Review : Logan (ปิดฉากตำนาน)
ผู้กำกับ : James Mangold (Identity, Knight and Day, The Wolverine)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
หนังที่หลายๆคนรอคอย เนื่องจากเป็นการปิดฉากตำนานถึงสองบทบาท ได้แก่ Hugh Jackman ในบท Wolverine และ Patrick Stewart ในบท Charles Francis Xavier โดยทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ว่าจะเล่นบทบาทเหล่านี้เป็นครั้งสุดท้าย (ถ้าไม่มีการกลืนน้ำลายกันในภายหลังนะ) โดยในเรื่องนี้ผกก. James Mangold ได้เปิดเผยถึงโทนหนังที่จะเน้นดราม่ามากขึ้น, ดูเรียลและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเมื่อหนังออกฉากยมันก็มีกระแสรีวิวที่ดีมากๆเลยทีเดียว มาดูกันครับว่าตัวผมเองคิดอย่างไรกับ Logan

โลกของภาพยนตร์ Logan นั้น เกิดขึ้นในอนาคตปี 2029 อนาคตที่ Mutant และเหล่า X-Men ถูกล่าสังหารไปเกือบหมด และไม่มี Mutant ใหม่เกิดขึ้นมานานแล้ว Logan (Hugh Jackman) หรือ Wolverine เป็นหนึ่งใน Mutant ไม่กี่คนที่ยังรอดชีวิต เขาใช้ชีวิตอยู่กับศาสตราจารย์ Xavier (Patrick Stewart) อดีตผู้ก่อตั้ง X-Men ที่บัดนี้เริ่มมีอาการสมองเสื่อมหลงๆลืมๆ และถ้ามีอาการชักกำเริบจะมีการระเบิดพลังจิตรุนแรงที่เป็นอันตรายมากอีกด้วย Logan ตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงินสำหรับย้ายไปอยู่กับศาสตราจารย์ตามลำพังกลางมหาสมุทร แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ได้รับการขอความช่วยเหลือจากหญิงคนหนึ่ง ให้ช่วยพาเด็กหญิงลึกลับไปส่งที่ชายแดนแคนาดา เด็กผู้หญิงที่ Logan รู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างระหว่างเขากับเธอ...

ต้องขอชมผู้กำกับและผู้เขียนบท James Mangold ที่ได้สร้างสถานการณ์ What If แบบ Dystopian สุดๆขึ้นมาได้อย่างน่าเชื่อถือ คุณจะไม่เคยเห็นตัวละคร Logan หรือ Professor X ในมุมนี้มาก่อน และจะไม่เคยคิดว่าอนาคตของเหล่า X-Men จะเป็นเช่นนี้ (ถ้าไม่เคยอ่านคอมิค Old Man Logan น่ะนะ) แต่ในขณะเดียวกันเหตุผลที่หนังให้กับเรามันก็เชื่อได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเกินจริงแต่อย่างใด เมื่อประกอบกับการออกแบบโลกอนาคตในหนังก็ดูเรียลมากๆ ดูเป็นไปได้จริง ทำให้ความ Immersive มันเพิ่มขึ้นมาก หนังยังมีความเป็นผู้ใหญ่ และเน้นความเรียล ความดราม่ามากขึ้น ฉีกอารมณ์จากหนังฮีโร่ป็อปคอร์นที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ ซึ่งฉากเค้นอารมณ์ดราม่าต่างๆนั้นก็ทำได้ถึงอารมณ์ดีทีเดียว ต้องขอชมผกก.ครับที่คุมอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความบันเทิงจากฉากแอคชั่นก็ไม่ได้ดรอปลงไปเลยครับ กลับกันการที่หนังเป็นเรทอาร์มันทำให้ฉากบู๊ดุเดือด สะใจมากขึ้นอีก ในเรื่องของฉากบู๊นี่ผมชอบมากกว่า John Wick 2 อีกครับ (แต่แน่นอนว่าความรุนแรงมันก็มากขึ้นตามไปด้วย ไม่แนะนำให้พาเด็กเข้าไปดูครับ) และเมื่อหนังเข้าสู่บทสรุปสุดท้าย ซึ่งผมจะไม่สปอยล์ แต่จะบอกว่ามันทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นการปิดฉากตำนาน Wolverine ของนาย Hugh Jackman จริงๆครับ หากจะหาข้อติ อาจจะเป็นที่บางองค์ของเนื้อเรื่องมันตามสูตรเดาง่ายไปนิด แต่บางอย่างถึงจะเดาได้แต่ถ้ากำกับอารมณ์ได้ถึงมันก็เวิร์คอยู่ละครับ

และสิ่งที่ช่วยขับให้หนังมันดียิ่งขึ้น ก็คือการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงหลัก ที่ขอบอกว่าทำได้ดีมากทุกคนเลยครับ ทั้ง Hugh Jackman ที่ไม่น่าต้องกังขาอะไรกันอีกแล้ว ระดับ Oscar Nominated แบบนี้ และคงไม่มีใครที่จะเข้าใจบท Wolverine ได้ดีเท่าเขาครับ และน้องหนู Dafne Keen ที่ใครได้ชมภาพยนตร์ก็น่าจะเห็นตรงกับผมนะครับว่าน้องถ่ายทอดบท X-23 ได้ดีมากๆ ทั้งในองค์แรกอันเกี้ยวกราด และในช่วงหลังที่มีซีนอารมณ์ก็ทำได้น่าเห็นใจมากๆครับ และสุดท้าย คนที่ผมประทับใจที่สุด ลุง Patrick Stewart ครับกับการรับบท Professer X ครั้งสุดท้ายของเขา กับการแสดงที่ทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นมนุษย์สุดๆ ผมให้เป็นการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของลุงเลย มุกตลกที่เวิร์คส่วนใหญ่ในเรื่องก็มาจากลุงนี่ละครับ ให้รู้กันไปว่าลุงก็สามารถปิดตำนานได้อย่างสมศักดิ์ศรีไม่แพ้ Hugh Jackman ครับ

อ้อ สำหรับแฟนเกมอาจจะมีข้อสงสัยอยู่ ว่าเรื่องนี้ลอก The Last of Us มาขนาดไหน ขอบอกเลยว่าคล้ายเฉพาะช่วงแรกๆครับ นอกนั้นหนังมีความเป็นตัวเองดี เอาจริงๆผมชอบเรื่องนี้มากกว่า The Last of Us ซะอีกครับ
สรุป : เป็นการนำ Series X-Men ไปสู่ทิศทางใหม่ๆที่เวิร์คมากๆ และเป็นการปิดตำนานฮีโร่ของ Hugh Jackman และ Patrick Stewart ที่ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี ไม่ควรพลาดครับ
คะแนน : 8.5/10 (A+) , ชอบครับ
[CR] Review : Logan (ปิดฉากตำนาน)
ผู้กำกับ : James Mangold (Identity, Knight and Day, The Wolverine)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
หนังที่หลายๆคนรอคอย เนื่องจากเป็นการปิดฉากตำนานถึงสองบทบาท ได้แก่ Hugh Jackman ในบท Wolverine และ Patrick Stewart ในบท Charles Francis Xavier โดยทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ว่าจะเล่นบทบาทเหล่านี้เป็นครั้งสุดท้าย (ถ้าไม่มีการกลืนน้ำลายกันในภายหลังนะ) โดยในเรื่องนี้ผกก. James Mangold ได้เปิดเผยถึงโทนหนังที่จะเน้นดราม่ามากขึ้น, ดูเรียลและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเมื่อหนังออกฉากยมันก็มีกระแสรีวิวที่ดีมากๆเลยทีเดียว มาดูกันครับว่าตัวผมเองคิดอย่างไรกับ Logan
โลกของภาพยนตร์ Logan นั้น เกิดขึ้นในอนาคตปี 2029 อนาคตที่ Mutant และเหล่า X-Men ถูกล่าสังหารไปเกือบหมด และไม่มี Mutant ใหม่เกิดขึ้นมานานแล้ว Logan (Hugh Jackman) หรือ Wolverine เป็นหนึ่งใน Mutant ไม่กี่คนที่ยังรอดชีวิต เขาใช้ชีวิตอยู่กับศาสตราจารย์ Xavier (Patrick Stewart) อดีตผู้ก่อตั้ง X-Men ที่บัดนี้เริ่มมีอาการสมองเสื่อมหลงๆลืมๆ และถ้ามีอาการชักกำเริบจะมีการระเบิดพลังจิตรุนแรงที่เป็นอันตรายมากอีกด้วย Logan ตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงินสำหรับย้ายไปอยู่กับศาสตราจารย์ตามลำพังกลางมหาสมุทร แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ได้รับการขอความช่วยเหลือจากหญิงคนหนึ่ง ให้ช่วยพาเด็กหญิงลึกลับไปส่งที่ชายแดนแคนาดา เด็กผู้หญิงที่ Logan รู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างระหว่างเขากับเธอ...
ต้องขอชมผู้กำกับและผู้เขียนบท James Mangold ที่ได้สร้างสถานการณ์ What If แบบ Dystopian สุดๆขึ้นมาได้อย่างน่าเชื่อถือ คุณจะไม่เคยเห็นตัวละคร Logan หรือ Professor X ในมุมนี้มาก่อน และจะไม่เคยคิดว่าอนาคตของเหล่า X-Men จะเป็นเช่นนี้ (ถ้าไม่เคยอ่านคอมิค Old Man Logan น่ะนะ) แต่ในขณะเดียวกันเหตุผลที่หนังให้กับเรามันก็เชื่อได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเกินจริงแต่อย่างใด เมื่อประกอบกับการออกแบบโลกอนาคตในหนังก็ดูเรียลมากๆ ดูเป็นไปได้จริง ทำให้ความ Immersive มันเพิ่มขึ้นมาก หนังยังมีความเป็นผู้ใหญ่ และเน้นความเรียล ความดราม่ามากขึ้น ฉีกอารมณ์จากหนังฮีโร่ป็อปคอร์นที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ ซึ่งฉากเค้นอารมณ์ดราม่าต่างๆนั้นก็ทำได้ถึงอารมณ์ดีทีเดียว ต้องขอชมผกก.ครับที่คุมอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความบันเทิงจากฉากแอคชั่นก็ไม่ได้ดรอปลงไปเลยครับ กลับกันการที่หนังเป็นเรทอาร์มันทำให้ฉากบู๊ดุเดือด สะใจมากขึ้นอีก ในเรื่องของฉากบู๊นี่ผมชอบมากกว่า John Wick 2 อีกครับ (แต่แน่นอนว่าความรุนแรงมันก็มากขึ้นตามไปด้วย ไม่แนะนำให้พาเด็กเข้าไปดูครับ) และเมื่อหนังเข้าสู่บทสรุปสุดท้าย ซึ่งผมจะไม่สปอยล์ แต่จะบอกว่ามันทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นการปิดฉากตำนาน Wolverine ของนาย Hugh Jackman จริงๆครับ หากจะหาข้อติ อาจจะเป็นที่บางองค์ของเนื้อเรื่องมันตามสูตรเดาง่ายไปนิด แต่บางอย่างถึงจะเดาได้แต่ถ้ากำกับอารมณ์ได้ถึงมันก็เวิร์คอยู่ละครับ
และสิ่งที่ช่วยขับให้หนังมันดียิ่งขึ้น ก็คือการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงหลัก ที่ขอบอกว่าทำได้ดีมากทุกคนเลยครับ ทั้ง Hugh Jackman ที่ไม่น่าต้องกังขาอะไรกันอีกแล้ว ระดับ Oscar Nominated แบบนี้ และคงไม่มีใครที่จะเข้าใจบท Wolverine ได้ดีเท่าเขาครับ และน้องหนู Dafne Keen ที่ใครได้ชมภาพยนตร์ก็น่าจะเห็นตรงกับผมนะครับว่าน้องถ่ายทอดบท X-23 ได้ดีมากๆ ทั้งในองค์แรกอันเกี้ยวกราด และในช่วงหลังที่มีซีนอารมณ์ก็ทำได้น่าเห็นใจมากๆครับ และสุดท้าย คนที่ผมประทับใจที่สุด ลุง Patrick Stewart ครับกับการรับบท Professer X ครั้งสุดท้ายของเขา กับการแสดงที่ทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นมนุษย์สุดๆ ผมให้เป็นการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของลุงเลย มุกตลกที่เวิร์คส่วนใหญ่ในเรื่องก็มาจากลุงนี่ละครับ ให้รู้กันไปว่าลุงก็สามารถปิดตำนานได้อย่างสมศักดิ์ศรีไม่แพ้ Hugh Jackman ครับ
อ้อ สำหรับแฟนเกมอาจจะมีข้อสงสัยอยู่ ว่าเรื่องนี้ลอก The Last of Us มาขนาดไหน ขอบอกเลยว่าคล้ายเฉพาะช่วงแรกๆครับ นอกนั้นหนังมีความเป็นตัวเองดี เอาจริงๆผมชอบเรื่องนี้มากกว่า The Last of Us ซะอีกครับ
สรุป : เป็นการนำ Series X-Men ไปสู่ทิศทางใหม่ๆที่เวิร์คมากๆ และเป็นการปิดตำนานฮีโร่ของ Hugh Jackman และ Patrick Stewart ที่ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี ไม่ควรพลาดครับ
คะแนน : 8.5/10 (A+) , ชอบครับ