Intro
.
Ed Sheeran เป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบในระดับนึงเลยนะ ชื่นชอบในความสามารถในการร้องและเล่นดนตรีอันคล่องแคล่วของเขา แกเป็นศิลปินเพลงป็อบที่แตกต่างจากคนอื่นนะ แกไม่ใช่นักร้องที่จำกัดตัวเองแค่ดีดกีตาร์ ร้องเพลงชิวๆ ร้องเพลงคีย์สูงๆอย่างเดียวนะ พี่แกยังแร็พได้โหดไม่แพ้แร็พเปอร์มืออาชีพคนอื่นเลยนะ ไม่แปลกใจเลยที่อัลบั้ม
Multiply ชุดที่สองจะพาหนุ่มชาวอังกฤษรายนี้ไปได้ไกลจนถึงฝั่งอเมริกา เปิดคอนเสิร์ตใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนั้น แค่กีตาร์ตัวเดียวบวกกับพรสวรรค์ที่กล่าวไว้ข้างต้นก็สามารถไปได้ไกลจนกลายเป็นซุปตาร์ไปแล้ว ณ ขณะนี้ หลังจากที่ทิ้งช่วงการปล่อยอัลบั้มใหม่ พี่แกก็ยังไม่หยุดเพียงแค่ความสำเร็จจากอัลบั้ม Multiply พี่แกก็ไปแต่งเพลงให้กับศิลปินคนอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
Hilary Duff , Justin Bieber ที่ดังสัดๆในเพลง
Love Yourself เอย
Cold Water เอย ก็เป็นฝีมือของบัคเอ็ดทั้งสิ้น นอกจากการอยู่คอยเป็นเบื้องหลังแล้ว เบื้องหน้าก็ไปแจมกับศิลปินอื่นอย่าง
The Weeknd , Macklemore และ Rudimental เรียกได้ว่ามีผลงานมาให้ฟังกันเรื่อยๆให้หายคิดถึง แล้วในที่สุดเราก็ได้ฟังผลงานชุดที่สามที่มีชื่อว่า
÷ (Divide) ชื่อของอัลบั้มยังบ่งบอกความบ้าในคณิตศาสตร์อีกเช่นเคย
.
แนวเพลงโดยยังคงเป็นป็อบใสๆขับเคลื่อนทำนองด้วยกีตาร์โปร่งกับเปียโนตามสูตรอีกเช่นเคย การทำตามสูตรเดิมเช่นนี้กลับทำให้งานเพลงชุดนี้ใกล้เคียงความเป็นเพลงตลาดจนเกินไป เลยให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากเพลงป็อบของศิลปินรายอื่นมากนัก ว่าง่ายๆออกแนวตามสูตรสำเร็จจนเกินไปนั่นเอง เพลงเปิดอัลบั้มอย่าง
Eraser ให้อารมณ์เหมือนศิลปินหน้าใหม่ที่เข้าออดิชั่นแล้ว represent ตัวเองว่า ถึงผมจะเป็นศิลปินป็อบ ผมก็แร็พได้นะ มันเหมือนเพลงเชิงแนะนำตัวมากกว่า ทั้งๆที่แฟนเพลงเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าพี่แกแร็พได้ แทนที่จะทำเพลงออกมาให้ดิบและมีอะไรที่คาดเดาได้ยากกว่า เหมือนที่เคยทำไว้ใน
Take It Back หรือ The Man เพลงนี้จึงออกไปในทางป็อบแร็พสำหรับเด็กๆอย่างไงไม่รู้
Castle On The Hill บิ้วท์อารมณ์ให้อยากออกไปเดินทางมากๆ จังหวะเพลงฟังน้อง Avicii ชัดๆ
Dive มาในจังหวะบลูส์ นี่มัน
Thinking Out Loud เวอร์ชั่นอกหักนี่หว่า ไม่รู้ซินะ ผมฟังแล้วมันมีความคล้ายอยู่เหมือนกัน ตรงท่อนฮุกนี่แหละ มีแนวโน้มได้เป็นซิงเกิ้ลต่อไป เพลงที่ทุกคนชอบที่สุดกลับรู้สึกเฉยสำหรับเราอย่าง
Perfect ทำไมข้าพเจ้าฟังแล้วไม่ไพเราะแบบที่คนอื่นชอบกันว่ะ เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกนี้ดันไม่เกิดเหมือนตอนฟัง
Thinking Out Loud แม้แต่นิดเลย ก็เป็นเพลงที่ฟังได้นะ ไม่ถึงขั้นรับไม่ได้ แต่ไม่โดนใจจนถึงที่สุด ส่วนเพลง
