กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีสถาบันแต่อย่างใด (แค่มาเล่าความจริงที่อาจเป็นประโยชน์) เราเคยโพสต์กระทู้ถามคนที่เคยเรียนภาษาอังกฤษที่ Inlingua รวมถึงถามคนรู้จักที่เคยไปเรียนที่นั่น ว่าเรียนแล้วเป็นอย่างไร ดีไหม หลายคนก็จะตอบว่าดี ดังนั้นเราจึงลองไปเรียนบ้าง และมาเล่าประสบการณ์ความรู้สึกของเราที่แตกต่างจากคนอื่นๆ
เราตัดสินใจเข้าไปทำสอบวัดระดับความรู้ของตัวเองก่อน จ่ายค่าสอบไป 300 บาท พอสอบวัดระดับเสร็จ ก็ตัดสินใจสมัครเรียนไปคอร์สนึง แพงมาก ราคา 9000 ปลายๆ จนเกือบหมื่น (ราคามากกว่าเงินเดือนเราครึ่งนึงอีก) เรียนวันอาทิตย์วันเดียว ใช้เวลาเรียน 12 ครั้ง ครั้งละ 3 ชม. (รวมเวลาพักด้วย พักประมาณ 15 นาที) ได้หนังสือ ซีดี สมุด กระเป๋าใส่หนังสืออย่างดี(ไม่ใช่กระเป๋าผ้าดิบเหมือนที่สถาบันทั่วไปชอบแจกนะ) และปากกามาด้ามนึง กระเป๋าเงินเบาลงไปเยอะมาก เราคิดในใจว่า “เอาวะ ลองเสี่ยงดู ราคาแพงขนาดนี้ คงสอนดีล่ะน่า”
คาบแรกที่ไปเรียน อาจารย์เป็นฝรั่งจริงๆ ถึงจะอายุมากหน่อยแต่ก็น่ารัก ผิวขาว จมูกโด่ง ตาสีฟ้า (ฝรั่งตาสีฟ้าดูดีทุกคน) ในห้องมีนักเรียนอยู่ 8 คน แต่ละคนอายุ 20 ขึ้นไปหมดเลย แต่ละคาบก็จะมีหัวข้อเรื่องมาให้เรียนกันหนึ่งเรื่อง สิ่งแรกที่อาจารย์ทำหลังจากทักทายนักเรียนแล้วก็คือ แจกชีทให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด แบบว่าเติมคำศัพท์ จับคู่คำศัพท์กับรูปภาพ เติมประโยคให้ถูกต้อง ประมาณนี้ ถ้าในชีทมีคำศัพท์ยากๆ อาจารย์ก็จะเอาหนังสือคล้ายๆ พจนากุกรมภาพมาให้ดู (เช่น เรียนเรื่องกีฬา กีฬาบางชนิดคนไทยไม่ค่อยรู้จัก อาจารย์ก็จะมีหนังสือของอาจารย์มาให้ดู ในหนังสือมีคำศัพท์เกี่ยวกับกีฬา พร้อมรูปภาพสีประกอบ) และอาจารย์ก็คอยเดินดูนักเรียนไปรอบๆ ว่านักเรียนทำได้ไหม หลังจากทำแบบฝึกหัดในชีทเสร็จ อาจารย์ก็จะเฉลย โดยการให้นักเรียนแต่ละคนพูดคำตอบที่ตัวเองเขียนไว้ ตอบคนละข้อหรือสองข้อ วนไปจนครบทุกคนทุกข้อ แล้วอาจารย์จะเฉลยว่าถูกต้องไหม อันนี้เราโอเค คำศัพท์ไม่ยากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราตอบได้อยู่แล้ว
