ว่าด้วยเมื่อเมืองทองไร้เงาของสารัช
อนึ่ง กด+ ให้จขกทด้วยจักเป็นพระคุณอย่างสูง เผื่อได้ขึ้นแนะนำกับเขาบ้างเพราะเขียนยาวมาก
อสอง เจ้าของกระทู้ไม่มี licence แต่อย่างใด(มีแค่ K licence ฮา) ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพียงการคาดเดา ความเห็นส่วนตัว
และสังเกตจากการดูเมืองทองเล่น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงใดๆได้ทั้งสิ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่า สารัช นั้นได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าหัก จากเกมส์กับสุโขทัย จากการประเมินของทีมแพทย์ ต้องพักอย่างน้อย 6เดือน กว่าจะลงสนามได้ก็คงราวๆ 8เดือน เท่ากับว่า ฤดูกาลนี้ของสารัช ปิดเทอมไปเรียบร้อยแล้ว
จากสถิติในปีที่แล้ว ในลีคสารัช ลงไปทั้งสิ้น 31 เกมส์ (100%) ยิงได้ 4ลูก แอสซิสตร์ไป 7 ลูก
ถูกเปลี่ยนตัวทั้งหมด 5 ครั้ง มีเพียงเกมส์เดียวที่เปลียนในขณะที่ทีมตามหลังคือนัดแพ้แบงค็อก 2-3 (นาทีที่87)
นอกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเกมที่ขาดลอยไปแล้วทั้งสิ้น
เรียงตามลำดับความไวที่สุด ได้ดังนี้
นาทีที่ 75 (ชนะโอสถ 8-3)
นาทีที่ 79 (ชนะศรีสะเกษ 4-0 )
นาทีที่ 86 (ชนะชลบุรี 3-0)
นาทีที่ 87 (ชนะราชนาวี 4-0)
อ้างอิง
http://www.transfermarkt.com/…/leist…/spieler/299882/plus/0…
รวมไปถึงคำให้สัมภาษณ์ของโค้ช แบนที่ กล่าวว่า ต้องเปลี่ยนแปลง แทคติก เมื่อไม่มีสารัช
นั่นแปลว่า ทางสตาฟและเฮดโค้ช ค่อนข้างให้ความสำคัญ กับสารัชค่อนข้างมากทีเดียว
ทีนี้เรามาดู ผลกระทบจากการขาดหายไป และ การเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น ต้องทราบว่า เมืองทองเล่นระบบอะไร ?
อนึ่งเมืองทองนั้นเล่นหลายแผนตามแต่ แทคติก บางครั้ง 2 แผน บางครั้ง 5 แผนในเกมส์เดียว โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด เช่น 433 352 4411(เกมส์ ACL) กระทั่ง 4-6-0 (บีจีช่วงท้ายเกมส์)
อาจเป็นเพราะตัวผู้เล่นชุดนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถเล่นได้หลากหลาย นอกเหนือจากตำแหน่งประจำตัวเอง ยกตัวอย่าง อดิศร พรมรักษ์ สามารถเล่นได้ตั้งแต่ CB ไปจนถึง แบ็กขวา ปีกขวา (จริงๆกองหน้าริมเส้น ก็เคยเล่นมาแล้ว)
แต่จะกล่าวหลักๆ ระบบที่เมืองทอง ยืนพื้นไปตามปกติ
เมืองทองนั้นวางระบบไม่เหมือนทีมใดๆในไทยลีค เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ว่าได้ ที่ใกล้เคียงที่สุด คือชลบุรี (ยุค เทิดศักดิ์ เลคที่ 2 ปี2016) แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว เมืองทองนั้นเล่นระบบ 442 แต่ที่ไม่เหมือนคือ ตามปกติหาก เล่น 442 จะวางตัวผู้เล่น ยืนเรียงเป็นหน้ากระดาน แต่เมืองทองนั้นวางตัวมิดฟิดล์ซ้อนกัน เมื่อมองจากมุมบนจะเห็นเป็นรูปกล่อง เรียกว่า 442 box หรือ 4-2-2-2 บางครั้งฝรั่งจะเรียกว่า 442 double six