Shape Of You เป็นเพลงที่ข้าพเจ้ากำลังเบื่อสุดๆในหน้ายูทูป กลับกลายเป็นเพลงที่น่าฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาทันทีเมื่อมาอยู่ในงานชุดนี้ มาในแนวแคริบเบียนบีทที่ตอนนี้แนวเพลงนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนฟัง คนที่นำเทรนด์แนวเพลงนี้เข้ามาคือ
Justin Bieber , Drake และ Rihanna เป็นต้น ตัวเพลงไหลลื่น บีทคล่องตัว และน่าค้นหามากๆ
Galway Girl เพลงนี้ติดความเป็นไอริชสูงมาก ตามท้องเรื่องที่แอบรักสาวไอริช ชอบตรงที่มันให้อารมณ์ฟีลกู๊ดดี แร็พนิดๆ เสียงไวโอลินช่วยเพิ่มสีสันให้กับเพลงได้เป็นอย่างดี ตัดสลับโหมดเพลงอกหักกันบ้างในเพลง
Happier และ
New Man เพลง
Happier loser ที่รอคอยให้เธอหันกลับมามอง ผมว่าเพลงมันเกือบจะไปได้ดีแล้วนะ แต่มันมาเสียตอนท่อนฮุกเนี่ยดิ ให้อารมณ์บัลลาดเว่อร์ๆแบบ One Republic เฉ๊ยย เธอคือทุกสิ่งของชั้น ชั้นอยู่กับเธอแล้วมีความสุข แอบเชยไปนิด ส่วน
New Man แอบมีความต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว ที่ทิ้งชั้นไปเพราะผู้ชายคนใหม่นั่นเอง
.
Heart Don't Break Around Here นึกว่าเป็นเพลงให้กำลังใจ ที่ไหนได้พี่เอ็ดอินเลิฟนั่นเอง พอๆกับ
How Would You Feel (Paean) ที่แต่งให้กับแฟนสาวคนล่าสุดอย่าง
Cherry Seaborn ทำนองเพลงนี่เหมือนเพลงของ Rob Stewart อยู่เหมือนกันนะ เวอร์ชั่นไลฟ์ที่ปล่อยออกมาสุดยอดมาก แอบเสียดายไม่เห็นในเวอร์ชั่นจริง
What Do I Know ? เพลงนี้ Feel Good และโลกสวยมากๆ อคลูสติกีตาร์ชิลๆสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเพลง ที่บัตเอ็ดต้องการใช้บทเพลงของเขาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นนั่นเอง ปิดท้ายด้วย
Supermarket Flower เป็นการรำลึกถึงย่าที่จากไป เปียโนเงียบๆ แต่ซึ้งตรึงตาใจไม่แพ้ Afire Love ที่เป็นเพลงปิดท้ายอัลบั้ม Multiply มาที่เพลงแถมกันบ้าง มาในสไตล์แดนซ์ละตินแอฟริกา ผิดคาดพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น
Barcelona ความเป็นละตินมาเต็มมาก
Bibia Be Ye Ye ก็เช่นกัน ซึ่งเพลงนี้ร่วมแต่งแร็พเปอร์
Fuse ODG เจ้าของเพลงฮิต Antenna ที่มี Wyclef Jean มาร่วมแจม ซึ่ง
Bibia Be Ye Ye เป็นภาษาแอฟริกันแปลว่า All Will Be Well ซึ่งเพลงนี้มีส่วนผสมความเป็นแอฟริกันสูง ได้ฟังทั้งสองเพลงแล้ว อดนึกถึงเพลงเชียร์บอลโลกเอามากๆ
Nancy Mulligan จังหวะสนุกๆในแบบฉบับไอริชพื้นเมือง โดยเพลงนี้เล่าถึงเส้นทางรักของปู่และย่าของบัคเอ็ดที่เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆนาๆ โดนกีดกันจากครอบครัวเรื่องศาสนา เล่าออกมาในจังหวะสนุกๆ ไม่มีดราม่าบีบขั้นอารมณ์ให้ยุ่งยาก ปิดท้ายด้วย
Save Myself ที่มาในโทนหม่นๆแตกต่างจากสามเพลงที่แล้ว เป็นการส่งสาส์นให้ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น ซึ่งเป็นเพลงปิดท้ายที่โอเคเลยล่ะสำหรับผม
Outro
.
Divide ชุดนี้ยังคงเป็นงานที่เสพง๊ายง่าย ง่ายเกินในแบบที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก ซึ่งน่าเสียดายเหมือนกันที่บัคเอ็ดกลับไม่ใช่ความต่างที่มีอยู่ในตัวเองใส่ลงในงานเพลงชุดนี้ เพลงที่ออกมาจึงไม่ต่างอะไรจากเพลงป็อบตลาดที่หาฟังได้ทั่วไป เสพง่ายเกินก็ถูกปล่อยผ่านได้ง่ายเกินจนไม่เติมเต็มความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น จึงเข้าข่ายเป็นเพลงป็อปที่ธรรมดา ไม่ได้รู้สึกพิเศษแต่อย่างใด อารมณ์กลางๆมาก ส่วนตัวผมยังคงรู้สึกดีกับ Multiply ชุดนั้นส่วนผสมทางดนตรีค่อนข้างกลมกล่อม มันแฝงความเรียลอยู่บ้าง แต่
Divide นั้นมันไม่ใช่ มันขาดบางสิ่งไป มันเป็นงานป็อบที่เด็กมากๆ ไม่ deep cut และไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก สำหรับใครที่ชอบเพลงป็อบชิลๆ ฟังสบายๆแบบไม่ต้องคิดไรมาก ก็โอเค แต่ถ้าใครเป็นนักฟังเพลงสายลึก หวังถึงความลึกซึ้งในเนื้อหา และความแปลกใหม่ อาจจะผิดหวังกับงานชุดนี้ก็ได้ครับ
เสพง่าย แต่ไม่น่าจดจำ
Top Tracks : Supermarket Flower , Save Myself, Galway Girl , Shape Of You
Give 6/10
Genres: Pop , Acoustic , Pop Rap , Blues
ทุกเพลงในอัลบั้ม Divide สามารถหาฟังได้ในยูทูปจ้า >>>>
https://www.youtube.com/playlist?list=PLjp0AEEJ0-fGi7bkjrGhBLUF9NMraL9cL
เกือบลืมไป ถ้าใครอยากติดตามรีวิวอัลบั้มเพลงใหม่ เข้าไปติดตามและกด Like ในเพจผมได้เลยครับ มีให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ครับ
>>>>
https://www.facebook.com/fungpaifungma/
[CR] [รีวิวอัลบั้ม] ÷ (Divide) - Ed Sheeran >>> ยิ่งหาร ยิ่งน้อยลง
Intro
.
Ed Sheeran เป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบในระดับนึงเลยนะ ชื่นชอบในความสามารถในการร้องและเล่นดนตรีอันคล่องแคล่วของเขา แกเป็นศิลปินเพลงป็อบที่แตกต่างจากคนอื่นนะ แกไม่ใช่นักร้องที่จำกัดตัวเองแค่ดีดกีตาร์ ร้องเพลงชิวๆ ร้องเพลงคีย์สูงๆอย่างเดียวนะ พี่แกยังแร็พได้โหดไม่แพ้แร็พเปอร์มืออาชีพคนอื่นเลยนะ ไม่แปลกใจเลยที่อัลบั้ม Multiply ชุดที่สองจะพาหนุ่มชาวอังกฤษรายนี้ไปได้ไกลจนถึงฝั่งอเมริกา เปิดคอนเสิร์ตใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนั้น แค่กีตาร์ตัวเดียวบวกกับพรสวรรค์ที่กล่าวไว้ข้างต้นก็สามารถไปได้ไกลจนกลายเป็นซุปตาร์ไปแล้ว ณ ขณะนี้ หลังจากที่ทิ้งช่วงการปล่อยอัลบั้มใหม่ พี่แกก็ยังไม่หยุดเพียงแค่ความสำเร็จจากอัลบั้ม Multiply พี่แกก็ไปแต่งเพลงให้กับศิลปินคนอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hilary Duff , Justin Bieber ที่ดังสัดๆในเพลง Love Yourself เอย Cold Water เอย ก็เป็นฝีมือของบัคเอ็ดทั้งสิ้น นอกจากการอยู่คอยเป็นเบื้องหลังแล้ว เบื้องหน้าก็ไปแจมกับศิลปินอื่นอย่าง The Weeknd , Macklemore และ Rudimental เรียกได้ว่ามีผลงานมาให้ฟังกันเรื่อยๆให้หายคิดถึง แล้วในที่สุดเราก็ได้ฟังผลงานชุดที่สามที่มีชื่อว่า ÷ (Divide) ชื่อของอัลบั้มยังบ่งบอกความบ้าในคณิตศาสตร์อีกเช่นเคย
.
