~~~~~~~เกร็ดเล็กๆน้อยๆในการปลูกแคคตัส~~~~~~~

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวเกี่ยวกับแคคตัสมาเล่าให้ฟัง จุดเริ่มต้นคือผมนั่งสังเกตพฤติกรรมการเอาตัวรอดของเค้า เค้ามีลักษณะการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในสภาพแวดล้อมต่างกัน ผมจึงเอาผลจากการสังเกตนี้มาสรุปเป็นองค์ความรู้เล็กๆน้อยๆเพื่อเผยแพร่ให้ทุกคนได้รู้จักและเป็นวิทยาทานสืบต่อไป หัวเราะ

เรื่องที่1. การเปลี่ยนสีของยิมโน
พันธุ์นี้เค้ามีความน่าสนใจที่เราเห็นกันบ่อยๆคือมีหลายสีสันมากทั้ง แดง ชมพู เหลือง ม่วง หรือแม้แต่สีดำ สีของยิมโนมีความสวยงามสะดุดตามากจนเป็นที่นิยมกัน แต่ในที่นี้ผมขอกล่าวของพวก สีม่วงๆดำๆของยิมโนก่อน ทั้งสองสีนี้สามารถบอกได้ถึง"ความเครียด"ของเค้าครับ เคยเห็นมั้ยยิมโนสีเขียวๆของเรา บางทีก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ม่วงแกมๆเทา มองดูแล้วเหมือนมันแห้งๆ บางท่านอาจคิดว่ามันตายแล้ว แต่ที่จริงคือเค้ากำลังปรับตัวเพื่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่น น้ำน้อย แดดมากเป็นต้น ผมได้ลองยำยิมโนต้นนึงไปทรมาณโดยการอดน้ำนานๆๆ แล้วจับไปตากแดดอบบจัดเต็ม ผลออกมาคือ จากผิวสีเขียวๆของเค้าได้เปลี่ยนเป็นสีคล้ำๆม่วงๆครับ นั่นแสดงว่าเค้าส่งสัญญานความไม่พอใจออกมา555 แต่ถ้าใครชอบสีคล้ำๆแบบนี้ก็สามารถทำได้ครับ แต่เราต้องรดน้ำเค้าด้วยนะไม่งั้นเค้าจะสีหมองขึ้นๆแล้วก็แห้งตาย(ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานๆ อ้างอิงจากยิมโนต้นเท่าเหรียญสิบ) แต่พวกต้นใหญ่เค้าก็อยู่ได้ครับ แต่รดน้ำบ้างนะ^_^ สรุปคือ ถ้ายิมโนโดนแดดมาก แต่ขาดน้ำ เค้าจะเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงคล้ำๆ ถ้าแดดมากน้ำพอดี เค้าจะยังคงสีเขียวของเค้าเหมือนเดิมครับ เรื่องนี้ผมขอบอกว่าจะสังเกตได้จากยิมโน"บางสายพันธุ์นะครับ" บางพันธุ์เค้าก็เป็นสีคล้ำๆมาแต่ดั้งแต่เดิมตามบรรพบุรุษอยู่แล้ว เราไม่สามารถมาทำให้สีเค้ากลายเป็นสีเขียวได้ แต่พอทำให้สีอ่อนขึ้นเท่านั้นเอง อ้อ ที่ผมเขียนขึ้นมาเพราะเกิดจากการสังเกตยิมโนที่เป็นต้นเขียวๆนะครับ   มาต่อๆ แล้วพวกยิมโนสีสันสดใสนี่เกิดจากการผ่าเหล่าของเค้าครับ สามารถเกิดกับต้นไม้ชนิดอื่นได้ แล้วพวกยิมโนที่เป็นสีๆหรือที่เราเรียกกันว่า ยิมโนหัวสีนั้น เค้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำไปกราฟกับต้นตอ เพราะเค้าไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ แต่ถ้ามีพวกสีเขียวๆดำๆมาแจมนั้น เราก็ปลูกลงดินได้ แต่จะโตช้ากว่าพวกที่มีสีเขียวทั้งต้น เพราะพวกด่างมันจะมีคลอโรฟิลล์น้อยกว่า จึงสร้างอาหารได้น้อยกว่า แล้ว.....พวกยิมโนหัวสีนี่ก็มีดอกนะครับ แต่จะเห็นได้ช้ากว่า ต้องใช้เวลานานหน่อย ถ้าใครรอไม่ไหวก็ใช้ปุ๋ยเร่งดอกก็ได้ครับ

เรื่องที่2 ผสมเกสรแบบข้ามต้น หรือต้นเดียวกัน อันไหนดีกว่า?