พอเฉลยเสร็จแล้ว อาจารย์ก็จะสอนเรื่องแกรมม่า การใช้ประโยคสำหรับสนทนากัน อาจารย์เขียนบนกระดานเสียเยอะแยะ เราจดตามไม่ทัน ก็เลยไม่ค่อยจด หรือจดแค่นิดๆ หน่อยๆ และอาจารย์ก็อาจท่องให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนพูดตาม มีถามนักเรียน ให้นักเรียนตอบบ้าง แต่เราไม่ค่อยได้ตอบหรอก เพราะคิดไม่ทันเพื่อน ในห้องมีนักเรียนที่พูดภาษาอังกฤษเก่งอยู่(เราก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าเขามาเรียนทำไม แถมเรียนคอร์สระดับเดียวกับเราอีกเนี่ยนะ) ตอนอาจารย์สอน ดูเหมือนจะไม่ยากเลย เพราะแต่ละประโยคที่แกสอน เราก็เคยเรียนผ่านมาหมดแล้วตั้งแต่สมัยมัธยม แต่พออาจารย์สอนเสร็จ อาจารย์ให้นักเรียนจับคู่กันแล้วสนทนา เท่านั้นแหละ ประโยคที่อาจารย์สอนมา เราจำไม่ค่อยได้ เวลาสนทนากับเพื่อน ตาเราก็ต้องมองประโยคที่อาจารย์เขียนไว้บนกระดาน สรุปว่าเป็นการฝึกสนทนาที่ไร้อารมณ์มาก เหมือนแค่ฝึกไปงั้นๆ พอฝึกเสร็จก็ลืมอีก
พอฝึกสนทนาเสร็จแล้ว อาจารย์ก็สอนต่ออีกสักหน่อย จนกระทั่งถึงเวลาพักเบรค ที่นี่มีขนมไว้บริการนักเรียนด้วย (ชอบตรงนี้แหละ) พอเบรกเสร็จ อาจารย์ก็สอนต่อ ทีนี้ก็สอนบทเรียนในหนังสือเรียน มีแบบฝึกหัดให้ทำ ทั้งในส่วน listening (อาจารย์เปิดคลิปเสียงให้ฟัง) และแกรมม่า นักเรียนก็ทำไป ทำเสร็จก็เฉลย วิธีเฉลยก็เหมือนกับช่วงต้นคาบ คือให้นักเรียนผลัดกันตอบ วนไปจนครบทุกข้อ เสร็จแล้วถ้ามีเวลาเหลือ อาจารย์ก็อาจจะมีเกมมาให้เล่น หรือชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งเราไม่ค่อยได้พูดหรอก เป็นคนฟังมากกว่า แต่นักเรียนคนที่พูดเก่งๆ ก็จะพูดคุยโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ เราก็ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง และก็จะแอบมองดูนาฬิกาเป็นพักๆ ว่าเมื่อไหร่จะหมดคาบ ส่วนใหญ่จะเลิกเกินเวลานิดหน่อย
ลักษณะการเรียนเป็นแบบนี้ทุกคาบ คาบแรกมีนักเรียน 8 คน พอเรียนไป 7 ครั้ง เหลือนักเรียนอยู่ 5 คน (อีก 3 คนน่าจะย้ายไปเรียนสาขาอื่น) และพอครั้งที่ 8 เป็นต้นไป เราก็ไม่ไปเรียนอีกเลย เพราะขี้เกียจด้วย(ทำงานแล้วเหนื่อย วันหยุดจึงอยากพักผ่อนอยู่เฉยๆมากกว่า) สิ่งที่เรียนมา เราก็ไม่ได้เอามาทบทวนเลย(เราผิดเองที่ขี้เกียจ รู้สึกคึกเฉพาะครั้งแรก) และรู้สึกว่าลักษณะการเรียนแบบนี้มันไม่ค่อยเวิร์คสำหรับเราด้วย (AUA ก็สอนคล้ายๆแบบนี้เลย แต่มีกิจกรรมเยอะกว่า) เรามาเรียนเพราะอยากสนทนาสื่อสารได้ แต่เวลาเรียนเรากลับไม่ค่อยได้สื่อสารกับอาจารย์ ถึงจะมีฝึกกับเพื่อนไม่กี่นาที แต่มันก็ไม่ได้ผลกับเรา เราไม่ไปเรียน 5 ครั้ง เสียดายเงินมาก