สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
1. ความยากของการออดิชั่น :: ยากจริงตามที่คุณพ่อคุณแม่ว่าค่ะ นอกจากความสามารถแล้วพื้นฐานส่วนอื่นๆต้องดี มองแล้วต้องรู้สึกว่าโดดเด่น ถ้าทักษะโดยรวมของ จขกท ไม่เด่นขนาดว่าเป็นตัวท็อปของสายชั้น ของโรงเรียน ของคณะ มันยากมากที่จะผ่าน
2. บ้านเขาไม่เหมือนบ้านเรา :: ก็ถูกอีกค่ะ เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีวันจะไปอยู่เกาหลีนานๆ ถ้าไปก็แค่ไปเที่ยวแป๊บๆ ทั้งอากาศ อาหารการกิน ผู้คน การไปอยู่ที่นั่นต้องปรับตัว และต้องทนความกดดัน ความอ้างว้าง ความเหงา ความเหนื่อย ให้ได้ด้วย
3. ทุนทรัพย์ :: นี่เป็นเรื่องใหญ่มากถึงมากที่สุดค่ะ ถ้าบ้าน จขกท พ่อแม่มีธุรกิจส่วนตัว มีเงินเย็นที่ไม่ต้องนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการหลายสิบล้าน การส่งลูกไปตามฝันดูจะชิลล์ๆ ยิ่งถ้ากิจการเหล่านั้นลูกสามารถกลับมาทำต่อในกรณีที่ไปไม่ถึงฝัน เช่น ฝึก 5 ปีแล้วนก ไม่ได้เด หรือเดแล้วไม่ดัง วงต้องยุบ หรือเดแล้วโดนดอง หรือต่อให้มีชื่อเสียงก็ต้องมีวันหมดอายุการเป็นไอดอล ถ้าหากจบเส้นทางสายนั้นแล้วสามารถมาดูแลกิจการต่อได้ มีงานอื่นรองรับชัวร์ๆ การตัดสินใจจะไม่ยากค่ะ แต่กลับกัน ถ้าที่บ้านทำงานประจำหรืองานราชการ มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายภายในบ้านไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน หรือมีสมบัติไม่มากพอ บอกตรงๆว่าแทบไม่มีพ่อแม่คนไหนอนุญาต หรือถ้าอนุญาตทั้งๆที่รู้ว่าต้องกระเบียดกระเสียนก็บ้ามากค่ะ จัดว่าเป็นผู้ใหญ่ไร้สติที่สปอยล์ลูกไม่เข้าท่าเลย
4. ทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจ :: มองกลับกันนะคะ ว่าเหตุผลหลายสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้ จขกท เข้าใจพวกท่านไหม อย่าลืมว่าเรายังเด็กค่ะ บางทีความเด็กมันอาจจะทำให้มุมมองของเราไม่กว้าง เราอาจจะคิดว่าพ่อแม่เงินเดือน 4-5 หมื่น รวมกันเป็นแสน แค่นี้ทำไมให้ไม่ได้ แต่อาจจะลืมคิดว่าใน 1 แสนนี่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ทั้งค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก ส่งให้พ่อให้แม่ ค่าประกันชีวิต ซ่อมแซมบ้าน ดูแลรถ เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อาจจะมีหนี้ที่ไปกู้มาสร้างบ้าน บลาๆเพิ่มมาอีก บางครอบครัวนี่รายรับหลักแสน แต่เหลือใช้เหลือเก็บจริงๆไม่ถึง 1 ในสามด้วยซ้ำค่ะ
เราอยากให้มองกว้างๆนะคะ บางทีความฝันก็คือความฝัน มีไม่เยอะหรอกที่จะบรรลุความฝันของตัวเอง
2. บ้านเขาไม่เหมือนบ้านเรา :: ก็ถูกอีกค่ะ เราเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีวันจะไปอยู่เกาหลีนานๆ ถ้าไปก็แค่ไปเที่ยวแป๊บๆ ทั้งอากาศ อาหารการกิน ผู้คน การไปอยู่ที่นั่นต้องปรับตัว และต้องทนความกดดัน ความอ้างว้าง ความเหงา ความเหนื่อย ให้ได้ด้วย
3. ทุนทรัพย์ :: นี่เป็นเรื่องใหญ่มากถึงมากที่สุดค่ะ ถ้าบ้าน จขกท พ่อแม่มีธุรกิจส่วนตัว มีเงินเย็นที่ไม่ต้องนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการหลายสิบล้าน การส่งลูกไปตามฝันดูจะชิลล์ๆ ยิ่งถ้ากิจการเหล่านั้นลูกสามารถกลับมาทำต่อในกรณีที่ไปไม่ถึงฝัน เช่น ฝึก 5 ปีแล้วนก ไม่ได้เด หรือเดแล้วไม่ดัง วงต้องยุบ หรือเดแล้วโดนดอง หรือต่อให้มีชื่อเสียงก็ต้องมีวันหมดอายุการเป็นไอดอล ถ้าหากจบเส้นทางสายนั้นแล้วสามารถมาดูแลกิจการต่อได้ มีงานอื่นรองรับชัวร์ๆ การตัดสินใจจะไม่ยากค่ะ แต่กลับกัน ถ้าที่บ้านทำงานประจำหรืองานราชการ มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายภายในบ้านไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน หรือมีสมบัติไม่มากพอ บอกตรงๆว่าแทบไม่มีพ่อแม่คนไหนอนุญาต หรือถ้าอนุญาตทั้งๆที่รู้ว่าต้องกระเบียดกระเสียนก็บ้ามากค่ะ จัดว่าเป็นผู้ใหญ่ไร้สติที่สปอยล์ลูกไม่เข้าท่าเลย
4. ทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจ :: มองกลับกันนะคะ ว่าเหตุผลหลายสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้ จขกท เข้าใจพวกท่านไหม อย่าลืมว่าเรายังเด็กค่ะ บางทีความเด็กมันอาจจะทำให้มุมมองของเราไม่กว้าง เราอาจจะคิดว่าพ่อแม่เงินเดือน 4-5 หมื่น รวมกันเป็นแสน แค่นี้ทำไมให้ไม่ได้ แต่อาจจะลืมคิดว่าใน 1 แสนนี่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ทั้งค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก ส่งให้พ่อให้แม่ ค่าประกันชีวิต ซ่อมแซมบ้าน ดูแลรถ เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน อาจจะมีหนี้ที่ไปกู้มาสร้างบ้าน บลาๆเพิ่มมาอีก บางครอบครัวนี่รายรับหลักแสน แต่เหลือใช้เหลือเก็บจริงๆไม่ถึง 1 ในสามด้วยซ้ำค่ะ
เราอยากให้มองกว้างๆนะคะ บางทีความฝันก็คือความฝัน มีไม่เยอะหรอกที่จะบรรลุความฝันของตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
กำลังจะไปออดิชั่น SM แต่ทางบ้านไม่ค่อยเห็นด้วย ในค่ายก็มีคนไทยอย่างเตนล์ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย
เราบอกเหตุผลในค่ายก็ยังมีคนไทยนะ คนไทยก็เคยผ่าน แต่ท่านก็ว่าเป็นไปได้ยากอยู่ดี
ก็บอกว่าครอบครัวเตนล์ก็เคยไม่อยากให้ไป ให้ไปตอนโต แต่พอไปแล้วก็มีโอกาสเลย
อยากให้ครอบครัวเข้าใจแบบครอบครัวเตนล์จัง จะบอกครอบครัวยังไงดี แนะนำหน่อยจ้า