ผมขอบอกว่าผสมแบบข้ามต้นจะดีกว่าครับ เพราะเราจะได้แคคตัสที่มีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากขึ้น แล้วมีโอกาสติดผลได้ดีกว่ ถ้าโชคดีก็จะไดไม้พันธุ์ใหม่ๆมาด้วยนะครับ

เรื่องที่3.แถบขาวๆของถังทอง
คนเลี้ยงบางท่านอาจเคยเห็นว่า เอ๊..แถบขาวๆนั่นมันคืออะไร ผมขอบอกว่ามันคือ "รอยด่างแดด" ครับ เกิดจากเค้าได้รับแสงมากเกินไปนั่นเอง รอยนี้ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณสันหนามของเค้า เป็นรอยขาวๆแห้งๆ ถ้าเราพึ่งสังเกตเห็น เราก็นำไปวางไว้ในร่มครับ รอยก็จะค่อยๆหายไป แต่ถ้ารอยมันตกสะเก็ดแล้ว มันจะกลายเป็นรอยแผลถาวร ต้องรอให้แผลค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างเอง

เรื่องที่4.กระบองเพชรหัวแหลม
พวกนี้จะเกิดจากการขาดแสงของเค้ารรับ ส่วนใหญ่อาการนี้จะเกิดกับพวกโลบิเวียต้นเล็กๆซะส่วนใหญ่ เวลาขาดแสงตรงบริเวณหัวเค้าจะค่อยๆยืดขึ้นๆแล้วเล็กลงๆ นั่นเป็นสัญญานว่าแสงน้อยไปแล้ว เราต้องนำไปตากแดดเพื่อไม่ให้เค้ายืดเพื่อม การแก้คือต้องรอให้เค้าค่อยๆโตครับตรงยอดเค้าจะค่อยๆใหญ่ขึ้นแล้วหายแหลมไปเอง ตรงนี้ต้องใช่เวลาหน่อยนะครับ=_=

เรื่องที่5.ความชื้นกับการเพาะชำ<br>
ในการเรานำหน่อของแคคตัสมาชำนั้น เราต้องทำให้ดินที่เราชำเปียกชื้นเสมอ เพื่อให้หน่อนั้นแตกรากออกมา แต่ก่อนจะทำต้องรอให้แผลที่เกิดจากการเด็ดออกมาจากต้นแห้งดีก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเน่าเอาซะก่อน และการแตกรากนี้แคคตัสบางชนิดจะงอกรากออกมายาก ง่ายต่างกัน ขึ้นกับชนิดพันธ์ บางพันธุ์ก็มีรากตั้งแต่บนต้นแม่แล้ว เช่นพวกโลบิเวีย อิชินอปซิส

เรื่องที่6.หินในการปิดหน้าดินแคคตัส
ส่วนใหญ่เวลาเราไปตามร้านขายแคคตัส เราเห็นได้ว่าทุกกระถางมีหินโรยหน้าเพื่อความสวยงาม แต่ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้นครับ หินช่วยเราเวลารดน้ำแคคตัส เวลารดหินจะไปลดการการกระแทกของดินกับน้ำ ทำให้ดินที่ปลูกไม่กระจายออกจากกระถางหกเลอะเทอะนั่นเอง และหินก็จะช่วยกักเก็บความชื้นในดินของแคคตัสไม่ให้ดินนั้นเร็วเกินไป  เราควรใช้หินลูกเล็กๆในการโรยหน้าดิน แล้วหินต้องไม่คมเพราะถ้าหินคมมันจะไปบาดลำต้นให้เป็นแผลครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่