโมเม้นขี่หลงขี่หลังกันบ้าง 😘