เพราะที่นี่ไม่มีนโยบายคืนเงิน และไม่มีนโยบายให้เรียนชดสำหรับคนที่ขาดเรียน ส่วนครั้งที่เราไปเรียน เราก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรกลับมา เอาจริงๆ มันก็เป็นที่เราด้วยส่วนนึง เพราะตอนแรกที่คิดจะเรียน เรารู้สึกฮึกเหิมมาก รู้สึกอยากตั้งใจ แต่พอเรียนไปแล้วไม่ใช่แนวที่ตัวเองชอบ เราก็รู้สึกขี้เกียจและไม่ไปเรียนซะดื้อๆเลย
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ Inlingua โทรมา เราก็นึกว่าเขาจะถามเราว่าทำไมเราไม่ไปเรียน แต่กลับกลายเป็นว่า เขาถามเราว่าครั้งหน้า(ซึ่งเป็บครั้งสุดท้ายของคอร์ส) เราจะเข้าเรียนไหม เพราะเขาจะทำการสำรวจจำนวนนักเรียนที่จะลงสมัครเรียนคอร์สต่อไป เราบอกเขาไปว่าไม่แน่ใจว่าจะไปไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าถ้าไม่ไปเรียนก็ไม่สามารถชดได้ พอเราบอกไปว่า เราไม่ได้ไปเรียนหลายครั้งแล้ว เท่านั้นแหละเจ้าหน้าที่ตัดบทสนทนาจบเลย
เราผิดเองที่ใจร้อน สมัครเรียนไปโดยที่ไม่ขอเขาทดลองเรียนดูก่อนว่าชอบไหม ทั้งๆที่ค่าเรียนก็แพงมาก จึงอยากให้เป็นอุททาหรณ์สำหรับคนที่เข้ามาอ่านที่กำลังหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ด้วย
ปล. วันนี้จะไปทดลองเรียนฟรีของ Wall Street เดี๋ยวค่อยมาเล่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ประสบการณ์เรียนภาษาอังกฤษที่ Inlingua เหมือนเอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ
เราตัดสินใจเข้าไปทำสอบวัดระดับความรู้ของตัวเองก่อน จ่ายค่าสอบไป 300 บาท พอสอบวัดระดับเสร็จ ก็ตัดสินใจสมัครเรียนไปคอร์สนึง แพงมาก ราคา 9000 ปลายๆ จนเกือบหมื่น (ราคามากกว่าเงินเดือนเราครึ่งนึงอีก) เรียนวันอาทิตย์วันเดียว ใช้เวลาเรียน 12 ครั้ง ครั้งละ 3 ชม. (รวมเวลาพักด้วย พักประมาณ 15 นาที) ได้หนังสือ ซีดี สมุด กระเป๋าใส่หนังสืออย่างดี(ไม่ใช่กระเป๋าผ้าดิบเหมือนที่สถาบันทั่วไปชอบแจกนะ) และปากกามาด้ามนึง กระเป๋าเงินเบาลงไปเยอะมาก เราคิดในใจว่า “เอาวะ ลองเสี่ยงดู ราคาแพงขนาดนี้ คงสอนดีล่ะน่า”
