ขอเล่าเรื่องครอบครัวเรา
เรื่องเมื่อ 22 ปีก่อน
~พ่อแม่เรามีลูกสาว2คนคือ เรา และน้องเรา ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ
มีรถเก๋งขี่ เรามีจักรยาน. มีของเล่น บาบี้ ทุกอย่างที่เด็กควรจะมี.
แม่เราทำงานที่สหกรประจำตำบลแห่งหนึ่ง น่าจะเป็นฝ่ายบัญชี
16 ปี ต่อมา สมัยเรียนประถม
ตอนเรา7ปี น้อง1ปีกว่าๆ แม่เราต้องไปทำงานต่างจังหวัด
. พ่อเราตามไปด้วย ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องไป
เราต้องอยู่กับปู่ย่า แบบชีวิตเหมือน วงเวียนชีวิต หลานอยู่กับตายาย
กลับจากโรงเรียนมาล้างจาน ทำกับข้าว ชีวิตเป็นเด็กดี ประมานนั้น
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าทำไม คนนั้นคนนี้ก็สงสารเรา
ชีวิตเหมือนเปลี่ยนไป จากคุณหนูสุด. กลายเป็นมีแต่คนสงสาร.
มักจะมีคนมาหาที่บ้านตลอด. บางทีก็เป็นตำรวจบ้าง
สมัยนั้นโทรศัพท์มีเครื่องเดียวทั้งหมู่บ้าน เวลาจะโทร ก็ไปขอเขาโทร.
ให้เงินครั้งละ20-50บาท. แม่จะโทรมาเฉพาะวันสำคัญ เราถามว่าอยู่ไหน
แม่จะไม่เคยบอก จำได้ว่าตอนนั้น. นอนร้องไห้ทุกคืน. เป็นชีวิตที่ทุกข์มาก.
คิดถึงพ่อแม่สุดๆ. แม่กับพ่อไปทำงานต่างจังหวัดปีกว่าๆ ก็กลับมา
ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นเพราะมีพ่อแม่แล้ว เราและน้องย้ายจากรร.รัฐแถวบ้าน
ไปเรียนเอกชน พ่อแม่ซื้อรถไปทำงานส่งของ ร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่เปิด24ชั่วโมง
เราอยากบอกใครหลายๆคนที่คิดจะไปทำงานที่อื่น
ทิ้งลูกไว้ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง เพราะคิดว่ามันจำเป็น
ไม่งั้นจะเอาไหนส่งเรียน แต่ในฐานะที่เคยถูกทิ้ง
เราอยากบอกว่าอย่าทิ้งลูกไปเลย มันเป็นบาดแผลลึกในใจ
ของเด็กคนหนึ่งมากๆ การนอนร้องไห้ตลอดทั้งๆที่ยังเด็กขนาดนั้น
ทำให้สุขภาพจิตเสีย ของเล่นที่เคยมีเต็มมือ โรงเรียนดีๆที่เคยเรียน
ก็เทียบไม่ได้กับการเห็นพ่อแม่ได้กลับบ้าน
ช่วงประมาน 10ปี ต่อมา สมัยมัธยม
ช่วงนี้เราโตขึ้น พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ว่า
จริงๆแม่เราหนีคดี โกงเงินสหกร คือเขาจับได้แม่เราจะโดนจับ
ไม่รู้โกงเงินมาเท่าไร เพราะไม่เคยมีใครเล่าให้เราฟัง
แต่ที่แม่ได้กลับมาบ้านเพราะลุงของเราอาสาใช้หนี้ให้ทั้งหมด
ออกค่าสู้คดี ทุกๆอย่าง แต่ทุกวันนี้คือ ใช้เงินต้นไปหมดแล้ว
แต่เหมือนกรรมการจะตามลังคราวตลอด เหมือนสมมุติ
เหลือเงิน4หมืนต้องใช้ใน1ปี แม่เราไม่มีจ่าย เขาก้จะพยายาม
เอาสัญญาฉบับใหม่มาให้เซน คือเหมือนเรียกว่า ยื่นอายุ
ให้จ่ายได้ใน4ปี แต่ต้องเพิ่มเงินเป็น8หมืน ประมามานนี้
คือเราไม่ค่อยรู้เรื่องนะ เพราะพ่อแม่ หรือใครๆก้ไม่เคยเล่าให้เราฟัง
พอถามจะบอกว่าไม่ให้ยุ่ง เรื่องของผู้ใหญ่ (นี่คือบ่อเกิดหนี้ก้อนแรก)
พ่อแม่กลับมาและเริ่มต้นทำงานใหม่คือ ซื้อรถมา1คัน
สมัครเข้าทำงานขนส่งของ ให้ร้านสะดวกซื้อที่เปิด24ชั่วโมง
เนื่องจากเห็นว่ารายได้ดี คนยังไม่รู้จักงานนี้มากนัก
พ่อแม่จึงเริ่มคิดจะยืมเงิน เพื่อซื้อรถมาอีก
แต่เนื่องจากติดคดีดังกล่าว จึงทำได้เพียงยืมเงินกู้รอบระบบ.
พ่อแม่เริ่มเป็นหนี้. จากการที่ ซื้อรถหลายคันมาเพื่อรับทำงาน
. แต่เงินนั้น. ได้มาจาก ยืมคนอื่น. เหมือนการลงทุน ที่ไม่มีทุน.
