แชร์ประสบการณ์ โดนด่านศุลกากรที่ญี่ปุ่นกักตัว ( 1 ชั่วโมง ) เพราะพาสปอร์ตขาวและเข้าช่อง Autogate มาจากไทยค่ะ

อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การโดนด่านศุลกากรที่ญี่ปุ่นกักตัว แบบมึนๆ งงๆ นิดๆ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ ^^
หลังจากที่เราลงเครื่องที่สนามบินนาริตะ ก็ไปต่อแถวผ่าน ตม.
พอถึงคิวเรา ก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ ตม. ตามปกติ พอแสกนนิ้วเสร็จ รับพาสปอร์ตคืน ก็กล่าวขอบคุณ
เจ้าหน้าที่ไม่มีถามเพิ่มเติมหรือขอดูเอกสารใด ๆ เลยค่ะ รวดเร็วมาก ๆ ไม่น่าจะเกิน 1 นาที

จากนั้น เราก็รีบตรงดิ่งไปรอรับกระเป๋าที่สายพานอย่างสบายใจ
โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่า ต้องไปเขียนใบศุลกากรและผ่านด่านนี้อีก 1 ด่าน
ด้อม ๆ มอง ๆ คนอื่นอยู่แป๊บนึง ว่าเค้าทำยังไงกันบ้าง
ก็เลยรู้ว่า ต้องไปเอาใบศุลกากรสีเหลือง ๆ มากรอกรายละเอียดให้เรียบร้อย
แล้วนำไปยื่นที่ด่านตรวจ พร้อมกระเป๋าเดินทาง เราไปกับแฟน 2 คน ก็กรอกใบศุลกากรแค่ใบเดียว

เราเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ 2 คน เห็นคิวไม่ค่อยมี ช่องอื่นคิวยาวกว่ามาก
พอไปถึงช่องตรวจ มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 2 คน คนหนึ่งตรวจกระเป๋า อีกคนหนึ่งหยิบพาสปอร์ตเรากับแฟนไปดู
จนท. เปิดดูพาสปอร์ตของแฟนเราแป๊บเดียวก็ยื่นคืนให้ คงเพราะมีตราประทับหลายประเทศ และไม่ขาวโล่งเหมือนของเรา
แต่พาสฯของเรา เค้าเปิดดูพลิกไปพลิกมาหลายรอบมาก พร้อมทำหน้าฉงน คิ้วขมวดติดกัน
แล้วก็ถามคำถามเราเป็นภาษาอังกฤษที่ฟังยากนิดนึง ประมาณนี้ค่ะ
1. tourist? เราก็ตอบว่าใช่
2. come with family? husband? แล้วก็ชี้ไปที่แฟนเรา เราก็บอกไปว่าเป็น boyfriend
เค้าก็ทำหน้า งงๆ คิ้วขมวดติดกันอีกรอบ แล้วก็ถามเราต่อว่า ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกัน
เราก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษไปอีกรอบ ว่าเป็นแค่แฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานกันค่ะ
แต่เหมือนเค้าจะยังไม่เข้าใจ เค้าเลยเรียก จนท. อีกคนมาคุยกับเราค่ะ ซึ่งคนนี้คุยภาษาอังกฤษฟังง่ายกว่านิดนึง
เหมือนเค้าจะคอยแปลและอธิบายคำพูดเราเป็นภาษาญี่ปุ่น ให้ จนท. คนที่ตรวจพาสปอร์ตเราฟังอีกที
จากนั้นเค้าก็ถามเราต่อดังนี้ค่ะ
3. why your passport no stamp in Thailand? เราก็บอกไปว่า เราใช้ Auto gate เค้าก็ทวนคำตอบเราว่า Auto gate?
แล้วก็ทำหน้า งง ๆ หนักกว่าเดิมอีก พร้อมเปิด ๆ พลิก ๆ พาสปอร์ตเราไปมาอยู่อย่างนั้นหลายรอบ
เราเลยจะเอาเอกสารและหลักฐานอื่น ๆ ขึ้นมาให้เค้าดู เค้าผายมือบอกว่ายังไม่ดู ให้เก็บไปก่อน
แล้วขอเชิญเราไปที่ห้องสัมภาษณ์ค่ะ ออกจากช่องตรวจ เดินเลี้ยวไปทางซ้าย จะมีห้องเล็ก ๆ อยู่
เค้าบอกให้แฟนเรารออยู่ข้างนอกก่อน จะขอสัมภาษณ์เราสักครู่
ตอนนั้นรู้สึกใจเสียนิด ๆ แต่ก็พร้อมจะอธิบาย เพราะว่าเตรียมหลักฐานและเอกสารต่าง ๆ มาพร้อม
ทั้งพาสปอร์ตเล่มเก่าทุกเล่ม ใบจองโรงแรมที่จ่ายเงินแล้วครบทุกวัน ตั๋วเครื่องบินขากลับ เงินเยนที่แลกมา
บัตรเครดิตต่าง ๆ แผนเที่ยวภาษาอังกฤษ JR pass ที่จองจากไทย ฯลฯ

นั่งรอสักแป๊บ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกคนเป็นผู้ชายสูงอายุหน่อยค่ะ
ยิ้มทักทายเราเป็นภาษาอังกฤษ สุภาพดีค่ะ
แต่เจ้าหน้าที่คนเดิมที่ยังดูหนุ่ม ๆ เด็ก ๆ อยู่ ไม่ยิ้ม ไม่อะไรเลย
จะทำหน้าตึงเครียดใส่เราตลอดเวลาที่คุยกัน เราเลยรู้สึกเกร็ง ๆ นิด ๆ
จากนั้นเค้าก็สลับกันถามคำถามเราต่อดังนี้ค่ะ
4. พักที่ไหนบ้าง?
- เราก็ตอบไปอย่างละเอียด พร้อมเอาใบจองโรงแรมต่าง ๆ ยื่นให้เค้าดูค่ะ ดีที่ปริ๊นเป็นภาษาญี่ปุ่นมาด้วย เค้าเลยดูเข้าใจง่าย
จนท. คนแรก หยิบไปดูทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ส่วนอีกคนก็พยายามคุยกับเรา บอกว่าโรงแรมนี้ใกล้สถานีรถไฟดีนะ เดินทางสะดวก
5. ทำไมพักที่โตเกียวหลายวันจัง คุณจะเที่ยวแค่ที่โตเกียวหรือ?
- เราก็ตอบไปว่า จองที่พักในโตเกียวไว้ เพราะไม่อยากย้ายกระเป๋าบ่อยๆ
แต่จะใช้ JR pass ไปเที่ยวเมืองต่าง ๆ อื่น ๆ แบบไปเช้าเย็นกลับ แล้วเราก็เอาแผนท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษที่ปริ๊นมาให้เค้าดูค่ะ
เค้าก็เปิดพลิกไปมา แล้วบอกให้เราอธิบายให้ละเอียดซิ ว่าไปไหนบ้าง เพราะเค้าอ่านไม่ค่อยเข้าใจ เราก็ค่อย ๆ อธิบายไปค่ะ
6. มาญี่ปุ่นครั้งแรกเลยใช่มั้ย?
7. ทำไมถึงอยากมาเที่ยวที่นี่?
8. จนท. คนแรก ก็ถามเราซ้ำคำถามเดิมว่า ทำไมถึงไม่มีตราประทับตอนออกจากประเทศไทยหล่ะ?
เราก็ตอบไปเหมือนเดิมว่า เราใช้ช่องอัตโนมัติ และพาสปอร์ตเล่มนี้ เราเคยใช้ไปเที่ยวฮ่องกงมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง
ตม. ฮ่องกง ก็ไม่ได้ประทับตราให้เหมือนกันค่ะ มันเลยว่างเปล่า ขาวสะอาด
จนท.คนที่ 2 ก็พยักหน้าตอบรับ ว่าเข้าใจสิ่งที่เราพยายามอธิบาย แล้วก็หันไปพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นกับ จนท. คนแรก
เราก็เอาพาสปอร์ตเล่มเก่า พร้อมเอกสารต่าง ๆ อื่น ๆ ทั้งบัตรเครดิต ทั้งเงินเยน ทั้งตั๋วขากลับ โกยออกมาให้เค้าดูเพื่อยืนยันค่ะ
แต่เค้าก็บอกว่า ไม่เป็นไร ให้เก็บไปได้เลย และบอกให้เรานั่งรอสักครู่ แล้วก็หยิบพาสปอร์ตเล่มเก่ากับเล่มใหม่เราไป
ประมาณ 10 - 15 นาที เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในห้อง

เจ้าหน้าที่หน้าขรึมคนแรกถามเราอีกครั้งว่า
ทำไมพาสปอร์ตเล่มเก่าของเรา เวลาไปเที่ยวที่ไหน จะมีตราประทับเข้า-ออกจากประเทศไทยตลอดเลย
แต่เล่มปัจจุบัน ทำไมถึงไม่ทำแบบเดิมหล่ะ? เราฟังออกคร่าว ๆ ประมาณนี้ค่ะ
เราเลยบอกว่า ใช้ Auto gate สะดวกดี ไม่ต้องรอคิวนาน เค้าก็พยักหน้า แล้วพูดว่า โอเก๊ะ โอเก๊ะ (ok ok)
ส่วนลุงเจ้าหน้าที่อีกคนก็บอกเราว่า ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลา ขอให้เที่ยวให้สนุก
รู้สึกโล่งอกมาก ๆ เลยค่ะ เย่!

แฟนเราบอกว่า ตอนรอเราอยู่ข้างนอก เห็นเจ้าหน้าที่คนแรก เดินถือพาสปอร์ตเราย้อนขึ้นไปเช็คตรงด่าน ตม.
เราเลยเดาว่า ตรงช่องของ ตม. เค้าคงมีเครื่องอ่านข้อมูลในพาสปอร์ตอย่างละเอียด
ว่าเราไปไหนมาแล้วบ้าง หรือเราใช้ Auto gate มาจากไทย อะไรทำนองนี้ค่ะ เลยไม่มีปัญหาอะไรตรงด่าน ตม.
แต่ตรงช่องตรวจด่านศุลกากรอาจจะไม่มีเครื่องนี้วางอยู่
พอเจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้เปิดดูพาสปอร์ตเรา แบบใช้แมนน่วลทางสายตา พาสปอร์ตมันเลยดูขาว ๆ โล่ง ๆ ชวนน่าสงสัยมั้งนะ
เราเลยพูดเล่น ๆ กับแฟนว่า คราวหน้า ก่อนจะเข้าช่องตรวจด่านต่าง ๆ
จะพยายามเลือกช่องที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิง หรือ ช่องที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ประจำช่องคนเดียวดีกว่า
เพราะเท่าที่สังเกตดู วันที่เราไป ช่องศุลกากรที่มีเจ้าหน้าที่ประจำช่องอยู่คนเดียว ตรวจผ่าน ตรวจผ่าน ไวมากๆ
ไม่ค่อยถามอะไรเลย (แต่ก็คงไม่เสมอไปอ่ะเนอะ คงอยู่ที่ดุลพินิจเจ้าหน้าที่แต่ละคนเองด้วยแหล่ะ)
ตอนแรกเราคิดไปเองว่า ที่เราโดนเรียกเข้าห้องสัมภาษณ์ คงเพราะว่า พกน้ำพริก น้ำจิ้มซีฟู้ด ซอสพริก มาจากไทยหรือเปล่า
สรุปว่าไม่ใช่ค่ะ ตกใจหมดเลย แฮๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่