คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
แม่เราเสียตอนอายุท่าน 74 เรื่องเอกสาร เป็นอะไรที่ยุ่งยากมากๆ ตากับยายเรามีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด อำเภอห่างไกลจากตัวเมืองมาก และห่างจากจังหวัดที่พวกเราอยู่ประมาณ 200 กม. หลายสิบปีก่อนหน้านั้นภูมิลำเนาที่ตายายเราเคยอยู่ มีสถานะเป็นเพียงตำบล เวลาติดต่อราชการใดๆ ต้องไปทำที่ที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ห่างจากจุดนั้นไปเกือบ 20 กม. แต่ตอนตากับยายเสียชีวิต ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวไปแจ้งตายที่ไหน
พอแม่เสีย พวกเราต้องได้ใช้ใบมรณะบัตรของตากับยายมาเป็นหลักฐานประกอบการทำบัญชีเครือญาติของเจ้ามรดก ใบมรณะบัตรของทั้งตา+ยาย ก็ไม่รู้อยู่กับพี่น้องของแม่เราคนไหน เพราะมีหลายคนมาก และส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตไปแล้ว สถานที่ราชการที่ไปติดต่อ ต้องไปทั้ง 2 ที่ เนื่องจากญาติๆ ของแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา บ้านเดิมอยู่ไหน ต้องเดาๆ คลำทางไปตามหา ย้ายที่อยู่ด้วย และที่สำคัญไม่รู้ว่าใบตายของตายายที่ออกให้นั้น อยู่ที่ไหน ใครเป็นคนไปแจ้งการตาย และแจ้งที่ไหน .. วิ่งไปที่แรก บอกไม่มีประวัติ ต้องขับรถไปอีกที่หนึ่งไกล + กันดารเหลือเกิน พอไปถึง ปรากฎว่าเจ้าหน้าไม่พบหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ใดๆ เกี่ยวกับตาและยายเราเลย (สมัยนั้นยังไม่มีการบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และเลขประจำตัวประชาชน 13 ตัวเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่มี ถึงแม้จะมีบัตรประจำตัว + ทะเบียนบ้านของแม่ ที่ระบุชื่อบิดามารดาไปด้วย ก็ช่วยอะไรไม่ได้) สรุปว่าวันนั้น หาข้อมูลยังงัยก็หาไม่เจอ วันหลังค่อยกลับมาใหม่นะ แต่คราวนี้ ให้นำพยานบุคคลที่รู้เห็นการตายและการมีชีวิตอยู่ของตาและยายเรามาด้วย
ขนาดจังหวัดที่เราอยู่กับจังหวัดภูมิลำเนาเดิมของแม่เรามีพื้นที่ติดกัน แต่การจะไปติดต่อราชการอะไรก็ตามที่นั่น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเต็มวัน ไม่รวมระยะเวลาในการเดินทางไปกลับ กว่าจะเรียบร้อย กว่าจะได้เอกสารรับรองการตายของตาและยายเรามาเพื่อใช้ประกอบการยื่นจัดการมรดกของแม่เรา พวกเราต้องได้เดินทางไปจังหวัดนั้นถึง 3-4 ครั้ง ญาติพี่น้อง และผู้ใหญ่ที่จะหามาเป็นพยานรับรองการตายและการมีชีวิตอยู่ของตากับยายเรา กว่าจะรวบรวมหามาได้ เหนื่อย + เสียค่าใช้จ่ายเยอะเลยค่ะ
พ่อเรา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่อายุก็เกือบจะ 85 แล้ว ปู่กับย่าเราก็เสียชีวิตไปนานหลายสิบปีแล้ว แต่การที่จะไปควาญหาหลักฐานทะเบียนราษฎร์ต่างๆ ของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปตั้งนานแล้วคงจะยากและเหนื่อยไม่แพ้กันอีก แถมพ่อเรามีลูกๆ จากเมียหลายคนด้วย คงจะวุ่นวายพิลึก อยากคุยกับพ่อขอเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการตายของปู่ย่าเก็บไว้ให้พวกเราหน่อยได้มั้ย ถึงคิวพ่อลูกๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งยากลำบาก ก็น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้เช่นกันค่ะ พ่อเราหัวโบราณ อารมณ์ร้าย เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก หากอะไรนิดหน่อยให้ระคายหู ก็จะหาว่าลูกๆ อยากให้ตาย อกตัญญู จะทำมาค้าไม่ขึ้น ไปนู่น :'(
ลองยกเคสเรามาเล่าให้ฟังเป็นตัวอย่างค่ะ อะไรที่ จขกท. พอจะป้องกันไม่ได้เกิดได้ จะได้หาทางทำ
พอแม่เสีย พวกเราต้องได้ใช้ใบมรณะบัตรของตากับยายมาเป็นหลักฐานประกอบการทำบัญชีเครือญาติของเจ้ามรดก ใบมรณะบัตรของทั้งตา+ยาย ก็ไม่รู้อยู่กับพี่น้องของแม่เราคนไหน เพราะมีหลายคนมาก และส่วนใหญ่ก็เสียชีวิตไปแล้ว สถานที่ราชการที่ไปติดต่อ ต้องไปทั้ง 2 ที่ เนื่องจากญาติๆ ของแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา บ้านเดิมอยู่ไหน ต้องเดาๆ คลำทางไปตามหา ย้ายที่อยู่ด้วย และที่สำคัญไม่รู้ว่าใบตายของตายายที่ออกให้นั้น อยู่ที่ไหน ใครเป็นคนไปแจ้งการตาย และแจ้งที่ไหน .. วิ่งไปที่แรก บอกไม่มีประวัติ ต้องขับรถไปอีกที่หนึ่งไกล + กันดารเหลือเกิน พอไปถึง ปรากฎว่าเจ้าหน้าไม่พบหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ใดๆ เกี่ยวกับตาและยายเราเลย (สมัยนั้นยังไม่มีการบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และเลขประจำตัวประชาชน 13 ตัวเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่มี ถึงแม้จะมีบัตรประจำตัว + ทะเบียนบ้านของแม่ ที่ระบุชื่อบิดามารดาไปด้วย ก็ช่วยอะไรไม่ได้) สรุปว่าวันนั้น หาข้อมูลยังงัยก็หาไม่เจอ วันหลังค่อยกลับมาใหม่นะ แต่คราวนี้ ให้นำพยานบุคคลที่รู้เห็นการตายและการมีชีวิตอยู่ของตาและยายเรามาด้วย
ขนาดจังหวัดที่เราอยู่กับจังหวัดภูมิลำเนาเดิมของแม่เรามีพื้นที่ติดกัน แต่การจะไปติดต่อราชการอะไรก็ตามที่นั่น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเต็มวัน ไม่รวมระยะเวลาในการเดินทางไปกลับ กว่าจะเรียบร้อย กว่าจะได้เอกสารรับรองการตายของตาและยายเรามาเพื่อใช้ประกอบการยื่นจัดการมรดกของแม่เรา พวกเราต้องได้เดินทางไปจังหวัดนั้นถึง 3-4 ครั้ง ญาติพี่น้อง และผู้ใหญ่ที่จะหามาเป็นพยานรับรองการตายและการมีชีวิตอยู่ของตากับยายเรา กว่าจะรวบรวมหามาได้ เหนื่อย + เสียค่าใช้จ่ายเยอะเลยค่ะ
พ่อเรา ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่อายุก็เกือบจะ 85 แล้ว ปู่กับย่าเราก็เสียชีวิตไปนานหลายสิบปีแล้ว แต่การที่จะไปควาญหาหลักฐานทะเบียนราษฎร์ต่างๆ ของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปตั้งนานแล้วคงจะยากและเหนื่อยไม่แพ้กันอีก แถมพ่อเรามีลูกๆ จากเมียหลายคนด้วย คงจะวุ่นวายพิลึก อยากคุยกับพ่อขอเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการตายของปู่ย่าเก็บไว้ให้พวกเราหน่อยได้มั้ย ถึงคิวพ่อลูกๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งยากลำบาก ก็น้ำท่วมปาก พูดไม่ได้เช่นกันค่ะ พ่อเราหัวโบราณ อารมณ์ร้าย เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก หากอะไรนิดหน่อยให้ระคายหู ก็จะหาว่าลูกๆ อยากให้ตาย อกตัญญู จะทำมาค้าไม่ขึ้น ไปนู่น :'(
ลองยกเคสเรามาเล่าให้ฟังเป็นตัวอย่างค่ะ อะไรที่ จขกท. พอจะป้องกันไม่ได้เกิดได้ จะได้หาทางทำ
แสดงความคิดเห็น
จะพูดอย่างไร ให้แม่โอนบ้าน+ที่ดินให้ดีครับ
ไม่อยากให้ท่านคิดว่าเราแช่งในทางที่ไม่ดี ส่วนตัวคิดว่าถ้าท่านไม่อยู่ การดำเนินเรื่องจะยุ่งยากมากกว่า
และอยากทราบขั้นตอนในการโอนทั้งที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่อยู่ด้วยครับ เพื่อเป็นแนวทาง
**เพราะกรณีของพ่อแม่แฟนเสีย การทำเรื่องโอนเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก เดี๋ยวไปเขต เดี๋ยวไปกรมที่ดิน เดี๋ยวไป สน. (ย้อนไปย้อนมา หลายเดือน)
ต้องคัดลอกเอกสารอะไรที่สมัยก่อนไม่มีระบบในคอม มันใช้เวลาในการเดินเรื่องนานมากครับ
ถ้าไม่ยากเกินไปอย่างที่คิด ผมก็อาจจะไม่ต้องพูดให้คุณแม่เสียขวัญครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม และคำถาม ครับ
- พูดยังไงให้แม่เข้าใจ และไม่เสียขวัญดีครับ
- แม่มีลูก 2 คน
- ผมกับน้องใช้นามสกุลใหม่ของพ่อ คนละนามสกุลกับแม่ในปัจจุบัน
- โอนเป็นชื่อผม และน้อง ร่วมกันได้ไหม (ไม่คิดแก่งแย่งตีกันอยู่แล้วครับ) (บ้านไม่ได้ใหญ่โต)
- มีพ่อ แต่หย้าร้างกันแล้ว ทรัพย์สินเป็นของแม่
- เคยเห็นโฉนด แต่ไม่ใช่ชื่อแม่ (แอบ งง) แม่ว่าซื้อจากคนนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ชื่อคนนี้ยังปรากฎในโฉนด หมายความว่าไงครับ ?
ขอบคุณครับ