แต่ทำงานใหญ่ ยืมคนอื่นมา พอได้กำไล ต้องจ่ายทั้งหนี้
ทั้งดอกเบี้ย ทั้งงวดรถ จึงเกิดหนี้สะสมเรื่อยมา (นี่คือบ่อเกิดหนี้ก้อนที่2)
เราย้ำเตือนตัวเองเสมอ ว่าอย่าขโมย อย่าโกงใคร
บางครั้งเราแอบคิดว่า อย่าเป็นเหมือนแม่นะ จิตใจเบื้องลึก
บางครั้งแอบอยากได้ของคนอื่น เราก็มักจะคิดเสมอว่า
สงสัยเราจะมียีนต์ขี้โกงเป็นยีนต์แฝง
แต่โชคดีที่เราเตือนตัวเองได้เสมอ และไม่เคยทำ
ต่อมา ช่วงมหาลัย
เราจะเข้ามหาลัย ช่วงนั้นเราเรียนพิเศษ และอ่านหนังสือเตรียมสอบ
จึงไม่ค่อยรู้เรื่อง จริงๆแล้วตอนนั้นเราจะไปเที่ยวและ
ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนมากกว่า เพราะแม่เราบอกว่าจะให้เรา
ไปเรียนเมืองนอกกับพี่ญาติคนหนึ่ง เนื่องจากญาติคนนี้เรียนจบพยาบาล
ทำงานสองปี ไปเมืองนอก ได้เริ่มเรียนพยาบาลใหม่
พี่ญาติคนนี้จึงอยากให้เรามาเรียนที่เมืองนอกเลย
ไม่อยากให้เสียเวลาเรียนมหาลัยที่ไทย เราจึงใช้ชีวิตแบบสนุกสนาน
เดี๋ยวจะไม่ได้อยู่ไทยแล้ว ใช้ชีวิตให้เต็มที่ แต่สุดท้ายไม่ได้ไป
เพราะไม่มีเงิน ต้องอธิบายก่อนว่า ตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่ได้เป็นหนี้มาก
และเรายังไม่ค่อยรับรู้เรื่องอะไรเท่าไร จึงคิดว่าแม่จะส่งเรียนเมืองนอกได้
แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ไปเราจึงได้เรียนพยาบาลวิทลัยพยาบาล
แห่งหนึ่งของรัฐบาล ที่ให้ทุนเรียน ที่รับเป็นที่เกือบท้ายๆ
เพราะรอบรับตรงรอบแอดเราปฎิเสธไปทั้งหมด
เมื่อสอบเข้าได้ตัดสินใจเรียนต้องย้ายเข้าหอใน
พ่อแม่ทะเราะกับปู่ย่าอย่างหนัก จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร
แม่พ่อและน้องจึงมาเช่าบ้านอยู่ในเมือง
ปู่กับย่า จึงอยู่บ้านกัน2คนเพราะปู่ย่ามีลูกชายเพียงคนเดียวคือพ่อเรา
ต่อมางานของแม่มีปัญหา เพราะย้านจากส่งนมไส้กรอก
มาส่งซาลาเปาข้าวกล้อง ถึงจะส่งให้ร้านสะดวกซื้อ24ชั่วโมงเหมือนกัน
แต่คนละบริษัท. เมื่อย้ายมาข้าวกล่อง เกิดปัญหาคือ
บริษัทนี้ไม่สำรองน้ำมันให้ งานเก่าคือ เขาให้เติมน้ำมันและหักจากเงินเดือน
แต่งานใหม่ต้องจ่ายน้ำมันเองแต่แรก. (นี่เป็นบ่อเกิดหนี้ก้อนที่3 )
แม่มีรถประมาน10คัน ค่าน้ำมันประมานวันละ 1x,xxx 30วัน ก็คือ เกือบๆสามแสน
-เงินเดือนออกประมาน 8-9แสน
-ค่าน้ำมัน ประมาน 3แสน
-คนงาน ประมาน1.5แสน
-งวดรถ ประมาน1.2แสน
-ใช้หนี้ ดอกเบี้ย ประมาน 4แสน
-ใช้หนี้เงินต้น ไม่ทราบ
นี่คือสิ่งที่เราคำนวนจากการฟังพ่อแม่พูด
เวลาอยู่บนรถเมื่อไปรับเรากลับบ้าน
แม่พ่อไม่เคยเล่าหรือบอกอะไรเลย.
เงินแปดแสนหายวับไปตั้งแต่เงินเดือนออกวันแรก
. เราจะได้กินกับข้าวดี แค่ช่วงสัปดาหฺแรกเท่านั้น
. แต่ต่อมาก็ได้กินดีนะ เพราะยืมเงินคนอื่น.
เราคิดถึงตอนที่แม่มีรถแค่คันเดียว ที่ยังไม่เป็นหนี้มาก.
ไม่ต้องยืมคนอื่นมากมาย. ไม่ต้องติดแบล็คลิสเพราะรถโดนยึด.
ไม่ต้องทำให้ครอบครัวคนอื่นเดือดร้อนเพราะให้เขาซื้อรถ
หรือค้ำประกันให้. ตอนนั้นชีวิตดีกว่านี้เยอะ
(ต่อมาหนี้ก่อนที่4) เกิดขึ้นเพราะภาษี
จะเล่าเรื่องภาษี เมื่อเงินแม่ได้ เดือนละแปดแสน
จึงต้องเสียภาษีเยอะมาก น่าจะปีละ3แสน.