แนวเพลงโดยยังคงเป็นป็อบใสๆขับเคลื่อนทำนองด้วยกีตาร์โปร่งกับเปียโนตามสูตรอีกเช่นเคย การทำตามสูตรเดิมเช่นนี้กลับทำให้งานเพลงชุดนี้ใกล้เคียงความเป็นเพลงตลาดจนเกินไป เลยให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากเพลงป็อบของศิลปินรายอื่นมากนัก ว่าง่ายๆออกแนวตามสูตรสำเร็จจนเกินไปนั่นเอง เพลงเปิดอัลบั้มอย่าง Eraser ให้อารมณ์เหมือนศิลปินหน้าใหม่ที่เข้าออดิชั่นแล้ว represent ตัวเองว่า ถึงผมจะเป็นศิลปินป็อบ ผมก็แร็พได้นะ มันเหมือนเพลงเชิงแนะนำตัวมากกว่า ทั้งๆที่แฟนเพลงเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าพี่แกแร็พได้ แทนที่จะทำเพลงออกมาให้ดิบและมีอะไรที่คาดเดาได้ยากกว่า เหมือนที่เคยทำไว้ใน Take It Back หรือ The Man เพลงนี้จึงออกไปในทางป็อบแร็พสำหรับเด็กๆอย่างไงไม่รู้ Castle On The Hill บิ้วท์อารมณ์ให้อยากออกไปเดินทางมากๆ จังหวะเพลงฟังน้อง Avicii ชัดๆ Dive มาในจังหวะบลูส์ นี่มัน Thinking Out Loud เวอร์ชั่นอกหักนี่หว่า ไม่รู้ซินะ ผมฟังแล้วมันมีความคล้ายอยู่เหมือนกัน ตรงท่อนฮุกนี่แหละ มีแนวโน้มได้เป็นซิงเกิ้ลต่อไป เพลงที่ทุกคนชอบที่สุดกลับรู้สึกเฉยสำหรับเราอย่าง Perfect ทำไมข้าพเจ้าฟังแล้วไม่ไพเราะแบบที่คนอื่นชอบกันว่ะ เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกนี้ดันไม่เกิดเหมือนตอนฟัง Thinking Out Loud แม้แต่นิดเลย ก็เป็นเพลงที่ฟังได้นะ ไม่ถึงขั้นรับไม่ได้ แต่ไม่โดนใจจนถึงที่สุด ส่วนเพลง Shape Of You เป็นเพลงที่ข้าพเจ้ากำลังเบื่อสุดๆในหน้ายูทูป กลับกลายเป็นเพลงที่น่าฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาทันทีเมื่อมาอยู่ในงานชุดนี้ มาในแนวแคริบเบียนบีทที่ตอนนี้แนวเพลงนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนฟัง คนที่นำเทรนด์แนวเพลงนี้เข้ามาคือ Justin Bieber , Drake และ Rihanna เป็นต้น ตัวเพลงไหลลื่น บีทคล่องตัว และน่าค้นหามากๆ Galway Girl เพลงนี้ติดความเป็นไอริชสูงมาก ตามท้องเรื่องที่แอบรักสาวไอริช ชอบตรงที่มันให้อารมณ์ฟีลกู๊ดดี แร็พนิดๆ เสียงไวโอลินช่วยเพิ่มสีสันให้กับเพลงได้เป็นอย่างดี ตัดสลับโหมดเพลงอกหักกันบ้างในเพลง Happier และ New Man เพลง Happier loser ที่รอคอยให้เธอหันกลับมามอง ผมว่าเพลงมันเกือบจะไปได้ดีแล้วนะ แต่มันมาเสียตอนท่อนฮุกเนี่ยดิ ให้อารมณ์บัลลาดเว่อร์ๆแบบ One Republic เฉ๊ยย เธอคือทุกสิ่งของชั้น ชั้นอยู่กับเธอแล้วมีความสุข แอบเชยไปนิด ส่วน New Man แอบมีความต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว ที่ทิ้งชั้นไปเพราะผู้ชายคนใหม่นั่นเอง
.