คาบแรกที่ไปเรียน อาจารย์เป็นฝรั่งจริงๆ ถึงจะอายุมากหน่อยแต่ก็น่ารัก ผิวขาว จมูกโด่ง ตาสีฟ้า (ฝรั่งตาสีฟ้าดูดีทุกคน) ในห้องมีนักเรียนอยู่ 8 คน แต่ละคนอายุ 20 ขึ้นไปหมดเลย แต่ละคาบก็จะมีหัวข้อเรื่องมาให้เรียนกันหนึ่งเรื่อง สิ่งแรกที่อาจารย์ทำหลังจากทักทายนักเรียนแล้วก็คือ แจกชีทให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด แบบว่าเติมคำศัพท์ จับคู่คำศัพท์กับรูปภาพ เติมประโยคให้ถูกต้อง ประมาณนี้ ถ้าในชีทมีคำศัพท์ยากๆ อาจารย์ก็จะเอาหนังสือคล้ายๆ พจนากุกรมภาพมาให้ดู (เช่น เรียนเรื่องกีฬา กีฬาบางชนิดคนไทยไม่ค่อยรู้จัก อาจารย์ก็จะมีหนังสือของอาจารย์มาให้ดู ในหนังสือมีคำศัพท์เกี่ยวกับกีฬา พร้อมรูปภาพสีประกอบ) และอาจารย์ก็คอยเดินดูนักเรียนไปรอบๆ ว่านักเรียนทำได้ไหม หลังจากทำแบบฝึกหัดในชีทเสร็จ อาจารย์ก็จะเฉลย โดยการให้นักเรียนแต่ละคนพูดคำตอบที่ตัวเองเขียนไว้ ตอบคนละข้อหรือสองข้อ วนไปจนครบทุกคนทุกข้อ แล้วอาจารย์จะเฉลยว่าถูกต้องไหม อันนี้เราโอเค คำศัพท์ไม่ยากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราตอบได้อยู่แล้ว
พอเฉลยเสร็จแล้ว อาจารย์ก็จะสอนเรื่องแกรมม่า การใช้ประโยคสำหรับสนทนากัน อาจารย์เขียนบนกระดานเสียเยอะแยะ เราจดตามไม่ทัน ก็เลยไม่ค่อยจด หรือจดแค่นิดๆ หน่อยๆ และอาจารย์ก็อาจท่องให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนพูดตาม มีถามนักเรียน ให้นักเรียนตอบบ้าง แต่เราไม่ค่อยได้ตอบหรอก เพราะคิดไม่ทันเพื่อน ในห้องมีนักเรียนที่พูดภาษาอังกฤษเก่งอยู่(เราก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าเขามาเรียนทำไม แถมเรียนคอร์สระดับเดียวกับเราอีกเนี่ยนะ) ตอนอาจารย์สอน ดูเหมือนจะไม่ยากเลย เพราะแต่ละประโยคที่แกสอน เราก็เคยเรียนผ่านมาหมดแล้วตั้งแต่สมัยมัธยม แต่พออาจารย์สอนเสร็จ อาจารย์ให้นักเรียนจับคู่กันแล้วสนทนา เท่านั้นแหละ ประโยคที่อาจารย์สอนมา เราจำไม่ค่อยได้ เวลาสนทนากับเพื่อน ตาเราก็ต้องมองประโยคที่อาจารย์เขียนไว้บนกระดาน สรุปว่าเป็นการฝึกสนทนาที่ไร้อารมณ์มาก เหมือนแค่ฝึกไปงั้นๆ พอฝึกเสร็จก็ลืมอีก
พอฝึกสนทนาเสร็จแล้ว อาจารย์ก็สอนต่ออีกสักหน่อย จนกระทั่งถึงเวลาพักเบรค ที่นี่มีขนมไว้บริการนักเรียนด้วย (ชอบตรงนี้แหละ) พอเบรกเสร็จ อาจารย์ก็สอนต่อ ทีนี้ก็สอนบทเรียนในหนังสือเรียน มีแบบฝึกหัดให้ทำ ทั้งในส่วน listening (อาจารย์เปิดคลิปเสียงให้ฟัง) และแกรมม่า นักเรียนก็ทำไป ทำเสร็จก็เฉลย วิธีเฉลยก็เหมือนกับช่วงต้นคาบ คือให้นักเรียนผลัดกันตอบ วนไปจนครบทุกข้อ เสร็จแล้วถ้ามีเวลาเหลือ อาจารย์ก็อาจจะมีเกมมาให้เล่น หรือชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งเราไม่ค่อยได้พูดหรอก เป็นคนฟังมากกว่า แต่นักเรียนคนที่พูดเก่งๆ ก็จะพูดคุยโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ เราก็ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง และก็จะแอบมองดูนาฬิกาเป็นพักๆ ว่าเมื่อไหร่จะหมดคาบ ส่วนใหญ่จะเลิกเกินเวลานิดหน่อย