หมายเหตุ
บางครั้งต่างประเทศจะเรียก เบอร์แทนตำแหน่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
01 - Goalkeeper
02 - Right back
03 - Left back
06 - Defensive midfielder
05 - Centre back ('Libero') -
04 – center back
07 - Right winger
08 - Centre midfielder
09 - Centre forward
10 - Offensive midfielder (playmaker) / Second striker
11 - Left winger
นี่คือระบบ 442 ตามปกติ
และนี่คือระบบ 442 BOX ของเมืองทอง
ระบบของเมืองทอง เมื่อมองจากภาพมุมสูงในสนามจริง
อันนี้คือ ฟอร์เมชั่นพื้นฐานของเมืองทอง 442 box แบ่งเป็นตัวรุกและตัวรับ ยืนซ้อนกันเป็นรูปกล่อง ไม่มีปีกแต่ใช้วิธีปิดกลางเปิดข้าง
สีน้ำเงินคือกองหน้า
สีดำคือกองหลัง
สีแดงคือมิดฟิดล์ ที่วางเป็น รูปแบบกล่องที่เมืองทองจะรักษาไว้ตลอดเวลา
โดยจะแบ่งหน้าที่ออกเป็น มิดฟิดล์ตัวรุก 2คน และมิดฟิดล์ตัวรับอีก2 คน โดยที่เมืองทองจะรักษา รูปแบบกล่องเอาไว้ตลอดเวลา
ทำไมเมืองทองจึงเลือกใช้มิดฟิลด์ตัวรับคู่
จากการสังเกต เมืองทองนั้นให้ความสำคัญ กับ การป้องกันในแดนกลางค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นรับในแดนตัวเอง หรือรับสูงในแดนคู่แข่ง หรือที่เรียกว่าเพรสซิ่ง ทันทีที่เสียบอล เมืองทองจะเข้าบีบเร็วทันที เพื่อแย่งบอลมาครองใหม่
ประการที่สอง อาจเป็นเพราะ เมืองทองนั้นผู้เล่นโดยเฉลี่ย ค่อนข้างตัวเล็ก จึงมักใช้ระบบทีมเข้าบีบมากกว่า ฝากความหวังไว้ที่เกมส์ 1-1 ของตัวผู้เล่นเอง รวมไปถึง ผู้เล่นต่างชาติไทยลีคนั้นซึ่งโดยมากใช้เป็นตำแหน่งตัวรุกและรับ ค่อนข้างใหญ่กว่าเมืองทอง
รวมไปถึงรูปแบบเกมส์รุกที่ เน้นการต่อบอลเท้าสู่เท้า มากกว่าการใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรือจังหวะฉาบฉวย ทำให้ มิดฟิดล์ตัวรับ จึงต้องมีสองคนแบ่งเป็นซ้าย และขวา เพื่อ ง่ายต่อการเล่นเต็มพื้นที่ในเกมส์รุก หรือบีบพื้นที่ในเกมส์รับ หากมีคนเดียวจะทำให้ ต้องเคลื่อนย้าย ออกจากตำแหน่งของตัวเอง ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการหลุดจากการเพรสซิ่ง
หน้าที่ของตัวรับคู่มีอะไรบ้าง
.ในเกมส์รับ
1 ปิดกลางเปิดข้าง โดยพื้นฐาน ของเพรสซิ่งนั้น มีหลักง่ายๆอยู่ว่า ปิดพื้นที่กลาง เพื่อไม่ไห้คู่แข่งใช้ ประโยชน์จากความกว้างของ สนาม หากคู่แข่งของเมืองทอง คิดที่จะเดินเกมส์ตรงกลาง
เมืองทองจะมี อย่างน้อย 4 ตัวอยู่เสมอๆ ทำให้บังคับให้คู่แข่งต้องออกเกมส์ไปริมเส้น หรือพื้นที่แคบ
โดยจะทำหน้าที่เข้าคัดท้าย ตัวรุก เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งจ่ายเข้ากลางได้
2. ทำงานร่วมกับฟูลแบ็ก ในการเข้ารุมแย่งบอล เมื่อคู่แข่งหลีกหนีพื้นที่ตรงกลาง
ในเกมส์รับเมืองทองนั้นจะไม่ใช้ เกมส์ 1-1 ในแดนกลางหากมีตัวน้อยกว่า (ในกรณีที่เสียบอลกลางทาง) สารัชจะทำแค่ดีเลย์เกมส์ เพื่อให้คู่แข่งเล่นเกมส์ช้า และทีมมีเวลาถอยลงไปตั้งรับหน้ากรอบ และตั้งฟอร์เมชั่น รูปกล่องใหม่
ไลน์วิ่งของเมืองทอง เวลาเสียบอล ในกรอบสีดำคือ ตำแหน่งของ มิดฟิดล์ตัวรับ
ไลน์วิ่งในเกมส์จริง
นี่เป็นช่วงจังหวะ ก่อนได้ลูกที่ 4 (เลือกเกมส์กับ บีจีเพราะมุมกล้องมันสูงเห็นไลน์วิ่งเยอะดี)
สีแดง คือไลน์วิ่ง วงกลมสีนำ้เงินคือคนที่รอคัพเวอร์ เวลาพวกสีแดงดักบอลไม่ได้
1 เจวิ่งไปกดดันนริศ บังคับให้ออกบอลทางเดียว คือทางด้านขวาของนริศ (ริมเส้น) ส่วนตรงกลางจะมีคนอื่นคอยดักไว้
2.พอแบ็กขวาได้บอล ก็จะมีแค่ทางเลือกเดียวคือ ออกไปทางแคบ ซึ่งจะมีตัวรับ (ซ้ายขวา) วงกลมน้ำเงิน คอยดักอยู่แล้ว
ฟูลแบ็ก จะดันสูงขึ้นมาด้วย สุดท้ายก็เสร็จโจร
นี่คือหน้าที่โดยทั่วไปของตัวรับคู่
K-licence today บทบาทและหน้าที่ของสารัช (เมืองทอง)
อนึ่ง กด+ ให้จขกทด้วยจักเป็นพระคุณอย่างสูง เผื่อได้ขึ้นแนะนำกับเขาบ้างเพราะเขียนยาวมาก
อสอง เจ้าของกระทู้ไม่มี licence แต่อย่างใด(มีแค่ K licence ฮา) ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเพียงการคาดเดา ความเห็นส่วนตัว
และสังเกตจากการดูเมืองทองเล่น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงใดๆได้ทั้งสิ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่า สารัช นั้นได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าหัก จากเกมส์กับสุโขทัย จากการประเมินของทีมแพทย์ ต้องพักอย่างน้อย 6เดือน กว่าจะลงสนามได้ก็คงราวๆ 8เดือน เท่ากับว่า ฤดูกาลนี้ของสารัช ปิดเทอมไปเรียบร้อยแล้ว
จากสถิติในปีที่แล้ว ในลีคสารัช ลงไปทั้งสิ้น 31 เกมส์ (100%) ยิงได้ 4ลูก แอสซิสตร์ไป 7 ลูก
ถูกเปลี่ยนตัวทั้งหมด 5 ครั้ง มีเพียงเกมส์เดียวที่เปลียนในขณะที่ทีมตามหลังคือนัดแพ้แบงค็อก 2-3 (นาทีที่87)
นอกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเกมที่ขาดลอยไปแล้วทั้งสิ้น
เรียงตามลำดับความไวที่สุด ได้ดังนี้
นาทีที่ 75 (ชนะโอสถ 8-3)
นาทีที่ 79 (ชนะศรีสะเกษ 4-0 )
นาทีที่ 86 (ชนะชลบุรี 3-0)
นาทีที่ 87 (ชนะราชนาวี 4-0)
อ้างอิง
http://www.transfermarkt.com/…/leist…/spieler/299882/plus/0…
รวมไปถึงคำให้สัมภาษณ์ของโค้ช แบนที่ กล่าวว่า ต้องเปลี่ยนแปลง แทคติก เมื่อไม่มีสารัช
นั่นแปลว่า ทางสตาฟและเฮดโค้ช ค่อนข้างให้ความสำคัญ กับสารัชค่อนข้างมากทีเดียว
ทีนี้เรามาดู ผลกระทบจากการขาดหายไป และ การเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่น ต้องทราบว่า เมืองทองเล่นระบบอะไร ?
อนึ่งเมืองทองนั้นเล่นหลายแผนตามแต่ แทคติก บางครั้ง 2 แผน บางครั้ง 5 แผนในเกมส์เดียว โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด เช่น 433 352 4411(เกมส์ ACL) กระทั่ง 4-6-0 (บีจีช่วงท้ายเกมส์)
อาจเป็นเพราะตัวผู้เล่นชุดนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถเล่นได้หลากหลาย นอกเหนือจากตำแหน่งประจำตัวเอง ยกตัวอย่าง อดิศร พรมรักษ์ สามารถเล่นได้ตั้งแต่ CB ไปจนถึง แบ็กขวา ปีกขวา (จริงๆกองหน้าริมเส้น ก็เคยเล่นมาแล้ว)
แต่จะกล่าวหลักๆ ระบบที่เมืองทอง ยืนพื้นไปตามปกติ
เมืองทองนั้นวางระบบไม่เหมือนทีมใดๆในไทยลีค เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ว่าได้ ที่ใกล้เคียงที่สุด คือชลบุรี (ยุค เทิดศักดิ์ เลคที่ 2 ปี2016) แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว เมืองทองนั้นเล่นระบบ 442 แต่ที่ไม่เหมือนคือ ตามปกติหาก เล่น 442 จะวางตัวผู้เล่น ยืนเรียงเป็นหน้ากระดาน แต่เมืองทองนั้นวางตัวมิดฟิดล์ซ้อนกัน เมื่อมองจากมุมบนจะเห็นเป็นรูปกล่อง เรียกว่า 442 box หรือ 4-2-2-2 บางครั้งฝรั่งจะเรียกว่า 442 double six
หมายเหตุ
บางครั้งต่างประเทศจะเรียก เบอร์แทนตำแหน่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่คือระบบ 442 ตามปกติ
และนี่คือระบบ 442 BOX ของเมืองทอง
ระบบของเมืองทอง เมื่อมองจากภาพมุมสูงในสนามจริง
อันนี้คือ ฟอร์เมชั่นพื้นฐานของเมืองทอง 442 box แบ่งเป็นตัวรุกและตัวรับ ยืนซ้อนกันเป็นรูปกล่อง ไม่มีปีกแต่ใช้วิธีปิดกลางเปิดข้าง
สีน้ำเงินคือกองหน้า
สีดำคือกองหลัง
สีแดงคือมิดฟิดล์ ที่วางเป็น รูปแบบกล่องที่เมืองทองจะรักษาไว้ตลอดเวลา
โดยจะแบ่งหน้าที่ออกเป็น มิดฟิดล์ตัวรุก 2คน และมิดฟิดล์ตัวรับอีก2 คน โดยที่เมืองทองจะรักษา รูปแบบกล่องเอาไว้ตลอดเวลา
ทำไมเมืองทองจึงเลือกใช้มิดฟิลด์ตัวรับคู่
จากการสังเกต เมืองทองนั้นให้ความสำคัญ กับ การป้องกันในแดนกลางค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นรับในแดนตัวเอง หรือรับสูงในแดนคู่แข่ง หรือที่เรียกว่าเพรสซิ่ง ทันทีที่เสียบอล เมืองทองจะเข้าบีบเร็วทันที เพื่อแย่งบอลมาครองใหม่
ประการที่สอง อาจเป็นเพราะ เมืองทองนั้นผู้เล่นโดยเฉลี่ย ค่อนข้างตัวเล็ก จึงมักใช้ระบบทีมเข้าบีบมากกว่า ฝากความหวังไว้ที่เกมส์ 1-1 ของตัวผู้เล่นเอง รวมไปถึง ผู้เล่นต่างชาติไทยลีคนั้นซึ่งโดยมากใช้เป็นตำแหน่งตัวรุกและรับ ค่อนข้างใหญ่กว่าเมืองทอง
รวมไปถึงรูปแบบเกมส์รุกที่ เน้นการต่อบอลเท้าสู่เท้า มากกว่าการใช้ความสามารถเฉพาะตัว หรือจังหวะฉาบฉวย ทำให้ มิดฟิดล์ตัวรับ จึงต้องมีสองคนแบ่งเป็นซ้าย และขวา เพื่อ ง่ายต่อการเล่นเต็มพื้นที่ในเกมส์รุก หรือบีบพื้นที่ในเกมส์รับ หากมีคนเดียวจะทำให้ ต้องเคลื่อนย้าย ออกจากตำแหน่งของตัวเอง ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการหลุดจากการเพรสซิ่ง
หน้าที่ของตัวรับคู่มีอะไรบ้าง
.ในเกมส์รับ
1 ปิดกลางเปิดข้าง โดยพื้นฐาน ของเพรสซิ่งนั้น มีหลักง่ายๆอยู่ว่า ปิดพื้นที่กลาง เพื่อไม่ไห้คู่แข่งใช้ ประโยชน์จากความกว้างของ สนาม หากคู่แข่งของเมืองทอง คิดที่จะเดินเกมส์ตรงกลาง
เมืองทองจะมี อย่างน้อย 4 ตัวอยู่เสมอๆ ทำให้บังคับให้คู่แข่งต้องออกเกมส์ไปริมเส้น หรือพื้นที่แคบ
โดยจะทำหน้าที่เข้าคัดท้าย ตัวรุก เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งจ่ายเข้ากลางได้
2. ทำงานร่วมกับฟูลแบ็ก ในการเข้ารุมแย่งบอล เมื่อคู่แข่งหลีกหนีพื้นที่ตรงกลาง
ในเกมส์รับเมืองทองนั้นจะไม่ใช้ เกมส์ 1-1 ในแดนกลางหากมีตัวน้อยกว่า (ในกรณีที่เสียบอลกลางทาง) สารัชจะทำแค่ดีเลย์เกมส์ เพื่อให้คู่แข่งเล่นเกมส์ช้า และทีมมีเวลาถอยลงไปตั้งรับหน้ากรอบ และตั้งฟอร์เมชั่น รูปกล่องใหม่
ไลน์วิ่งของเมืองทอง เวลาเสียบอล ในกรอบสีดำคือ ตำแหน่งของ มิดฟิดล์ตัวรับ
ไลน์วิ่งในเกมส์จริง
นี่เป็นช่วงจังหวะ ก่อนได้ลูกที่ 4 (เลือกเกมส์กับ บีจีเพราะมุมกล้องมันสูงเห็นไลน์วิ่งเยอะดี)
สีแดง คือไลน์วิ่ง วงกลมสีนำ้เงินคือคนที่รอคัพเวอร์ เวลาพวกสีแดงดักบอลไม่ได้
1 เจวิ่งไปกดดันนริศ บังคับให้ออกบอลทางเดียว คือทางด้านขวาของนริศ (ริมเส้น) ส่วนตรงกลางจะมีคนอื่นคอยดักไว้
2.พอแบ็กขวาได้บอล ก็จะมีแค่ทางเลือกเดียวคือ ออกไปทางแคบ ซึ่งจะมีตัวรับ (ซ้ายขวา) วงกลมน้ำเงิน คอยดักอยู่แล้ว
ฟูลแบ็ก จะดันสูงขึ้นมาด้วย สุดท้ายก็เสร็จโจร
นี่คือหน้าที่โดยทั่วไปของตัวรับคู่