กลายเป็นแม่เรามีหนี้ก้อนใหม่มา3แสน
ทั่งๆที่แทบไม่ได้ใช้เงินจริงเลย เงินโชว์แต่ตัวเลข
และแน่นอนภาษี มาทุกๆปี
(นี่คือหนี้ก้อนที่ 5) ที่หนักที่สุด เมื่อแม่ติดหนี้ เริ่มแรก เพราะ คดี
ต่อมา ลงทุนไม่มีทุน. บริษัทไม่ให้ค่าน้ำมัน ดอกเบี้ยเงินนอกระบบ
ภาษี หนี้เก่าสะสม. แม่เราจึงให้ญาติคนหนึ่งที่ติดพนัน
พาไปพบ คนปล่อยกู้เจ้าใหญ่ แบบที่ต้องเรารถไปจำนำ นี่คือจุดเปลี่ยน
แม่เราไปยืมเงิน จะเรียกว่า คนรับจำนำรถแล้วกันนะคะ
เอารถไปจำ เริ่มแรกเป็นรถที่ใช้ในครอบครัว เช่นรถเก๋ง
ฟอจูเนอร์ สมมุติยืม1แสน ดอกร้อยละ 20 ดอก2หมื่น
ต่อเดือน ย้ำ ต่อเดือน ได้เงินมาเพียง 8หมืน เพราะเขาหักดอกไว้.
ต้องจ่ายค่าจอดรถคันละ5000 รถอยู่กับเขา เขาได้ใช้รถ เราจ่ายทุกอย่าง
1 ดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน
2เงินต้น 1แสน
3ค่าที่จอดรถ5000 ต่อเดือน
4งวดรถเราเอง
5 มาจ่ายไม่ตรงเวลา ปรับวันละ2000
สมมต เดือนนี้ไม่มีจ่าย แม่ต้องเสียดอก4หมื่น
งวดรถ2เดือน 2หมื่น ค่าจอดรถ1หมื่น
สรุป แม่ยืมเงิน 1แสน ไม่จ่าย2เดือน แม่เป็นหนี้ 1.7 แสน
ไม่จ่ายเพียง2เดือน หนี้เพื่มเกือบ1เท่า
แรกเริ่มเป็นรถส่วนตัว ต่อมาเป็นรถที่ใช้ทำงาน
เมื่อเอารถทำงานไปจำนำ รถวิ่งงานลดลง รายได้ลดลง
รายจ่ายเพิ่มขึ้น ตายๆๆๆ อย่างเดียว
สมมุติแม่เราไปจำนำ 5คัน คันละ1แสน ไม่มีจ่ายสองเดือน
เป็นหนี้ 8.5 แสน นี่คือเหตุผล ว่าทำไม
ภายในเวลาไม่ถึง4ปี แม่เราจึงมีหนี้เกือบสิบล้าน
แม่เราถลำลึกลงเรื่อยๆ ไม่มีเงินพอจะจ่าย
ยิ่งนานวัน ยิ่งเพิ่ม ทั้งๆที่เป็นหนี้เยอะขนาดนั้น
แต่แทบไม่ได้ใช้สักบาท บ้านสักหลังก็ไม่มี
มีแต่จมหนี้ลงเรื่อยๆ เพราะดอกเบี้ยแพงมาก
ค่าปรับแพงมาก เงินรายได้ลดลง ทุกอย่างต้องเสีย
เริ่มเอารถไปฝากหลายคัน นั่นแหละ คือสิ่งสะสม
จนเป็นหนี้ น่าจะเกือบ10ล้านแล้ว เท่าที่ประติดประต่อเรื่องเอง
ตอนนี้ ชีวิตครอบครัวเราคือ. ติดหนี้. ไม่ต่ำกว่า10ล้าน.
รถที่ใช้ในบ้านอยู่กับเขา2คัน ที่ยังส่งงวดรถอยู่.
รถวิ่งงานเราไม่รู้ยังจำนำไหม แต่ไม่เคยได้ใช้รถเลย.
มอไซ 1คัน. ตอนนี้บ้านเราไม่มีรถใช้.
มีเพียงมอไซต์ 1คัน ไปไหนมาไหนไม่ได้
* ผลกระทบต่อเราคือ อะไร ทำไมถึงบอกว่าพ่อแม่รังแกหนู
เริ่มจากตอนม.1
แม่ซื้อโน๊ตบุ๊กให้. แต่เราแทบไม่เคยได้ใช้
แม่จะเอาไปจำนำตลอด. ได้ใช้เดือนหนึ่ง ไปจำ3เดือน
เป็นแบบนี้ตลอด. พอเราไม่ให้ แม่จะถามว่าใครซื้อให้ละ?
มหาลัย
ไอโพน5c ของที่เป็นส่วนตัวที่สุดในชีวิต
แต่แม่ขอไปจำ เราก็ต้องให้
iphone คือเราซื้อติดสัญญา จ่ายเอง แม่ออกให้8พัน
ต่อมาพออายุครบ20แม่ก็ให้ของขวัญโดยการ
ใช้ชื่อเราออกรถ. ไปใช้เพื่อการทำงาน พร้อมกัน2คัน
(เราไม่รู้ทำไมถึงออกรถพร้อมกันได้2คันนะ แต่แม่เราทำได้)
ตอนจะออกแม่สัญญาจะไม่ให้เสียเครติด จะส่งตรงทุกงวด
เพราะเราบอกแม่แต่แรกว่าอยากไปเมืองนอก
ต่อมาคือ ติดงวด จนเขามาตามถึงวิทลัย
ไปตามที่บ้านเจอปู่กับย่า ปู่กับย่าก็กลัว เราจะเป็นหนี้ล้นตัว
แล้วจะเรียนไม่จบ. ทำคนแก่ทุกข์ใจอีก ทุกวันนี้คือ
เราแทบไม่อยากรับโทรศัพท์ มีแต่โทรทวงงวดรถ
ต่อมาน้องถูกหวย รวมเงินกับเราซื้อกล้องโปร
หมืรนกว่าบาท แม่ก็มาขอไปจำนำ
. เราพยายามบอกแม่ว่า ร้านจะเอาไปให้คนอื่นเช่า
กล้องเป็นอะไรที่พังง่าย เราขอเถอะนะ. แต่ก็นะ. สุดท้าย
เราต้องต้องใจอ่อนเอาให้จำ-ไถ่ๆ อยู่แบบนี้ตั้งแต่เราซื้อมา
ล่าสุดตอนนี้จำนำต่อเนื่องน่าจะ4เดือนแล้ว
กล้องพึ่งซื้อมาไม่เคยให้ถึง2เดือน จะร้องไห้
Iphone ใช้มานานแล้ว มันเก่าและพังมาจนจำนำไม่ได้.
