สวัสดีค่ะ
ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ ว่าสาเหตุที่มาตั้งกระทู้นี้ คือ เราเป็นนักเรียนไทยค่ะ แล้วเราก็เรียนในระบบการศึกษาของไทย แล้วมันมีหลายข้อสงสัยมากเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังอยู่ในตอนนี้ อย่างเช่น เราเรียนเยอะมาก แล้วมันมากเกินไปรึป่าว? เรียนไปเรายังไงซะเราก็ไม่ได้เอาไปใช้ทั้งหมด เราเรียนไปเพื่อมีเลข4อยู่ในใบเกรด เเล้วเลข4 อันนั้นวิเศษขนาดไหนกัน ?
โดยประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ก็ไม่ได้เก่งมากแต่ว่าก็อาศัยความขยันเอาในการเรียน เราได้เรียนห้องเรียนที่ดี อย่างที่รู้กันนะคะว่าเด็กไทยเรียนหนัก มันก็หนักจริงๆแหละค่ะ มันอาจจะแค่ 8 ชั่วโมง หรือ10 ชั่วโมง แต่เราว่ามันเยอะไปค่ะ เพราะว่าใน 8-10 ชั่วโมงนั้น เราเรียน 9 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง ใน9 ชั่วโมงนั้นเราต้องเรียน9 วิชา ซึ่งการสอนไม่น่าสนใจ หรือไม่ได้สอนด้วยซ้ำ เข้ามาเพื่อสั่งงานแล้วออกไป อาจารย์บางท่านนะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคน ครูดีๆมีเยอะแยะค่ะ การเรียนแบบนี้มันน่าเบื่อค่ะ ครูต้องสอนตามหลักสูตรมันคืองานของครูค่ะ เด็กมีหน้าที่เรียนเพราะพ่อแม่ทำงานมาส่งเสียเราเรียน แต่การเรียนของเราคือการท่องจำ เพื่อเอาไปสอบซะส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจ เพราะอะไรคะ? เพราะครูสอนน่าเบื่อ? เพราะครูสอนยาก? เพราะเราโง่? เพราะเราตั้งใจเรียนไม่มากพอ? หรือเพราะเราทุกคนต่างกัน พวกเราต่างก็มีความสามารถพิเศษของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเรามีฝันที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่แตกต่างกัน แต่เรามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่แคบกว่าท้องฟ้า ทะเล และภูเขา เพื่อมานั่งดูบนกระดานสี่เหลี่ยมที่มีรอยขีดเขียดด้วยปากกาไวท์บอร์ด ที่มีของความรู้ที่ถูกจำกัดเพียงใน แผ่นกระดาษที่มีหัวข้อว่าหลักสูตรการศึกษา ซึ่งทำขึ้นมาโดยคนที่จบปริญญาสูงๆ เพื่อกะเกณฑ์และตีกรอบการเรียนรู้ของเด็กที่พวกเขาไม่เคยได้จดจำชื่อหรือใบหน้า มันถูกแล้วใช่ไหมที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป? เราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหรอ?
เราขอสรุปปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ได้รับมาจากประสบการณ์โดยตรงให้ฟังนะคะ
1.เด็กเบื่อเรียน
2.การเรียนการสอนบางรายวิชาควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนค่ะ เช่น การสอนวิชา การงานอาชีพ ควรปฏิบัติ ไม่ใช่อ่านหนังสือแล้วมากาข้อสอบ วิชาประวิติศาสตร์ ควรเปิดหนังให้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญ และตัดส่วนที่ไม่สำคัญออก
3.เรียนเยอะ ยาก และไม่เข้าใจ ทำไมเราไม่ตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก เลือกเรียนตามสาขาที่สนใจ ใข้ระยะเวลาที่เรียนในห้องสี่เหลี่ยมให้น้อยลงไปทำกิจกรรมต่างๆให้มากขึ้น เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี หรือสิ่งที่ชอบเราถนัด เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตที่วิ่งล้มแล้วมีบาดแผลแล้วลุกขึ้นมาวิ่ง ไม่ใช่แค่เดินออกนอกห้องเรียนแล้วไปกลับบ้าน นอนแล้วตื่นขึ้นมาเจอกลับเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วกลับมาที่ห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าห้องเรียน
#ยังเขียนไม่จบค่ะ แต่ขอไปนอนก่อนนะคะ
#เรื่องเล่าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับเนื้อฟาเท่าไร
คือเราเรียนอยู่ห้องพิเศษค่ะ มีอยู่วันหนึ่งเราคุยกับเพื่อนเรื่องอะไรสักอย่างลืมไปแล้ว
เรา - เราอยากเป็นนางแบบ เพราะคิดว่ามันคือความสิ่งที่เราหลงใหลและชื่นชอบ ไม่ได้อยากเป็นหมอ เพราะเราคิดว่าหมอเหนื่อย เวลาน้อยแล้วก็ต้องเสียสละมากอยู่พอตัว
แต่คำพูดของเพื่อนที่ตอบกลับมาคือ
เพื่อน- แกอาจจะเป็นนางแบบได้นะ แกก็ฉลาดนะ แต่แกไม่เสียดายสิ่งที่เรียนมาบ้างหรอเราอยู่ คิดดูดิแกเรียนห้องนี้ห้องที่เรียนหนักเพื่อทำเกรดยื่นสอบเข้าแทบตาย แต่แกไปเป็นนางแบบเนี้ยนะ
ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้โกรธนะคะ แล้วก็ไม่ได้จะอะไร แต่แค่อยากจะให้มุมมองของคนอื่นที่แตกต่างจากเรา แค่อยากจะฝากไว้ว่า
อย่าดูถูกอาชีพที่สุจริต ถึงแม้ว่ามันจะอาชีพที่ไม่ได้รับการยกย่องนับถือมากในสังคม แต่มันก็เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคน ทุกอาชีพสำคัญเท่ากันค่ะ
#การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นนะคะ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาเพื่อทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีกว่าเดิม
How to change Thai Edu??
ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ ว่าสาเหตุที่มาตั้งกระทู้นี้ คือ เราเป็นนักเรียนไทยค่ะ แล้วเราก็เรียนในระบบการศึกษาของไทย แล้วมันมีหลายข้อสงสัยมากเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังอยู่ในตอนนี้ อย่างเช่น เราเรียนเยอะมาก แล้วมันมากเกินไปรึป่าว? เรียนไปเรายังไงซะเราก็ไม่ได้เอาไปใช้ทั้งหมด เราเรียนไปเพื่อมีเลข4อยู่ในใบเกรด เเล้วเลข4 อันนั้นวิเศษขนาดไหนกัน ?
โดยประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ก็ไม่ได้เก่งมากแต่ว่าก็อาศัยความขยันเอาในการเรียน เราได้เรียนห้องเรียนที่ดี อย่างที่รู้กันนะคะว่าเด็กไทยเรียนหนัก มันก็หนักจริงๆแหละค่ะ มันอาจจะแค่ 8 ชั่วโมง หรือ10 ชั่วโมง แต่เราว่ามันเยอะไปค่ะ เพราะว่าใน 8-10 ชั่วโมงนั้น เราเรียน 9 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง ใน9 ชั่วโมงนั้นเราต้องเรียน9 วิชา ซึ่งการสอนไม่น่าสนใจ หรือไม่ได้สอนด้วยซ้ำ เข้ามาเพื่อสั่งงานแล้วออกไป อาจารย์บางท่านนะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคน ครูดีๆมีเยอะแยะค่ะ การเรียนแบบนี้มันน่าเบื่อค่ะ ครูต้องสอนตามหลักสูตรมันคืองานของครูค่ะ เด็กมีหน้าที่เรียนเพราะพ่อแม่ทำงานมาส่งเสียเราเรียน แต่การเรียนของเราคือการท่องจำ เพื่อเอาไปสอบซะส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจ เพราะอะไรคะ? เพราะครูสอนน่าเบื่อ? เพราะครูสอนยาก? เพราะเราโง่? เพราะเราตั้งใจเรียนไม่มากพอ? หรือเพราะเราทุกคนต่างกัน พวกเราต่างก็มีความสามารถพิเศษของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเรามีฝันที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่แตกต่างกัน แต่เรามาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่แคบกว่าท้องฟ้า ทะเล และภูเขา เพื่อมานั่งดูบนกระดานสี่เหลี่ยมที่มีรอยขีดเขียดด้วยปากกาไวท์บอร์ด ที่มีของความรู้ที่ถูกจำกัดเพียงใน แผ่นกระดาษที่มีหัวข้อว่าหลักสูตรการศึกษา ซึ่งทำขึ้นมาโดยคนที่จบปริญญาสูงๆ เพื่อกะเกณฑ์และตีกรอบการเรียนรู้ของเด็กที่พวกเขาไม่เคยได้จดจำชื่อหรือใบหน้า มันถูกแล้วใช่ไหมที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป? เราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหรอ?
เราขอสรุปปัญหาระบบการศึกษาของไทย ที่ได้รับมาจากประสบการณ์โดยตรงให้ฟังนะคะ
1.เด็กเบื่อเรียน
2.การเรียนการสอนบางรายวิชาควรปรับเปลี่ยนวิธีการสอนค่ะ เช่น การสอนวิชา การงานอาชีพ ควรปฏิบัติ ไม่ใช่อ่านหนังสือแล้วมากาข้อสอบ วิชาประวิติศาสตร์ ควรเปิดหนังให้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญ และตัดส่วนที่ไม่สำคัญออก
3.เรียนเยอะ ยาก และไม่เข้าใจ ทำไมเราไม่ตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก เลือกเรียนตามสาขาที่สนใจ ใข้ระยะเวลาที่เรียนในห้องสี่เหลี่ยมให้น้อยลงไปทำกิจกรรมต่างๆให้มากขึ้น เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี หรือสิ่งที่ชอบเราถนัด เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตที่วิ่งล้มแล้วมีบาดแผลแล้วลุกขึ้นมาวิ่ง ไม่ใช่แค่เดินออกนอกห้องเรียนแล้วไปกลับบ้าน นอนแล้วตื่นขึ้นมาเจอกลับเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วกลับมาที่ห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าห้องเรียน
#ยังเขียนไม่จบค่ะ แต่ขอไปนอนก่อนนะคะ
#เรื่องเล่าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับเนื้อฟาเท่าไร
คือเราเรียนอยู่ห้องพิเศษค่ะ มีอยู่วันหนึ่งเราคุยกับเพื่อนเรื่องอะไรสักอย่างลืมไปแล้ว
เรา - เราอยากเป็นนางแบบ เพราะคิดว่ามันคือความสิ่งที่เราหลงใหลและชื่นชอบ ไม่ได้อยากเป็นหมอ เพราะเราคิดว่าหมอเหนื่อย เวลาน้อยแล้วก็ต้องเสียสละมากอยู่พอตัว
แต่คำพูดของเพื่อนที่ตอบกลับมาคือ
เพื่อน- แกอาจจะเป็นนางแบบได้นะ แกก็ฉลาดนะ แต่แกไม่เสียดายสิ่งที่เรียนมาบ้างหรอเราอยู่ คิดดูดิแกเรียนห้องนี้ห้องที่เรียนหนักเพื่อทำเกรดยื่นสอบเข้าแทบตาย แต่แกไปเป็นนางแบบเนี้ยนะ
ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้โกรธนะคะ แล้วก็ไม่ได้จะอะไร แต่แค่อยากจะให้มุมมองของคนอื่นที่แตกต่างจากเรา แค่อยากจะฝากไว้ว่า
อย่าดูถูกอาชีพที่สุจริต ถึงแม้ว่ามันจะอาชีพที่ไม่ได้รับการยกย่องนับถือมากในสังคม แต่มันก็เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคน ทุกอาชีพสำคัญเท่ากันค่ะ
#การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นนะคะ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาเพื่อทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้ชีวิตที่ดีกว่าเดิม