ลักษณะการเรียนเป็นแบบนี้ทุกคาบ คาบแรกมีนักเรียน 8 คน พอเรียนไป 7 ครั้ง เหลือนักเรียนอยู่ 5 คน (อีก 3 คนน่าจะย้ายไปเรียนสาขาอื่น) และพอครั้งที่ 8 เป็นต้นไป เราก็ไม่ไปเรียนอีกเลย เพราะขี้เกียจด้วย(ทำงานแล้วเหนื่อย วันหยุดจึงอยากพักผ่อนอยู่เฉยๆมากกว่า) สิ่งที่เรียนมา เราก็ไม่ได้เอามาทบทวนเลย(เราผิดเองที่ขี้เกียจ รู้สึกคึกเฉพาะครั้งแรก) และรู้สึกว่าลักษณะการเรียนแบบนี้มันไม่ค่อยเวิร์คสำหรับเราด้วย (AUA ก็สอนคล้ายๆแบบนี้เลย แต่มีกิจกรรมเยอะกว่า) เรามาเรียนเพราะอยากสนทนาสื่อสารได้ แต่เวลาเรียนเรากลับไม่ค่อยได้สื่อสารกับอาจารย์ ถึงจะมีฝึกกับเพื่อนไม่กี่นาที แต่มันก็ไม่ได้ผลกับเรา เราไม่ไปเรียน 5 ครั้ง เสียดายเงินมาก เพราะที่นี่ไม่มีนโยบายคืนเงิน และไม่มีนโยบายให้เรียนชดสำหรับคนที่ขาดเรียน ส่วนครั้งที่เราไปเรียน เราก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรกลับมา เอาจริงๆ มันก็เป็นที่เราด้วยส่วนนึง เพราะตอนแรกที่คิดจะเรียน เรารู้สึกฮึกเหิมมาก รู้สึกอยากตั้งใจ แต่พอเรียนไปแล้วไม่ใช่แนวที่ตัวเองชอบ เราก็รู้สึกขี้เกียจและไม่ไปเรียนซะดื้อๆเลย
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ Inlingua โทรมา เราก็นึกว่าเขาจะถามเราว่าทำไมเราไม่ไปเรียน แต่กลับกลายเป็นว่า เขาถามเราว่าครั้งหน้า(ซึ่งเป็บครั้งสุดท้ายของคอร์ส) เราจะเข้าเรียนไหม เพราะเขาจะทำการสำรวจจำนวนนักเรียนที่จะลงสมัครเรียนคอร์สต่อไป เราบอกเขาไปว่าไม่แน่ใจว่าจะไปไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าถ้าไม่ไปเรียนก็ไม่สามารถชดได้ พอเราบอกไปว่า เราไม่ได้ไปเรียนหลายครั้งแล้ว เท่านั้นแหละเจ้าหน้าที่ตัดบทสนทนาจบเลย
เราผิดเองที่ใจร้อน สมัครเรียนไปโดยที่ไม่ขอเขาทดลองเรียนดูก่อนว่าชอบไหม ทั้งๆที่ค่าเรียนก็แพงมาก จึงอยากให้เป็นอุททาหรณ์สำหรับคนที่เข้ามาอ่านที่กำลังหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ด้วย
ปล. วันนี้จะไปทดลองเรียนฟรีของ Wall Street เดี๋ยวค่อยมาเล่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง