Hikikomori Diary : เมื่อนาฬิกาของฉันหยุดเดินและโลกของฉันหยุดลง

Edit : ตอนนี้เปิดเพจแล้วค่ะ เผื่อจะเป็นช่องทางไว้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
https://www.facebook.com/Hikikomori-Diary-349722998755593/

ขอบคุณทุกๆความเห็นที่ช่วยแนะนำและให้กำลังใจค่ะ อมยิ้ม17
--------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ พันทิป

คิดไตร่ตรองอยู่นานมาก ว่าจะเขียนดีมั้ย จะโพสดีรึปล่าว จะมีใครรู้มั้ยว่าเราคือใคร
แต่สุดท้ายก็คิดว่า ระยะเวลาของตัวเราที่ผ่านมานานกว่า 10 ปีนี้ อาจจะมีประโยชน์กับใครบ้าง

เราเป็นลูกคนเดียวค่ะ ชีวิตตอนเด็กเหมือนเด็กทั่วๆไป มีความสุขความทรงจำดีๆ แต่พอขึ้นอนุบาล พ่อกับแม่ก็แยกกันค่ะ
คุณแม่ดูแล สั่งสอนและเลี้ยงดูเรามาด้วยความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ค่ะ อยากจะฝากสิ่งหนึ่งสำหรับทุกท่านที่อ่าน
ถ้าจะต่อว่าอะไรขอให้ว่าแต่เราเถอะนะคะ คุณแม่เราทำดีที่สุดแล้วค่ะ

เรื่องทั้งหมดที่จะเล่า เป็นประสบการณ์จริงของจขกท.ค่ะ
และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่แต่ค่อยๆพยายามฟื้นตัวเองให้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติค่ะ
เนื่องจากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จึงไม่อาจบอกได้ว่าพฤติกรรมตัวเองนั้นเป็นฮิคิโคโมริ 100% หรือไม่
แต่คิดว่าเข้าข่ายค่ะ

จขกท. ไม่ทราบว่าในประเทศไทยมีคนที่เป็นเหมือนกันมั้ย
แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ต้องเจอเรื่องคล้ายๆกันหรือกำลังเป็นอยู่
นอกจากนี้ยังอยากให้เป็นสัญญาณเตือนว่าการแกล้งกันในวัยเด็ก สามารถส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆได้อีกด้วยค่ะ

ในใจลึกๆอยากให้มีหน่วยงานช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาเหมือนที่ญี่ปุ่นค่ะ
แต่ก็อย่างที่จขกท.บอกค่ะ ว่าไม่ทราบเหมือนกันว่าในประเทศไทยมีผู้ที่เป็นมากหรือน้อยยังไง

ถ้ามีคำถามหรือสงสัยอะไรถามได้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ปล. ไอดีนี้ต้องสมัครใหม่เพราะจำไอดีเก่าไม่ได้ค่ะ เคยสมัครไว้ให้แม่ตอนมีปัญหาเรื่องแมวที่บ้านนานมากแล้วค่ะ
แท็กห้องไหนผิด ขออภัยค่ะ / แท็ก ชีวิตวัยรุ่น เพราะเรื่องเริ่มหลักๆจากช่วงเวลานั้น แต่ปัจจุบันจขกท. เลยวัยรุ่นแล้วค่ะ



Hikikomori : “staying indoors, (social) withdrawal” บุคคลที่ปลีกหนี แยกหรือถอนตัวออกจากสังคม  
อยู่แต่ภายในบ้านและไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับสังคมภายนอกเช่น ไม่ต้องการไปโรงเรียนหรือไปทำงานนอกบ้าน
เป็นเวลานานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป

นักวิจัยได้เสนอ 6 ข้อที่ใช้วินิจฉัยอาการพฤติกรรมนี้ค่ะ
1. ใช้เวลาเก็บตัวส่วนใหญ่ในวันแต่ละวันอยู่แต่ในบ้าน
2. จำกัดและหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
3. อาการดังกล่าวทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน
เช่นการเรียน การทำงาน กิจกรรมทางสังคมหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น ฯลฯ
4. รับรู้และยอมรับในตนเองในการแยกตัวออกจากสังคม
5. ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป หรือมากกว่า
6. ไม่มีอาการทางจิตใดๆที่เชื่อมโยงกับโรค social withdrawal และ avoidance

*** ไม่จำเป็นจะต้องเกิดจากการโดนแกล้งเหมือนจขกท.นะคะ อาจจะเกิดจากความผิดหวัง แรงกดดันจากสังคม ฯลฯ ได้เช่นกันค่ะ ***

NEET : จะแตกต่างคือ "Not in Education, Employment, or Training" บุคคลที่ไม่เรียน ไม่ทำงานหรือไม่ได้ฝึกงานอยู่ค่ะ โดยสาเหตุอาจจะมาจากอะไรก็ได้ เช่นความขี้เกียจ ความไม่ชอบ หางานไม่ได้ ฯลฯ

เพิ่มเติมอ่านใน http://www.human.cmu.ac.th/cms/japan/administrator/editor/userfiles/file/2556_Sotsuron/530110431_Chatkamon.pdf
อ้างอิงจาก Wiki และบทความด้านบนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด

    ตอนนี้เรากลับมามีพลังอีกครั้ง หลังจากที่เวลาหยุดเดินไปหลายปีค่ะ อาจจะยังไม่สมบูรณ์ดี แต่ก็ดีขึ้นเยอะในระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมา และจะพยายามต่อไปให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติค่ะ อยากทำงาน อยากช่วยเหลือตัวเองได้ อยากไปญี่ปุ่นและทำฝันบางอย่างที่นั่นให้สำเร็จ หลายๆอย่างค่อยๆพรั่งพรูจากเวลาเมื่อหลายสิบปีก่อนที่หยุดลงไป ราวกับว่าเป็นคนละคนกันกับคนที่ติดอยู่ที่บ้านในเวลาหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงแต่ก็จะทำให้ได้ค่ะ




    สุดท้ายอยากฝากถึงคนที่ชอบล้อคนอื่น หยุดเถอะค่ะ มันไม่ใช่เรื่องสนุก มันเป็นสิ่งที่สามารถตามหลอกหลอนชีวิตของคนๆนึงได้เลยนะคะ  ไม่เกี่ยวกับว่าจิตใจของเขาเข้มแข็งหรืออ่อนแอ แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำค่ะ

    ฝากถึงคนที่มีโดนล้อเหมือนเราให้อย่าท้อแท้ค่ะ บอกพ่อแม่และครูที่มีอำนาจ ที่ใส่ใจพร้อมจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าทิ้งการเรียนเพราะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตค่ะ

    ฝากถึงคนที่มีปัญหาการใช้ชีวิตแบบเรา เราไม่รู้จะแนะนำอะไรเพราะตัวเราเองก็ยังฟื้นได้ไม่เต็มที่ ณ เวลานี้ แต่อยากเป็นกำลังใจให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้งไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมาค่ะ หรือถ้าเป็นพ่อแม่แล้วลูกมีปัญหาอย่าทิ้งค่ะ พยายามคุยกันให้ได้ ช่วยกันแก้ปัญหาค่ะ




ที่เขียนมาอาจจะยาวมากๆ จขกท.พยายามจัดบรรทัดให้อ่านได้ง่าย ถ้าพิมพ์ผิดตรงไหน หรือมีข้อผิดพลาดอะไรขออภัยนะคะ
ขอบคุณที่อ่านค่ะ

ปล. ถ้ามีแก้ไขเพราะพิมพ์ผิด หรือก๊อปข้อความมาตกหล่นค่ะ พิมพ์ไว้ก่อนใน Word Pad ก่อนมาโพสค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 5
อีกเหตุการณ์ที่ทำให้นาฬิกาของเรากลับมาเดินอีกครั้งคือ แม่เรากระดูกเท้าร้าวเพราะล้มค่ะ(ตอนนี้หายแล้วค่ะ) ทำให้เรารู้สึกและโกรธว่าทำไมตัวเองถึงไร้ความสามารถขนาดนี้ ช่วงนั้นต้องเทียวไปมาโรงพยาบาลตลอดค่ะ แม่เราเดินไม่ได้ระยะหนึ่ง ถึงแม้จะมีลุงช่วยบางเรื่อง แต่เราพยายามทำกับข้าวให้แม่ ไปซื้อของก็ให้แม่นั่งแล้วเข็นรถพาแม่ซื้อของ ติดต่อเรื่องที่โรงพยาบาล ฯลฯ เท่าที่จะทำได้ค่ะ



    ถึงแม้ตอนนี้เราจะเริ่มฟื้นกลับมาได้บ้างแล้ว แต่จากการใช้ชีวิตแบบนี้เป็น 10 กว่าปี ทำให้ตอนนี้เรามีปัญหาค่ะ

- อายุ เวลาของเรากำลังนับถอยหลังค่ะ ในขณะที่ความสามารถและประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของเราต่ำมาก ประสบการณ์การทำงานก็ไม่มี ตัวเราอยากทำงานอยากหาเงินช่วยแม่ หรือไว้ซื้อของที่อยากได้/ทำความฝันตัวเองที่เพิ่งกลับมาให้เป็นจริง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงค่ะเพราะอายุเริ่มเยอะแล้ว แต่จะช้าหรือเร็วก็ต้องทำและเริ่มค่ะ เพราะแม่เหนื่อยเลี้ยงเรามานานมากแล้ว เราเองตอนนี้ก็ไม่มีเป้าหมายเลยว่าจะทำงานอะไร จะทำยังไง จะมีใครรับมั้ย สิ่งที่ถนัดและพอทำได้คิดว่าอาจจะเป็นวาดรูปแต่เราไม่ได้เรียนตรงมาเรื่องนี้ ส่วนแม่เราอยากให้เราลองทำพวกค้าขายในเน็ตหรือสอบกพ. ดู เราก็คิดว่าน่าจะลองทำดูแต่ค่ะก็กังวลว่าเราจะทำได้มั้ย

- อีกปัญหาใหญ่คือไปไหนเองยังไม่เป็นค่ะ ถ้าให้ขึ้นรถเมล์ไปไหนเองก็ไปไม่ถูก และที่บ้านไม่มีรถ ส่วนรถก็ยังขับไม่เป็นค่ะ บ้านอยู่ค่อนข้างลึกทำให้แม่ห่วงถ้าจะไปไหนคนเดียวอีก ส่วนใหญ่เวลาที่ต้องออกไปก็ไปด้วยกันค่ะ

- นอกจากอาหารสำเร็จรูป อาหารที่ต้องทำสดๆยังทำเองไม่ค่อยเป็นค่ะ แต่พอจะทอด ผัด ฯลฯ อะไรได้บ้างแล้ว พยายามฝึกอยู่ค่ะ

- การออกไปข้างนอก ถึงแม้เวลาไปไหนแม่ยังไปด้วยกันอยู่เพราะเหตุผลข้างต้น
ตอนนี้ปรับจนดีขึ้นบ้างแล้ว เช่นมีที่ๆอยากไปบ้าง ชวนแม่ออกไปเที่ยวบ้าง
แต่ยังไปไม่บ่อยมากนะคะ เพียงแต่ไม่รู้สึกว่า"ไม่อยากไป" ตอนนี้กลายเป็น"อยากไป" หรือ "เฉยๆไปก็ได้ไม่ไปก็ได้"
อาจจะยังรู้สึกแปลกๆเวลาต้องผ่านคนเยอะๆแต่คิดว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนค่ะ
ส่วนบริเวณรอบตัวบ้านหรือระเบียงก็กล้าออกมาเดินแล้ว ช่วงนี้จะถ่ายรูปท้องฟ้าบ่อยๆเพราะชอบค่ะ

- การเข้าสังคมก็ค่อนข้างแย่ ตอนนี้เราค่อยๆแก้ไขและพยายามปรับปรุงอยู่ค่ะ มีช่วงหนึ่งหนักขึ้นมากที่แม้แต่พูดติดต่อผ่านโทรศัพท์ก็ยังมีปัญหา หรือออกไปรับของหน้าบ้านก็ไม่กล้าออกไป  2 อย่างที่ว่ามาตอนนี้ก็ทำได้บ้างแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้จำเป็นต้องไปเข้าอบรมของมหาลัย ผิดหวังในตัวเองมากค่ะ เพราะเราคิดว่าเป็นโอกาสอาจจะได้แก้ไขตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าพูดกับใคร ไปหลายวันแต่สุดท้ายไม่รู้จักใครเลยสักคน แต่สามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆได้เป็นปกติค่ะ

- อนาคต เพราะนอกจากเวลาตัวเราเองจะถอยหลังแล้ว แม่เราก็อายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ กังวลมากเพราะอยากที่จะช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่านี้ค่ะ เมื่อก่อนแม้แต่การไปข้างนอกหรือซื้อของก็ยากมากๆ แต่ตอนนี้พอที่จะสามารถเดินไปหยิบไปดูอะไรเองได้ แต่ไปไหนก็ยังต้องไปกับแม่อยู่เพราะเหตุผลเรื่องการเดินทางที่กล่าวไว้ข้างบนค่ะ อีกอย่างคือตอนนี้จัดฟันอยู่ค่ะ ช่วยมากๆ เพราะทำให้เราต้องออกไปทุกเดือน เราต้องเข้าไปเอง ติดต่อเอง ฯลฯ แต่แม่ยังไปด้วยเพราะที่ๆทำไกลจากบ้านมากๆค่ะ

- ทุกวันนี้ยังผอมอยู่ค่ะ น้ำหนักล่าสุดชั่งแล้ว 40 สูงเกือบๆ 160 แต่เรายอมรับสภาพความผอมตัวเองแล้วค่ะ พยายามมีความสุขกับมัน กินเท่าที่กินได้ ถึงแม้ส่วนใหญ่ไปไหนข้างนอกจะใส่เสื้อแขนยาวหรือเสื้อคลุมทับเพราะยังอายๆอยู่ถ้าไม่ใส่เสื้อแขนยาว เวลาใส่แล้วรู้สึกสบายใจกว่าค่ะ อีกอย่างขี้หนาวด้วยถ้าอยู่ห้องแอร์ แต่ถ้าโดนใครล้ออีกคงไม่แคร์แล้ว เข้มแข็งแล้วค่ะ

- ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มมีอาการท้อใจค่ะ สังเกตุตัวเองบางครั้งรู้สึกจมดิ่งมากๆ เหมือนมองข้างหน้าก็มืดไปหมดจนร้องไห้ แต่ไม่เคยให้แม่เห็น อาจจะเป็นความกลัวในใจลึกๆกับอนาคตที่รู้สึกเคว้งเพราะเราไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงในวันที่แม่ไม่อยู่ หรือวันที่แม่ชราเราจะดูแลท่านยังไง เราอยากทำให้ได้ดีกว่านี้ค่ะ อยากเป็นที่พึ่งให้แม่และตัวเองได้ อึดอัดสภาพตัวเองค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่