แม่จึงซื้อ ไอแพดให้ ให้มา1หมืน เราจ่ายต่อเอง
ต่อมาก็ตามเดิม คือแม่เอาไปจำ
เรื่องแฟน แม่ชอบบอกว่าแม่แฟร์ๆ มีแฟนบอกแม่ได้
แต่บอกแม่ทีไร ได้เลิกกันทุกที แม่จะพยายามทำทุกอย่าง
ให้แบบไม่มีเวลาอยู่กับเขา เนื่องจากเราเรียนวิทลัย
เข้าหอ 1ทุ่ม วันปกติคือไม่เห็นแฟนเลย พอเสาร์อาทิต
ต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่กับปู่กับย่า หรืออยู่กับพ่อแม่
ถ้าอาทิตย์ไหนเลือกอยู่กับพ่อแม่ ก็จะเหมือนได้อยู่กับแฟนด้วย
ก็จะไปเที่ยวห้างไปดูหนังกินข้าวได้ คือเหมือนจะได้เจอแฟน
แต่พอแม่รู้ว่ามีแฟน แม่จะพยายามดึงตัวไว้
ว่าไม่อยู่กับแม่หน่อยหรอ ทำไมไปเดินห้างดูหนังบ่อยจัง ประมานนั้น
พออาทิตย์ต่อมา ก้ต้องไปอยู่กับปู่กับย่า เพราะท่านอยู่กันสองคน
คือโอ้ยยย คบคนไหนก้ได้เลิก
ปู่กับย่าป่วย พ่อเราซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว
ไม่ไปดูแลเลย เพราะพ่อกลัวคนแถวบ้านทวงหนี้
และเพราะเป็นหนี้เยอะ ทำให้พ่อเราเริ่มเป็นบ้า
บางครั้งพ่อพูดว่าจะฆ่าตัวตาย พ่อทะเราะกับแม่ตลอด
เวลาไม่มีเงินจะบังคับให้แม่ไปยืม แต่พ่อไม่เคยไปด้วย
แม่บากหน้าไปเอง แม้พ่อจะไม่ดียังไง
แต่เราจะพยายามคิดตลอดว่าเพราะหนี้เยอะพ่อเครียด
แต่ครั้งนี้คือไม่ไหวจริงๆ ปู่ย่าป่วยหนักมาก
คนข้างบ้านพยานามโทรหาพ่อ ให้พาปู่ย่าไปหาหมอ
แต่พ่อไม่ยอมไป สุดท้ายคนข้างบ้านต้องพาปู่ย่าไป
สิ่งที่เราได้ยินคือ พ่อด่าว่าทำไมต้องทำตัววุ่นวายไปหาหมอเองไม่ได้หรอ
ทำไมต้องมารอแต่พ่อ เรากับน้องจะไปเยี่ยม แต่พอไม่ยอมไปส่ง
เรากับน้องตัดสินใจขี่มอไซต์ไปเอง ทั้งๆที่เราขี่มอไซต์ไม่เก่ง
และบ้านปู่ย่าห่างจากในเมือง 60กิโล เป็นถนนใหญ่
มีแต่รถอ้อยรถสิบล้อ แม่เราไม่อยากให้ไป เป็นห่วงกลัวเจออุบัติเหตุ
แต่พ่อเรากลับพูดว่า ตายๆไปเลย นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราโตขึ้นอีกขั้น
เราให้เพื่อนหันขับรถยนต์ให้ เพราะเรารู้แล้วว่าคงหวังพึ่งพ่อ
ไม่ได้อีกต่อไป เค้าคงหลุดวงโคจรไปแล้ว
ครั้งหนึ่งเราออกฝึกที่ โรงพยาบาลต่างอำเภอ แม่ไม่มีเงินเลย
โอนเงินมาให้ใช้เพียง 200 ให้ใช้1สัปดาห์
แม้กระทั้งน้ำก็ต้องซื้อกิน แต่เรามีเงินแค่ 200
แม่บอกให้ยืมเพื่อนก่อน แต่เพื่อนที่ไปฝึกด้วย
ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่เล่นด้วยกัน เราเคยยืมเงินเพื่อนแล้ว
เพื่อนก็ให้ยืมนะ แต่เหมือนเขาไม่ค่อยพอใจ
เราจึงไม่กล้ายืมอีก ตอนพักเที่ยง เพื่อนไปกินข้าวแถวข้าง โรงพยาบาล
เราต้องกลับมากินบ้านพัก ตอนนั้นเงินหมดแล้ว
เหลือมมาม่า2ซอง แต่ไม่มีน้ำ
พ่อแม่อย่ารังแกหนู เรื่องมาม่าตลอด22ปีและหนี้10ล้าน
เรื่องเมื่อ 22 ปีก่อน
~พ่อแม่เรามีลูกสาว2คนคือ เรา และน้องเรา ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ
มีรถเก๋งขี่ เรามีจักรยาน. มีของเล่น บาบี้ ทุกอย่างที่เด็กควรจะมี.
แม่เราทำงานที่สหกรประจำตำบลแห่งหนึ่ง น่าจะเป็นฝ่ายบัญชี
16 ปี ต่อมา สมัยเรียนประถม
ตอนเรา7ปี น้อง1ปีกว่าๆ แม่เราต้องไปทำงานต่างจังหวัด
. พ่อเราตามไปด้วย ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องไป
เราต้องอยู่กับปู่ย่า แบบชีวิตเหมือน วงเวียนชีวิต หลานอยู่กับตายาย
กลับจากโรงเรียนมาล้างจาน ทำกับข้าว ชีวิตเป็นเด็กดี ประมานนั้น
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าทำไม คนนั้นคนนี้ก็สงสารเรา
ชีวิตเหมือนเปลี่ยนไป จากคุณหนูสุด. กลายเป็นมีแต่คนสงสาร.
มักจะมีคนมาหาที่บ้านตลอด. บางทีก็เป็นตำรวจบ้าง
สมัยนั้นโทรศัพท์มีเครื่องเดียวทั้งหมู่บ้าน เวลาจะโทร ก็ไปขอเขาโทร.
ให้เงินครั้งละ20-50บาท. แม่จะโทรมาเฉพาะวันสำคัญ เราถามว่าอยู่ไหน
แม่จะไม่เคยบอก จำได้ว่าตอนนั้น. นอนร้องไห้ทุกคืน. เป็นชีวิตที่ทุกข์มาก.
คิดถึงพ่อแม่สุดๆ. แม่กับพ่อไปทำงานต่างจังหวัดปีกว่าๆ ก็กลับมา
ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นเพราะมีพ่อแม่แล้ว เราและน้องย้ายจากรร.รัฐแถวบ้าน
ไปเรียนเอกชน พ่อแม่ซื้อรถไปทำงานส่งของ ร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่เปิด24ชั่วโมง
เราอยากบอกใครหลายๆคนที่คิดจะไปทำงานที่อื่น
ทิ้งลูกไว้ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง เพราะคิดว่ามันจำเป็น
ไม่งั้นจะเอาไหนส่งเรียน แต่ในฐานะที่เคยถูกทิ้ง
เราอยากบอกว่าอย่าทิ้งลูกไปเลย มันเป็นบาดแผลลึกในใจ
ของเด็กคนหนึ่งมากๆ การนอนร้องไห้ตลอดทั้งๆที่ยังเด็กขนาดนั้น
ทำให้สุขภาพจิตเสีย ของเล่นที่เคยมีเต็มมือ โรงเรียนดีๆที่เคยเรียน
ก็เทียบไม่ได้กับการเห็นพ่อแม่ได้กลับบ้าน
ช่วงประมาน 10ปี ต่อมา สมัยมัธยม
ช่วงนี้เราโตขึ้น พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ว่า
จริงๆแม่เราหนีคดี โกงเงินสหกร คือเขาจับได้แม่เราจะโดนจับ
ไม่รู้โกงเงินมาเท่าไร เพราะไม่เคยมีใครเล่าให้เราฟัง
แต่ที่แม่ได้กลับมาบ้านเพราะลุงของเราอาสาใช้หนี้ให้ทั้งหมด
ออกค่าสู้คดี ทุกๆอย่าง แต่ทุกวันนี้คือ ใช้เงินต้นไปหมดแล้ว
แต่เหมือนกรรมการจะตามลังคราวตลอด เหมือนสมมุติ
เหลือเงิน4หมืนต้องใช้ใน1ปี แม่เราไม่มีจ่าย เขาก้จะพยายาม
เอาสัญญาฉบับใหม่มาให้เซน คือเหมือนเรียกว่า ยื่นอายุ
ให้จ่ายได้ใน4ปี แต่ต้องเพิ่มเงินเป็น8หมืน ประมามานนี้
คือเราไม่ค่อยรู้เรื่องนะ เพราะพ่อแม่ หรือใครๆก้ไม่เคยเล่าให้เราฟัง
พอถามจะบอกว่าไม่ให้ยุ่ง เรื่องของผู้ใหญ่ (นี่คือบ่อเกิดหนี้ก้อนแรก)
พ่อแม่กลับมาและเริ่มต้นทำงานใหม่คือ ซื้อรถมา1คัน
สมัครเข้าทำงานขนส่งของ ให้ร้านสะดวกซื้อที่เปิด24ชั่วโมง
เนื่องจากเห็นว่ารายได้ดี คนยังไม่รู้จักงานนี้มากนัก
พ่อแม่จึงเริ่มคิดจะยืมเงิน เพื่อซื้อรถมาอีก
แต่เนื่องจากติดคดีดังกล่าว จึงทำได้เพียงยืมเงินกู้รอบระบบ.
พ่อแม่เริ่มเป็นหนี้. จากการที่ ซื้อรถหลายคันมาเพื่อรับทำงาน
. แต่เงินนั้น. ได้มาจาก ยืมคนอื่น. เหมือนการลงทุน ที่ไม่มีทุน.
แต่ทำงานใหญ่ ยืมคนอื่นมา พอได้กำไล ต้องจ่ายทั้งหนี้
ทั้งดอกเบี้ย ทั้งงวดรถ จึงเกิดหนี้สะสมเรื่อยมา (นี่คือบ่อเกิดหนี้ก้อนที่2)
เราย้ำเตือนตัวเองเสมอ ว่าอย่าขโมย อย่าโกงใคร
บางครั้งเราแอบคิดว่า อย่าเป็นเหมือนแม่นะ จิตใจเบื้องลึก
บางครั้งแอบอยากได้ของคนอื่น เราก็มักจะคิดเสมอว่า
สงสัยเราจะมียีนต์ขี้โกงเป็นยีนต์แฝง
แต่โชคดีที่เราเตือนตัวเองได้เสมอ และไม่เคยทำ
ต่อมา ช่วงมหาลัย
เราจะเข้ามหาลัย ช่วงนั้นเราเรียนพิเศษ และอ่านหนังสือเตรียมสอบ
จึงไม่ค่อยรู้เรื่อง จริงๆแล้วตอนนั้นเราจะไปเที่ยวและ
ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนมากกว่า เพราะแม่เราบอกว่าจะให้เรา
ไปเรียนเมืองนอกกับพี่ญาติคนหนึ่ง เนื่องจากญาติคนนี้เรียนจบพยาบาล
ทำงานสองปี ไปเมืองนอก ได้เริ่มเรียนพยาบาลใหม่
พี่ญาติคนนี้จึงอยากให้เรามาเรียนที่เมืองนอกเลย
ไม่อยากให้เสียเวลาเรียนมหาลัยที่ไทย เราจึงใช้ชีวิตแบบสนุกสนาน
เดี๋ยวจะไม่ได้อยู่ไทยแล้ว ใช้ชีวิตให้เต็มที่ แต่สุดท้ายไม่ได้ไป
เพราะไม่มีเงิน ต้องอธิบายก่อนว่า ตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่ได้เป็นหนี้มาก
และเรายังไม่ค่อยรับรู้เรื่องอะไรเท่าไร จึงคิดว่าแม่จะส่งเรียนเมืองนอกได้
แต่สุดท้ายเมื่อไม่ได้ไปเราจึงได้เรียนพยาบาลวิทลัยพยาบาล
แห่งหนึ่งของรัฐบาล ที่ให้ทุนเรียน ที่รับเป็นที่เกือบท้ายๆ
เพราะรอบรับตรงรอบแอดเราปฎิเสธไปทั้งหมด
เมื่อสอบเข้าได้ตัดสินใจเรียนต้องย้ายเข้าหอใน
พ่อแม่ทะเราะกับปู่ย่าอย่างหนัก จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร
แม่พ่อและน้องจึงมาเช่าบ้านอยู่ในเมือง
ปู่กับย่า จึงอยู่บ้านกัน2คนเพราะปู่ย่ามีลูกชายเพียงคนเดียวคือพ่อเรา
ต่อมางานของแม่มีปัญหา เพราะย้านจากส่งนมไส้กรอก
มาส่งซาลาเปาข้าวกล้อง ถึงจะส่งให้ร้านสะดวกซื้อ24ชั่วโมงเหมือนกัน
แต่คนละบริษัท. เมื่อย้ายมาข้าวกล่อง เกิดปัญหาคือ
บริษัทนี้ไม่สำรองน้ำมันให้ งานเก่าคือ เขาให้เติมน้ำมันและหักจากเงินเดือน
แต่งานใหม่ต้องจ่ายน้ำมันเองแต่แรก. (นี่เป็นบ่อเกิดหนี้ก้อนที่3 )
แม่มีรถประมาน10คัน ค่าน้ำมันประมานวันละ 1x,xxx 30วัน ก็คือ เกือบๆสามแสน
-เงินเดือนออกประมาน 8-9แสน
-ค่าน้ำมัน ประมาน 3แสน
-คนงาน ประมาน1.5แสน
-งวดรถ ประมาน1.2แสน
-ใช้หนี้ ดอกเบี้ย ประมาน 4แสน
-ใช้หนี้เงินต้น ไม่ทราบ
นี่คือสิ่งที่เราคำนวนจากการฟังพ่อแม่พูด
เวลาอยู่บนรถเมื่อไปรับเรากลับบ้าน
แม่พ่อไม่เคยเล่าหรือบอกอะไรเลย.
เงินแปดแสนหายวับไปตั้งแต่เงินเดือนออกวันแรก
. เราจะได้กินกับข้าวดี แค่ช่วงสัปดาหฺแรกเท่านั้น
. แต่ต่อมาก็ได้กินดีนะ เพราะยืมเงินคนอื่น.
เราคิดถึงตอนที่แม่มีรถแค่คันเดียว ที่ยังไม่เป็นหนี้มาก.
ไม่ต้องยืมคนอื่นมากมาย. ไม่ต้องติดแบล็คลิสเพราะรถโดนยึด.
ไม่ต้องทำให้ครอบครัวคนอื่นเดือดร้อนเพราะให้เขาซื้อรถ
หรือค้ำประกันให้. ตอนนั้นชีวิตดีกว่านี้เยอะ
(ต่อมาหนี้ก่อนที่4) เกิดขึ้นเพราะภาษี
จะเล่าเรื่องภาษี เมื่อเงินแม่ได้ เดือนละแปดแสน
จึงต้องเสียภาษีเยอะมาก น่าจะปีละ3แสน.
กลายเป็นแม่เรามีหนี้ก้อนใหม่มา3แสน
ทั่งๆที่แทบไม่ได้ใช้เงินจริงเลย เงินโชว์แต่ตัวเลข
และแน่นอนภาษี มาทุกๆปี
(นี่คือหนี้ก้อนที่ 5) ที่หนักที่สุด เมื่อแม่ติดหนี้ เริ่มแรก เพราะ คดี
ต่อมา ลงทุนไม่มีทุน. บริษัทไม่ให้ค่าน้ำมัน ดอกเบี้ยเงินนอกระบบ
ภาษี หนี้เก่าสะสม. แม่เราจึงให้ญาติคนหนึ่งที่ติดพนัน
พาไปพบ คนปล่อยกู้เจ้าใหญ่ แบบที่ต้องเรารถไปจำนำ นี่คือจุดเปลี่ยน
แม่เราไปยืมเงิน จะเรียกว่า คนรับจำนำรถแล้วกันนะคะ
เอารถไปจำ เริ่มแรกเป็นรถที่ใช้ในครอบครัว เช่นรถเก๋ง
ฟอจูเนอร์ สมมุติยืม1แสน ดอกร้อยละ 20 ดอก2หมื่น
ต่อเดือน ย้ำ ต่อเดือน ได้เงินมาเพียง 8หมืน เพราะเขาหักดอกไว้.
ต้องจ่ายค่าจอดรถคันละ5000 รถอยู่กับเขา เขาได้ใช้รถ เราจ่ายทุกอย่าง
1 ดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน
2เงินต้น 1แสน
3ค่าที่จอดรถ5000 ต่อเดือน
4งวดรถเราเอง
5 มาจ่ายไม่ตรงเวลา ปรับวันละ2000
สมมต เดือนนี้ไม่มีจ่าย แม่ต้องเสียดอก4หมื่น
งวดรถ2เดือน 2หมื่น ค่าจอดรถ1หมื่น
สรุป แม่ยืมเงิน 1แสน ไม่จ่าย2เดือน แม่เป็นหนี้ 1.7 แสน
ไม่จ่ายเพียง2เดือน หนี้เพื่มเกือบ1เท่า
แรกเริ่มเป็นรถส่วนตัว ต่อมาเป็นรถที่ใช้ทำงาน
เมื่อเอารถทำงานไปจำนำ รถวิ่งงานลดลง รายได้ลดลง
รายจ่ายเพิ่มขึ้น ตายๆๆๆ อย่างเดียว
สมมุติแม่เราไปจำนำ 5คัน คันละ1แสน ไม่มีจ่ายสองเดือน
เป็นหนี้ 8.5 แสน นี่คือเหตุผล ว่าทำไม
ภายในเวลาไม่ถึง4ปี แม่เราจึงมีหนี้เกือบสิบล้าน
แม่เราถลำลึกลงเรื่อยๆ ไม่มีเงินพอจะจ่าย
ยิ่งนานวัน ยิ่งเพิ่ม ทั้งๆที่เป็นหนี้เยอะขนาดนั้น
แต่แทบไม่ได้ใช้สักบาท บ้านสักหลังก็ไม่มี
มีแต่จมหนี้ลงเรื่อยๆ เพราะดอกเบี้ยแพงมาก
ค่าปรับแพงมาก เงินรายได้ลดลง ทุกอย่างต้องเสีย
เริ่มเอารถไปฝากหลายคัน นั่นแหละ คือสิ่งสะสม
จนเป็นหนี้ น่าจะเกือบ10ล้านแล้ว เท่าที่ประติดประต่อเรื่องเอง
ตอนนี้ ชีวิตครอบครัวเราคือ. ติดหนี้. ไม่ต่ำกว่า10ล้าน.
รถที่ใช้ในบ้านอยู่กับเขา2คัน ที่ยังส่งงวดรถอยู่.
รถวิ่งงานเราไม่รู้ยังจำนำไหม แต่ไม่เคยได้ใช้รถเลย.
มอไซ 1คัน. ตอนนี้บ้านเราไม่มีรถใช้.
มีเพียงมอไซต์ 1คัน ไปไหนมาไหนไม่ได้
* ผลกระทบต่อเราคือ อะไร ทำไมถึงบอกว่าพ่อแม่รังแกหนู
เริ่มจากตอนม.1
แม่ซื้อโน๊ตบุ๊กให้. แต่เราแทบไม่เคยได้ใช้
แม่จะเอาไปจำนำตลอด. ได้ใช้เดือนหนึ่ง ไปจำ3เดือน
เป็นแบบนี้ตลอด. พอเราไม่ให้ แม่จะถามว่าใครซื้อให้ละ?
มหาลัย
ไอโพน5c ของที่เป็นส่วนตัวที่สุดในชีวิต
แต่แม่ขอไปจำ เราก็ต้องให้
iphone คือเราซื้อติดสัญญา จ่ายเอง แม่ออกให้8พัน
ต่อมาพออายุครบ20แม่ก็ให้ของขวัญโดยการ
ใช้ชื่อเราออกรถ. ไปใช้เพื่อการทำงาน พร้อมกัน2คัน
(เราไม่รู้ทำไมถึงออกรถพร้อมกันได้2คันนะ แต่แม่เราทำได้)
ตอนจะออกแม่สัญญาจะไม่ให้เสียเครติด จะส่งตรงทุกงวด
เพราะเราบอกแม่แต่แรกว่าอยากไปเมืองนอก
ต่อมาคือ ติดงวด จนเขามาตามถึงวิทลัย
ไปตามที่บ้านเจอปู่กับย่า ปู่กับย่าก็กลัว เราจะเป็นหนี้ล้นตัว
แล้วจะเรียนไม่จบ. ทำคนแก่ทุกข์ใจอีก ทุกวันนี้คือ
เราแทบไม่อยากรับโทรศัพท์ มีแต่โทรทวงงวดรถ
ต่อมาน้องถูกหวย รวมเงินกับเราซื้อกล้องโปร
หมืรนกว่าบาท แม่ก็มาขอไปจำนำ
. เราพยายามบอกแม่ว่า ร้านจะเอาไปให้คนอื่นเช่า
กล้องเป็นอะไรที่พังง่าย เราขอเถอะนะ. แต่ก็นะ. สุดท้าย
เราต้องต้องใจอ่อนเอาให้จำ-ไถ่ๆ อยู่แบบนี้ตั้งแต่เราซื้อมา
ล่าสุดตอนนี้จำนำต่อเนื่องน่าจะ4เดือนแล้ว
กล้องพึ่งซื้อมาไม่เคยให้ถึง2เดือน จะร้องไห้
Iphone ใช้มานานแล้ว มันเก่าและพังมาจนจำนำไม่ได้.
แม่จึงซื้อ ไอแพดให้ ให้มา1หมืน เราจ่ายต่อเอง
ต่อมาก็ตามเดิม คือแม่เอาไปจำ
เรื่องแฟน แม่ชอบบอกว่าแม่แฟร์ๆ มีแฟนบอกแม่ได้
แต่บอกแม่ทีไร ได้เลิกกันทุกที แม่จะพยายามทำทุกอย่าง
ให้แบบไม่มีเวลาอยู่กับเขา เนื่องจากเราเรียนวิทลัย
เข้าหอ 1ทุ่ม วันปกติคือไม่เห็นแฟนเลย พอเสาร์อาทิต
ต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่กับปู่กับย่า หรืออยู่กับพ่อแม่
ถ้าอาทิตย์ไหนเลือกอยู่กับพ่อแม่ ก็จะเหมือนได้อยู่กับแฟนด้วย
ก็จะไปเที่ยวห้างไปดูหนังกินข้าวได้ คือเหมือนจะได้เจอแฟน
แต่พอแม่รู้ว่ามีแฟน แม่จะพยายามดึงตัวไว้
ว่าไม่อยู่กับแม่หน่อยหรอ ทำไมไปเดินห้างดูหนังบ่อยจัง ประมานนั้น
พออาทิตย์ต่อมา ก้ต้องไปอยู่กับปู่กับย่า เพราะท่านอยู่กันสองคน
คือโอ้ยยย คบคนไหนก้ได้เลิก
ปู่กับย่าป่วย พ่อเราซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว
ไม่ไปดูแลเลย เพราะพ่อกลัวคนแถวบ้านทวงหนี้
และเพราะเป็นหนี้เยอะ ทำให้พ่อเราเริ่มเป็นบ้า
บางครั้งพ่อพูดว่าจะฆ่าตัวตาย พ่อทะเราะกับแม่ตลอด
เวลาไม่มีเงินจะบังคับให้แม่ไปยืม แต่พ่อไม่เคยไปด้วย
แม่บากหน้าไปเอง แม้พ่อจะไม่ดียังไง
แต่เราจะพยายามคิดตลอดว่าเพราะหนี้เยอะพ่อเครียด
แต่ครั้งนี้คือไม่ไหวจริงๆ ปู่ย่าป่วยหนักมาก
คนข้างบ้านพยานามโทรหาพ่อ ให้พาปู่ย่าไปหาหมอ
แต่พ่อไม่ยอมไป สุดท้ายคนข้างบ้านต้องพาปู่ย่าไป
สิ่งที่เราได้ยินคือ พ่อด่าว่าทำไมต้องทำตัววุ่นวายไปหาหมอเองไม่ได้หรอ
ทำไมต้องมารอแต่พ่อ เรากับน้องจะไปเยี่ยม แต่พอไม่ยอมไปส่ง
เรากับน้องตัดสินใจขี่มอไซต์ไปเอง ทั้งๆที่เราขี่มอไซต์ไม่เก่ง
และบ้านปู่ย่าห่างจากในเมือง 60กิโล เป็นถนนใหญ่
มีแต่รถอ้อยรถสิบล้อ แม่เราไม่อยากให้ไป เป็นห่วงกลัวเจออุบัติเหตุ
แต่พ่อเรากลับพูดว่า ตายๆไปเลย นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราโตขึ้นอีกขั้น
เราให้เพื่อนหันขับรถยนต์ให้ เพราะเรารู้แล้วว่าคงหวังพึ่งพ่อ
ไม่ได้อีกต่อไป เค้าคงหลุดวงโคจรไปแล้ว
ครั้งหนึ่งเราออกฝึกที่ โรงพยาบาลต่างอำเภอ แม่ไม่มีเงินเลย
โอนเงินมาให้ใช้เพียง 200 ให้ใช้1สัปดาห์
แม้กระทั้งน้ำก็ต้องซื้อกิน แต่เรามีเงินแค่ 200
แม่บอกให้ยืมเพื่อนก่อน แต่เพื่อนที่ไปฝึกด้วย
ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่เล่นด้วยกัน เราเคยยืมเงินเพื่อนแล้ว
เพื่อนก็ให้ยืมนะ แต่เหมือนเขาไม่ค่อยพอใจ
เราจึงไม่กล้ายืมอีก ตอนพักเที่ยง เพื่อนไปกินข้าวแถวข้าง โรงพยาบาล
เราต้องกลับมากินบ้านพัก ตอนนั้นเงินหมดแล้ว
เหลือมมาม่า2ซอง แต่ไม่มีน้ำ