ฉลามเขียว : เสรีภาพอันงดงามแห่งชาวธรรมกาย



บทความโดย ฉลามเขียว
คอลัมนิสต์ผู้ข้ามยุคจากกระดาษสู่สื่อดิจิทัล
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะต้องไม่ลืมก็คือ เสรีภาพในการนับถือศาสนา รวมทั้งเสรีภาพในการจะมีวัตรปฏิบัติต่างๆตามความเชื่อของตัวเอง  นี่คือ “หัวใจ” ที่เป็นแก่นที่เราคนไทยจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันและให้ตรงกัน  แล้วก็เคารพสิ่งนี้......


ข่าวบนหน้าจอทีวี  ขณะนี้ยังกะประเทศไทยมีเรื่องเดียวเกิดขึ้นอยู่   ข่าวเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ-DSI ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย  โดยมีตำรวจทหาร ฝ่ายปกครอง  สนับสนุนปฏิบัติการ ภายใต้คำสั่งมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  เป็นข่าวที่ผู้คนติดตามกันอย่างเกาะติดที่สุด

ปรากฏการณ์นี้พอกล่าวได้ว่า คนไทยไม่ได้ห่างไกลพุทธศาสนา  เมื่อมีเรื่องราวอันน่าสนใจเกิดขึ้นในพุทธศาสนาก็ติดตาม  กินข้าวอยู่ก็เงยหน้าดูข่าว  และหลายๆคนก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ปฏิบัติการเริ่มขึ้นเมื่อตี 3 วันที่ 16 ก.พ.2560 เมื่อสถานการณ์เดินมาถึงวันที่ 22 ก.พ.2560  ตัวผม นายฉลามเขียว ก็มีความโล่งใจในระดับหนึ่ง  ที่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น  หลายๆฉากที่เราได้เห็นการผลักดันกันระหว่างสงฆ์กับตำรวจ  ด้านคลองแอน หน้าประตู 5 ประตู 6 ยอมรับว่าเสียวครับ  กลัวจะมีเหตุการณ์ “จีวรเปื้อนเลือด”  แต่เมื่อไม่มี  ก็ถือว่าสบายใจได้แล้ว  และทั้งสองฝ่ายก็มีการเจรจากันอยู่ตลอดเวลา  ถอยออกห่างจากกันราว 10 เมตร

ความจริงผมตั้งใจจะเขียนเรื่องธรรมกายแค่วันเดียว  แล้วไม่เขียนอีกเลย  แต่ก็ขอเขียนอีก 1 ตอนนะครับ  เพื่อที่จะบอกแก่คนไทยทุกคนว่า  สิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะต้องไม่ลืมก็คือ

เสรีภาพในการนับถือศาสนา

รวมทั้งเสรีภาพในการจะมีวัตรปฏิบัติต่างๆตามความเชื่อของตัวเอง  นี่คือ “หัวใจ” ที่เป็นแก่นที่เราคนไทยจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันและให้ตรงกัน  แล้วก็เคารพสิ่งนี้

ผมเองก็รู้ว่า สำนักวัดธรรมกายเป็นสำนักที่ดี  เป็นสำนักทียึดถือแนวคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ซึ่งสอนให้ทำแต่ความดี มีเมตตาต่อมนุษย์ด้วยกัน และมุ่งสู่นิพพาน  หรือ ความว่างเปล่า  ซึ่งถูกต้องนัก  เพราะจริงๆแล้วมนุษย์ไม่มีอะไรเลย มาก็ตัวเปล่า ตายไปก็ตัวเปล่า  ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในขณะมีชีวิตอยู่ก็คือ  การเป็นคนดี คิดดีทำดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น



จะมาโทษกันเมื่อเห็นว่า  คนอื่นมีวัตรปฏิบัติที่ไม่เหมือนกับตัวเองก็ไม่ถูกนัก  ความจริงที่เราเห็นกันอยู่ก็คือ  คนไทยชินกับการให้สินบน  ตัวผมเองก็อาการหนัก ยกมือไหว้พระแทนที่จะขอให้คุณพระคุ้มครองให้ชีวิตมีความสุข แต่ผมพึมพัมในใจว่า ขอให้ผมถูกรางวัลที่ 1  รางวัลที่2 ก็ไม่เอา  แล้วก็ติดสินบนพระ  ถ้าได้ตามที่ขอจะมาแก้บนอย่างมโหฬาร

ผมค่อนข้างมั่นใจว่า มีไม่น้อยคนที่มีอาการเดียวกันผม  หาได้เข้าถึงลึกซึ้งซึ่งคำสอนของพระพุทะเจ้าเลยแม้แต่น้อย  ผมมีอาการละโมบโลภมากจะเอาจากพุทธศาสนาในทำนองนี้ ให้สินบนพระพุทธรูป  แล้วก็ปลื้มว่าตัวเองก็คนหนึ่งที่นับถือพุทธ

คนไทยพุทธหลายครั้งๆก็เราอิดหนาระอาใจเมื่อได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งห่มจีวระพระ แล้วปฏิบัติอย่างไม่ใช่สงฆ์  เช่น ยืนรอรับบิณฑบาตรหน้าตลาดสด  มีคนเอาอาหารถุงมาใส่บาตร  สักครู่ก็มีคนมาเอาถุงออกจากบาตรไปวางขายต่อ  อย่างนี้เห็นแล้วก็สิ้นศรัทธา  ไม่รู้จะตักบาตรไปเพื่ออะไร

หรือไปบางวัด มีการก่อสร้างวัตถุที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ์  เป็นรูปสารพัดสัตว์ตามอย่างโบราณ และที่หน้ารูปปั้นสัตว์เหล่านั้นจะมีตู้รับบริจาควางไว้  บางจุดมีเป็นสิบๆ ตู้  เห็นแล้วก็เป็นที่อิดหนาระอาใจอีก

แต่ก็ไม่ว่าอะไรมาก รู้และเข้าใจได้ว่านี่คือวิถีแห่งคนไทย  คิดเสียว่าก็คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา นับถือลิทธิตามความเชื่อของตัวเอง

ผมเองไม่เคยไปวัดพระธรรมกาย คลองหลวงปทุมธานี  แต่เคยได้สัมผัส เคยมีชีวิตและทำงานร่วมกับ “ผู้ใหญ่” ที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดธรรมกาย คลองปลวง ปทุมธานี  เมื่อฟังท่านพูดก็ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า ทำไมจึงไปปฏิบัติธรรมที่วัดนี้  เพราะปฏิบัติจริง  ไปแล้วจิตใจผ่องแผ้วจริง  จากการที่ได้อยู่รวมกันกับผู้ที่มีจิตใจเดียวกัน  จิตใจประเสริฐ  ไม่คิดจะเบียดเบียนคนอื่นๆ  และสำนักนักนี้ไม่มีพิธีกรรมงมงายลุ่มหลงให้เลขให้หวย ให้เครื่องรางของขลัง  โดยมีแนวทางชัดเจนคือ   ทำกาย...ซึ่งหมายถึงทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นธรรม สมดังชื่อ  สำนักธรรมกาย

ธรรมกายมีดี   ไม่เช่นนั้นจะไม่มีผู้คนมากมายหลายล้านคนทั่วโลกเลื่อมใสศรัทธา และเข้าร่วม

มีเศรษฐี  มหาศรษฐกี คนมีชื่อเสียงในสังคมไทยมากมายเป็นศิษย์สำนักนี้  ในที่นั่งแถวหน้านั้นคนดี  นั่นก็ย่อมเป็นเครื่องการันตีได้ดีที่สุดแล้ว

ตัวผมเองแม้ไม่ใช่ศิษย์ธรรมกายก็รู้  จึงมีความดีใจเป็นอย่างมากเมื่อปฏิบัติการของ DSI เดินหน้ามาได้ 7 วัน ถึง 22 ก.พ.2560  เราได้เห็นความห่วงใยจากองค์กรอื่นๆชัดเจนยิ่งชึ้น  หลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามามีส่วนร่วมให้ปฏิบัติการมีความนุ่มนวลมากชึ้น  โดยเน้นไปที่การเจรจา  ซึ่งก็ต้องชมคณะสงฆ์วัดธรรมกายด้วยว่า  ดีมากที่ท่านให้ความร่วมมือกับ DSI อยากตรวจค้นตรงไหนก็นำตรวจ  และคอยห้ามปราม คอยเตือนสติทั้งสงฆ์  ศิษย์วัด ให้ใจเย็น ... นั่นงดงามแท้

“เมื่อมีเริ่มต้นก็ต้องมีจุดจบ”

คำนี้ของท่าน ผบ.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ท่านพูดได้ถูกใจผมมาก  ผู้ชายที่มีปืนมากที่สุดในมือพูดเช่นนี้ผมก็สบายใจ และเชื่อว่าคนไทยอีกหลายๆคนที่ติดตามข่าวธรรมกายกอยุ่ก็คงมีความสบายใจ  ปฏิบัติการเริ่มขึ้นได้ ยังไงก็จบได้

ผมมีความปรารถนาที่อยากให้จบลงตรงที่....

สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา ซึ่งเป็นเสรีภาพอันงดงามของชาวธรรมกาย ในการเลือกนับถือ   เลือกปฏิบัคิกิจกรรม  ตามความเชื่อของตัวเอง  จะต้องคงอยู่ต่อไปและตลอดไป

ผู้มีอำนาจจะต้องแยกให้ออก แยกให้ขาด  “วัดธรรมกาย” ก็คือวัดธรรมกาย  เป็นวัดที่ดีงาม  ดังนั้น  อย่าให้มีอำนาจใดทำลายและหยุดยั้งความงดงามแห่งเสรีภาพในการนับถือศาสนาของคนไทยเป็นอันขาด



ฉลามเขียว

22 กุมภาพันธ์ 2560
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
นี่เรากำลังพูดเรื่องของศาสนา   ไม่ใช่ความคิด ความเชื่อของลัทธิที่มาแล้วก็ไปตามยุคสมัย
พระสงฆ์สาวก ได้มีความพยายามที่จะรวบรวม จัดหมวดหมู่และจารึกไว้เพื่อป้องกันการผิดเพื้ยนของคำสอนตั้งแต่ท่านปรินิพพานไม่นาน
เพื่อให้คำสอนคงความถูกต้อง ผู้นำไปศึกษาและปฎิบัติจะได้รับประโยชน์ตั้งแต่ระดับต้น ไปจนถึงการพ้นจากความทุกข์ทางจิตวิญญาณ
ดังนั้นการจะมาตีความตามอำเภอใจ บิดเบือน พูดไม่หมด เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วบอกว่าเป็นเสรีภาพในการเชื่อ
แล้วจะปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ตามแนวทางของพุทธศาสนาได้อย่างไร
เส้นไหนจะบอกว่าเป็นแนวทางตามหลักพุทธศาสนา

เหมือนแรกเราวาดรูปช้าง เราเก็บลายละเอียดของช้าง ใครดูก็รู้ว่าช้าง
ต่อมาบอกว่า งวง งา มันวาดยาก คนจะไม่อยากวาด ต้องให้วาดง่ายๆไว้ เราเลยเอ้าง่ายๆ ลดงวง ลดงาลง ก็วาดง่ายแล้วสอนวาดกันอย่างแพร่หลาย สบายใจ
สอนไปสอนมา ผ่านไป 10 เจนเนอเรชั่น มีคนบอกว่าช้างมีงวง มีงา ไม่มีใครเชื่อ มันจะมีได้ยังไง รูปช้างไม่มีงวง ไม่มีงา เกร่อไป


วัดธรรมกายจะสอนแค่ทาน ก็ได้ แต่ต้องพูดให้ถูกแก่น ว่าพุทธศาสนาสอนทำบุญเพื่อละ ลดความยึดมั่น ถือมั่น
และสุดปลายทางของพุทธศาสนาคืออะไร
การสอนให้คนงมงายกับการทำบุญ  หวังรวย หวังสวรรค์ เจ้าสำนักมาเชียร์ รวย ๆ ๆ  รอตายไปอยู่สวรรค์เฟสนั้น เฟสนี้
แค่นี้ก็เพื้อนไปจากคำสอนของพุทธเจ้าแบบคนละขั้วแล้ว
ปล่อยให้ธรรมกายซึ่งใหญ่โต มีอิทธิพล สอนแบบนี้ไปนานๆ
คนรุ่นหน้าก็จะบอกว่า ช้าง ไม่มีงวง ไม่มีงา ... ศาสนาพุทธสอนให้ยึดมั่น ถือมั่น  
เพื้ยนไปขนาดนี้  ยังบอกว่าเรานับถือพุทธได้อีกหรือ...
ความคิดเห็นที่ 6
เขียนยืดยาว แต่หลงประเด็นทั้งหมด
ไม่มีใครห้ามความเชื่อของใครได้ แม้กฎหมายก็ห้ามไม่ได้

เหตุการณ์ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีใครไปยุ่งกับความเชื่อของใคร เค้าบอกแล้วบอกอีกว่าต้องการนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  ก็ยังจะเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่นอีก

ยืนยันว่าประเทศนี้มีเสรีภาพล้นเหลือ มีกระทั่งเสรีภาพที่จะขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วยนะตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่