สดครับ แต่ไม่ใช่ทุกคน หลายๆคนก็ลิปซิ้งค์โดยเฉพาะพวกที่ไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ แต่เสียงมันดันออกมาเป๊ะมากราวกับนักร้องมืออาชีพ ทั้ง picth และ tone คือพวกถ้าไม่ใช่นักร้องมืออาชีพนั้นปัญหาอย่างแรกเลยคือเรื่อง tone คือต่อให้ร้องยังไง tone เสียงก็แตกต่างกันทุกท่อนไม่เคยเหมือนกันหรอก เพราะเขายังหา sweet spot ของเสียงตัวเองยังไม่เจอ tone เสียงจึงยังไม่มีความ flat ในแต่ละท่อน  แต่ในนั้นกลับลื่นไหล เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันราวกับมีการทำ tonal balance มาแล้ว

อย่างที่สองคือเรื่องของ pitch คือโดยธรรมชาติแล้วคนเรามันไม่มีใครหรอกที่จะสามารถร้องโน๊ตให้ตรง pitch เป๊ะๆได้ในทุกๆคำหรอก โดยเฉพาะพวกที่ไม่ใช่มืออาชีพเนี่ยจะมีไม่ตรง pitch เยอะกว่าพวกมืออาชีพ แต่ในนั้นพวกที่ไม่ใช่มืออาชีพนี้ pitch เป๊ะมาก

ต่อมาคือเรื่องของ timing ครับ จะเห็นได้ว่ามันเป๊ะและตรงมากซึ่งตามธรรมชาติของคนแล้วมันไม่มีใครหรอกที่มันจะสามารถร้องโน๊ตได้ตรงจังหวะ 100% เพราะโดยธรรมชาติแล้วส่วนโน๊ตของไลน์เครื่องดนตรีกับไลน์ร้องมันเป็นคนละแบบครับ คือพวกส่วนโน๊ตดนตรีโดยเฉพาะเพลง pop ปกติมันจะมี pattern มีจังหวะยกจังหวะตกของมัน แต่ในขณะที่โน๊ตร้องมันจะเป็นโน๊ตแบบ syncopated ซึ่งจะไม่มีจังหวะตกหรือยกที่แน่นอน ดังนั้น 100 ทั้ง 100 คนร้องเพลงมันก็ต้องใช้เซ้นของตัวเอง ไม่ใช่มานับส่วนโน๊ตของตัวเองว่าจะตกหรือยกตรงไหน ซึ่งตรงนี้แหละมันทำให้คนเราไม่มีทางจะร้องส่วนโน๊ตได้ตรงเป๊ะทุกคำหรอก แม้กระทั่งมืออาชีพก็ตามไปอัดเพลงก็ต้องมานั่ง edit. อยุ่ดี

สุดท้ายคือใช่ว่าหน้ากากทุกคนจะถูกออกแบบมาเพื่อร้องเพลงได้ พวกประเภทที่ครอบกัวไม่มากน่ะอาจจะได้อยู่ แต่บางประเภทนี่ครอบกัวอันเบ่อเร้อปิดแน่นหนาซะขนาดนั้น แบบนี้เสียงมันจะเดินทางออกมายังไงครับ ที่บอกเสียงผ่าน filter แต่พวก filter พวกนี้มันจะมีสองประเภทครับคือ แบบผ้ากับตาข่ายเหล็ก ซึ่ง 2 ประเภทนี้ก็เป็นแผ่นที่บางมาก ซึ่งไอ้แผ่นบางๆนี่แหละมันส่งผลต่อเสียงอย่างมหันต์เลย แล้วที่แน่ๆไอ้ filter พวกนี้ส่วนใหญ่เขามีไว้ใช้กับพวกไมค์ประเภท condenser ครับจุดประสงค์หลักเพื่อกันเสียงไมค์ระเบิดจากเสียงตัว ป พ กันเสียง sibilant หรือเสียง ช ซ ส ที่น่ารำคาญ เพราะไดอะเฟรมของไมค์ condensor มันตอบสนองต่อเสียงได้ไวมาก และครอบคลุมได้ทุกย่านความถี่ มีหน้ารับเสียงที่กว้างปรับได้หลายแบบ ซึ่งเขาใช้ filter เพื่อคัดกรองสิ่งที่ 'เกิน' ออกไปครับ

แต่ในขณะที่ในรายการไมค์ที่ใช้มันเป็นประเภท dynamic ครับซึ่งมันต่างจากไมค์ condensor ตรงที่ไดอะเฟรมตอบสนองต่อเสียงที่ช้ากว่า มีหน้ารับเสียงที่แคบกว่า และตอบสนองย่านความที่ได้แคบกว่า โดยเฉพาะย่านเสียงสูง ซึ่งโดยมากจะเป็นพวกเสียง overtone จะรับได้ไม่ดีเท่าไมค์ condenser ซึ่งการที่ใช้ filter ร่วมกับไมค์ dynamic นั้นมันจะกรองเสียงที่จำเป็นต้องใช้ออกไปทำให้เสียงนั้น 'ขาด' แล้วในเมื่อเสียงมันขาดย่านความถี่ที่จำเป็นต้องใช้ดังนั้นต่อให้เอาไปมิกซ์ยังไงมันก็ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมซักเท่าไหร่ เพราะมันไม่ได้เก็บมาตั้งแต่แรกแล้ว