Heart Don't Break Around Here นึกว่าเป็นเพลงให้กำลังใจ ที่ไหนได้พี่เอ็ดอินเลิฟนั่นเอง พอๆกับ How Would You Feel (Paean) ที่แต่งให้กับแฟนสาวคนล่าสุดอย่าง Cherry Seaborn ทำนองเพลงนี่เหมือนเพลงของ Rob Stewart อยู่เหมือนกันนะ เวอร์ชั่นไลฟ์ที่ปล่อยออกมาสุดยอดมาก แอบเสียดายไม่เห็นในเวอร์ชั่นจริง What Do I Know ? เพลงนี้ Feel Good และโลกสวยมากๆ อคลูสติกีตาร์ชิลๆสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเพลง ที่บัตเอ็ดต้องการใช้บทเพลงของเขาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นนั่นเอง ปิดท้ายด้วย Supermarket Flower เป็นการรำลึกถึงย่าที่จากไป เปียโนเงียบๆ แต่ซึ้งตรึงตาใจไม่แพ้ Afire Love ที่เป็นเพลงปิดท้ายอัลบั้ม Multiply มาที่เพลงแถมกันบ้าง มาในสไตล์แดนซ์ละตินแอฟริกา ผิดคาดพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Barcelona ความเป็นละตินมาเต็มมาก Bibia Be Ye Ye ก็เช่นกัน ซึ่งเพลงนี้ร่วมแต่งแร็พเปอร์ Fuse ODG เจ้าของเพลงฮิต Antenna ที่มี Wyclef Jean มาร่วมแจม ซึ่ง Bibia Be Ye Ye เป็นภาษาแอฟริกันแปลว่า All Will Be Well ซึ่งเพลงนี้มีส่วนผสมความเป็นแอฟริกันสูง ได้ฟังทั้งสองเพลงแล้ว อดนึกถึงเพลงเชียร์บอลโลกเอามากๆ Nancy Mulligan จังหวะสนุกๆในแบบฉบับไอริชพื้นเมือง โดยเพลงนี้เล่าถึงเส้นทางรักของปู่และย่าของบัคเอ็ดที่เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆนาๆ โดนกีดกันจากครอบครัวเรื่องศาสนา เล่าออกมาในจังหวะสนุกๆ ไม่มีดราม่าบีบขั้นอารมณ์ให้ยุ่งยาก ปิดท้ายด้วย Save Myself ที่มาในโทนหม่นๆแตกต่างจากสามเพลงที่แล้ว เป็นการส่งสาส์นให้ทุกคนรักตัวเองมากขึ้น ซึ่งเป็นเพลงปิดท้ายที่โอเคเลยล่ะสำหรับผม
Outro
.
Divide ชุดนี้ยังคงเป็นงานที่เสพง๊ายง่าย ง่ายเกินในแบบที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก ซึ่งน่าเสียดายเหมือนกันที่บัคเอ็ดกลับไม่ใช่ความต่างที่มีอยู่ในตัวเองใส่ลงในงานเพลงชุดนี้ เพลงที่ออกมาจึงไม่ต่างอะไรจากเพลงป็อบตลาดที่หาฟังได้ทั่วไป เสพง่ายเกินก็ถูกปล่อยผ่านได้ง่ายเกินจนไม่เติมเต็มความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น จึงเข้าข่ายเป็นเพลงป็อปที่ธรรมดา ไม่ได้รู้สึกพิเศษแต่อย่างใด อารมณ์กลางๆมาก ส่วนตัวผมยังคงรู้สึกดีกับ Multiply ชุดนั้นส่วนผสมทางดนตรีค่อนข้างกลมกล่อม มันแฝงความเรียลอยู่บ้าง แต่ Divide นั้นมันไม่ใช่ มันขาดบางสิ่งไป มันเป็นงานป็อบที่เด็กมากๆ ไม่ deep cut และไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก สำหรับใครที่ชอบเพลงป็อบชิลๆ ฟังสบายๆแบบไม่ต้องคิดไรมาก ก็โอเค แต่ถ้าใครเป็นนักฟังเพลงสายลึก หวังถึงความลึกซึ้งในเนื้อหา และความแปลกใหม่ อาจจะผิดหวังกับงานชุดนี้ก็ได้ครับ
เสพง่าย แต่ไม่น่าจดจำ
Top Tracks : Supermarket Flower , Save Myself, Galway Girl , Shape Of You
Give 6/10
Genres: Pop , Acoustic , Pop Rap , Blues
ทุกเพลงในอัลบั้ม Divide สามารถหาฟังได้ในยูทูปจ้า >>>> https://www.youtube.com/playlist?list=PLjp0AEEJ0-fGi7bkjrGhBLUF9NMraL9cL
เกือบลืมไป ถ้าใครอยากติดตามรีวิวอัลบั้มเพลงใหม่ เข้าไปติดตามและกด Like ในเพจผมได้เลยครับ มีให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ครับ
>>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma/