สวัสดีค่ะ รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของเราเลย เลยขอยืมบัญชีเพื่อนมาตั้งซะหน่อย
เป็นมือใหม่หัดท่องโลก ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
ฝาก takaragawa onsen ไว้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ที่อยากไปของทุกคนด้วยนะคะ
" takaragawa onsen " ตั้งอยู่ในเขต มินาคามิ(minakami) จังหวัดกุนมะ(gunma) ประเทศญี่ปุ่น
เป็นออนเซ็นระดับต้นๆของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่า วิ ว โ ค ต ร เ ท พ !
สามารถเดินทางมายังโรงแรมโดยรถไฟชินคันเซ็นได้ โดยในทริปนี้จะใช้บัตร east-pass นะคะ
เนื่องจากเราเดินทางมาจากทางฝั่ง nagano ค่ะ แต่สำหรับคนที่อยู่โตเกียวก็สามารถใช้พาสนี้ได้นะคะ
ถือว่าครอบคลุมค่ะ หรือจะสะดวกซื้อแยกเที่ยวก็ได้ค่ะ
ครั้งนี้เราเลือกจองผ่านทาง booking.com ค่ะ เป็นจองก่อนชำระเงินภายหลัง และโชคดีของเราอีกอย่างคือ
เราจองห้องพักก่อนล่วงหน้า 4 เดือน เลยทำให้เราได้มาในราคาพิเศษสุดๆ แค่ 8,053 บาทต่อคืนเท่านั้น!
จากราคาเต็มหมื่นกว่าบาทต่อคืนเลยนะ ที่ต้องจองก่อนล่วงหน้ามากๆเนี่ยเพราะกลัวห้องเต็มค่ะ
เนื่องจากเราเดินทางไปช่วงเทศกาลปีใหม่พอดี เลยต้องรีบจองค่ะ ไม่งั้นอดแน่ๆ เพราะตอนกดจองเหลือแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้นค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่าแพงไปจะคุ้มหรอ? แต่สำหรับเราแล้วเรายอมเสียแพงๆเพื่อที่จะได้พักที่นี่
หลังจากที่เราไปเกลือกกลิ้งกับสกีมาสองวันพอมาที่นี่เรารู้สึกเลยว่ามันสบายใจไปหมดทุกอย่างเลย
แต่ที่นี่ก็มีห้องพักหลากหลายแบบให้เลือกนะคะ ราคาเต็มก็ตั้งแต่ 7 พันไปจนถึงหมื่นกลางๆเป็นต้นไปค่ะ
(คิดเป็นค่าเงินบาทนะคะเพื่อความชัวร์)
หากต้องการเดินทางจากโตเกียวสามารถขึ้นได้ที่สถานี tokyo หรือ สถานี ueno แล้วไปลงที่สถานี jomo-kogen
ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นค่ะแล้วหลังจากนั้นจะมี shuttle bus ของทางโรงแรมมารอรับ (ฟรี) นะคะ
จะเป็นพนักงานญี่ปุ่นยืนถือป้ายชื่อโรงแรมอยู่ตรงทางออกของสถานี ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ สะดวกสบายมากๆเลย
...... แต่! ย้ำนะคะ แต่!
เนื่องจากโรงแรมมีผู้เข้าพักจำนวนมากในแต่ละวัน ดังนั้นในแต่ละช่วงของปีก็จะมีเวลาเดินรถ shuttle bus ที่แตกต่างกันไปนะคะ
เพื่อความแน่ใจเราแนะนำว่าควรโทรสอบถามรายละเอียดกับทางโรงแรมเพื่อทำการจองที่นั่งล่วงหน้า 1-2 วันก่อนเข้าพักดีกว่านะคะ
ในช่วงเดือนมกราคม 2017 ที่เราไปตารางเดินรถของเราก็จะมีรอบจากสถานี jomo-kogen
ไปยังโรงแรมมีเพียง 2 รอบคือ 13.00 น. และ 15.00 น. เท่านั้น ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมบริหารเวลาให้ดีนะคะ
ไม่งั้นคงจะต้องพึ่งพี่แท๊กซี่แน่ๆ กระเป๋าฉีกแน่นอนเพราะระยะทางจากสถานีไปโรงแรมค่อนข้างไกลมากๆค่ะ
ใช้เวลานั่งรถเกือบๆ 45 นาทีเลย หลับแล้วหลับอีก อย่างในรูปนี้เราได้นั่งรถตู้แทนรถ shuttle bus นะคะ
สงสัยเห็นกระเป๋าเยอะเลยจับแยกซะเลย อิอิ
ส่วนขากลับไปยังสถานี jomo-kogen นั้นมีเพียงรอบเดียวคือ 9.30 น. นะคะ ใครอยากถ่ายรูปก่อนกลับนี่ก็ต้องตื่นเช้าๆหน่อยนะคะ
อย่างเรานี่ตื่นมาตั้งแต่ ตี 4 กันเลยทีเดียวเพื่อมาแช่ออนเซ็นรอพระอาทิตย์ขึ้น อันนี้เราแนะนำมากๆๆๆ มันสวยมากกกกกจริงๆ
และเมื่อไปถึงโรงแรมแล้วก็รอ check-in ดื่ม welcome drink ให้หายหนาวกันก่อน แล้วก็จะให้เลือกเวลาดินเนอร์เป็นรอบๆไป
ตั้งแต่ 18.00 น. ถึง 20.00 น. และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้กุญแจของแต่ละห้องมาและให้เราเดินไปเลือกชุดยูกาตะ
ก่อนเข้าไปยังห้องพักค่ะ ตรงจุดนี้ไม่มีรูปภาพประกอบนะคะเนื่องจากเป็นชั่วโมงเร่งรีบมากกกกกเพราะพระอาทิตย์จะตกแล้ว
เวลาแค่ 4 โมงกว่าๆเท่านั้นแต่ฟ้ามืดแล้ววว ใจเรามันเลยรีบร้อนจะเอาของไปวางในห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมออกไปถ่ายรูปสวยๆ
แต่ในที่สุดก็พังค่ะแสงหนีไปนอนหมดแล้ว จะรีบมืดไปไหนนนนนนมาแบ่งแดดไทยแลนด์ไปบ้างนะยูว
อันนี้จะฝั่งตึกใหม่นะคะ เป็นตึกเอาไว้รองรับแขกที่มาเข้าพักแล้วก็มีห้องพักด้วยค่ะ
ฝั่งนี้จะเป็นฝั่งตึกเก่าค่ะ เป็นตึกห้องพักเราเอง พอดีเราลืมถ่ายรูปตัวตึกมา
แอบมีโผล่มานิดๆในรูปวิวที่ถ่ายมา ห้องเราอยู่หัวมุมสุดของตึกเลยค่ะ
ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้าห้องมานั้น กรี๊ดแตกไปสามนาที ทำเลดีสุดดด ห้องพักจะเป็นแบบเรียวกังนะคะ
ดูสิวิวสวยมากกกกกกกกกกกกกรี๊ดจนคอแห้งหมดแล้ว มีเก้าอี้ไว้นั่งจิบชาชมวิวสวยๆด้วย
ข้างๆก็จะมีน้ำตกไหลแรงตลอดเวลา ได้ฟีลธรรมชาติๆเนอะ
ในห้องก็จะมีทีวี ตู้เย็น ตู้เก็บของ โทรศัพท์ กาน้ำร้อน และก็มีเครื่องฮีทเตอร์ที่ทำความร้อนไม่ค่อยทันใจเท่าไหร่
หรือเพราะหนาวมากๆก็ไม่รู้ เรานี่ถึงกับต้องยืนเต้นตลอดเวลาเลย หนาวมากจริงๆ
วันที่เราไปโชคดีมากเจอ 1 องศาเลย ยิ่งดึกยิ่งหนาว ยิ่งดึกหิมะยิ่งตกแรง ข้างๆห้องดันเป็นน้ำตกอีก
ได้เวลาออกไปแช่ออนเซ็นแล้ว ซึ่งเราก็ต้องข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของโรงแรมนะคะ นี่ก็จะเป็นสะพานข้ามฝั่งนั่นเอง
ในรูปนายแบบยังใส่ชุดตัวเองอยู่นะคะ จริงๆแล้วที่นี่เค้าจะให้แต่งชุดยูกาตะเท่านั้นค่ะ นุ่งน้อยห่มน้อยสู้หิมะมาก
ในฤดูหนาวก็จะมีชุดคลุมชุดยูกาตะอีกทีนึงนะคะ แบบในรูปเลยสีน้ำตาลเข้ม ใส่สองชั้นสบายๆรีบวิ่งไปแช่ออนเซ็นแล้วกันนะคะ
หรือใครจะใส่ชุดลำลองข้างในก่อนจะทับด้วยยูกาตะก็ได้ค่ะ ค่อยไปถอดชุดทั้งหมดใส่ล็อคเกอร์อีกทีก็ได้ หยอดเพียง 200 เยนเท่านั้นค่ะ
ดังนั้นเพื่อความสบายใจและประหยัดเงินพวกเราเลยกลั้นใจใส่แค่ยูกาตะและชุดคลุมพอ อิอิ
โดนพายุหิมะถล่มแล้ววว
ระหว่างทางเดินค่ะ เหมือนอยู่ในเมืองโบราณเลย
บ่อน้ำร้อนที่นี่จะมีทั้งหมด 5 บ่อค่ะเป็นแบบปิด 2 บ่อและที่เป็นแบบเปิดมี 3 บ่อโดยมี 1 บ่อเป็นบ่อหญิงเท่านั้น
อีก 2 บ่อเป็นแบบเปิดจะไม่แยกชายหญิง สามารแช่รวมกันได้ ผู้หญิงก็จะมีชุดคลุมให้ใส่ก่อนลงแช่น้ำร้อนค่ะ
ไม่โป๊นะคะ ส่วนผู้ชายจะมีเพียงผ้าขนหนูเล็กๆหนึ่งผืนค่ะ ในภาพคือบ่อสุดฮิตที่สุดค่ะวิวสวยสุดด้วย
ล้อมด้วยวิวภูเขาและน้ำตก ส่วนรูปบ่ออื่นๆเราไม่สามารถถ่ายมาได้หมดนะคะเนื่องจากมีคนกำลังแช่อยู่ค่อนข้างมาก
เราเลยไม่อยากถ่ายรูปติดบุคคลอื่นมาด้วย ขอโทษด้วยนะคะที่รูปบ่อน้ำร้อนเรามีน้อยจริงๆ หาจังหวะถ่ายไม่ได้เลย
แอบถ่ายตรงบริเวณบ่อน้ำร้อนมาอีกมุมค่ะ ไม่เนียนเลยเนอะ อิอิ
เย็นแล้วก็มาทานอาหารเย็นกันดีกว่า โดยตอนจองเราได้เลือกในราคารวมอาหารเย็นและอาหารเช้าไว้แล้ว
อาหารเย็นอลังการมาก ตอนนั้นหิวมากให้ถ่ายทีละอย่างนี่หน้ามืดแน่ๆ เพราะเครื่องเคียงเยอะมากกกกกก
ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นบ้านค่ะ อาหารหลักๆที่ชอบก็เป็นสุกี้เนื้ออร่อยมาก ซาชิมิก็ดีมากละลายในปาก
แล้วก็มีซุปเนื้อหมีด้วยนะคะ ที่นี่เค้าจะเลี้ยงหมีไว้สำหรับทำอาหารด้วยค่ะ แต่กลิ่นเนื้อหมีจะแรงมาก
คนอื่นทานได้หมดแต่สำหรับเราขอผ่านค่ะ แต่อร่อยนะเราลองกินแล้ว ยังไงถ้ามาแล้วเราแนะนำให้ลองดูซักครั้งในชีวิต
แอบเอารูปน้องหมีที่ทางโรงแรมเลี้ยงไว้มาให้ดูค่ะ มองไม่เห็นเลย น้องหลับอยู่เลยไม่อยากรบกวนค่ะ
อย่างในรูปก็จะเห็นได้ว่าอาหารเพียบบบล้นโต๊ะมากๆเสิร์ฟเอาๆจนกว่าจะถึงของหวานจานสุดท้าย จุกไปหมด
อ่ะชนแก้วกันหน่อย ที่นี่พนักงานดูแลเอาใจใส่เราดีมากค่ะ ก่อนทานก็มีบริการถ่ายรูปให้(แบบหน้าเบลอ)
สภาพตาปิดกันทุกคน อ่ะคัมปายยยยยยย
พอกลับห้องมาก็มีคนปูที่นอนให้เรียบร้อย สบายที่สุดในโลกกก
ตื่นเข้ามาก็แวะไปแช่ออนเซ็นรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตี 4 อันนี้เราเอาโทรศัพท์ไปถ่ายมาตอนลงไปแช่ตอนเช้า
หาจังหวะไม่มีคนอยู่นานมาก วิวที่เราได้นั่งแช่ก็จะประมาณนี้ค่ะ สวยมากเลย ของจริงมันดีกว่านี้เยอะมาก ดูด้วยตายังไงก็ดีกว่าล้านเท่า!
ระหว่าวทางเดินก็จะวิวสวยๆประมาณนี้ ถ่ายรูปกันกระหน่ำไปเลยย
ก่อนจะรีบกลับไปเก็บของเพื่อ check-out ก่อน 09.30 น. เพื่อไปขึ้น shuttle bus กลับสถานีรถไฟ
บายยยยกลับแล้วน้า ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะ
[CR] TAKARAGAWA ONSEN.. HEAVEN ON EARTH❤
เป็นมือใหม่หัดท่องโลก ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
ฝาก takaragawa onsen ไว้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ที่อยากไปของทุกคนด้วยนะคะ
" takaragawa onsen " ตั้งอยู่ในเขต มินาคามิ(minakami) จังหวัดกุนมะ(gunma) ประเทศญี่ปุ่น
เป็นออนเซ็นระดับต้นๆของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่า วิ ว โ ค ต ร เ ท พ !
เนื่องจากเราเดินทางมาจากทางฝั่ง nagano ค่ะ แต่สำหรับคนที่อยู่โตเกียวก็สามารถใช้พาสนี้ได้นะคะ
ถือว่าครอบคลุมค่ะ หรือจะสะดวกซื้อแยกเที่ยวก็ได้ค่ะ
เราจองห้องพักก่อนล่วงหน้า 4 เดือน เลยทำให้เราได้มาในราคาพิเศษสุดๆ แค่ 8,053 บาทต่อคืนเท่านั้น!
จากราคาเต็มหมื่นกว่าบาทต่อคืนเลยนะ ที่ต้องจองก่อนล่วงหน้ามากๆเนี่ยเพราะกลัวห้องเต็มค่ะ
เนื่องจากเราเดินทางไปช่วงเทศกาลปีใหม่พอดี เลยต้องรีบจองค่ะ ไม่งั้นอดแน่ๆ เพราะตอนกดจองเหลือแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้นค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่าแพงไปจะคุ้มหรอ? แต่สำหรับเราแล้วเรายอมเสียแพงๆเพื่อที่จะได้พักที่นี่
หลังจากที่เราไปเกลือกกลิ้งกับสกีมาสองวันพอมาที่นี่เรารู้สึกเลยว่ามันสบายใจไปหมดทุกอย่างเลย
แต่ที่นี่ก็มีห้องพักหลากหลายแบบให้เลือกนะคะ ราคาเต็มก็ตั้งแต่ 7 พันไปจนถึงหมื่นกลางๆเป็นต้นไปค่ะ
(คิดเป็นค่าเงินบาทนะคะเพื่อความชัวร์)
ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้นค่ะแล้วหลังจากนั้นจะมี shuttle bus ของทางโรงแรมมารอรับ (ฟรี) นะคะ
จะเป็นพนักงานญี่ปุ่นยืนถือป้ายชื่อโรงแรมอยู่ตรงทางออกของสถานี ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ สะดวกสบายมากๆเลย
...... แต่! ย้ำนะคะ แต่!
เนื่องจากโรงแรมมีผู้เข้าพักจำนวนมากในแต่ละวัน ดังนั้นในแต่ละช่วงของปีก็จะมีเวลาเดินรถ shuttle bus ที่แตกต่างกันไปนะคะ
เพื่อความแน่ใจเราแนะนำว่าควรโทรสอบถามรายละเอียดกับทางโรงแรมเพื่อทำการจองที่นั่งล่วงหน้า 1-2 วันก่อนเข้าพักดีกว่านะคะ
ไปยังโรงแรมมีเพียง 2 รอบคือ 13.00 น. และ 15.00 น. เท่านั้น ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมบริหารเวลาให้ดีนะคะ
ไม่งั้นคงจะต้องพึ่งพี่แท๊กซี่แน่ๆ กระเป๋าฉีกแน่นอนเพราะระยะทางจากสถานีไปโรงแรมค่อนข้างไกลมากๆค่ะ
ใช้เวลานั่งรถเกือบๆ 45 นาทีเลย หลับแล้วหลับอีก อย่างในรูปนี้เราได้นั่งรถตู้แทนรถ shuttle bus นะคะ
สงสัยเห็นกระเป๋าเยอะเลยจับแยกซะเลย อิอิ
อย่างเรานี่ตื่นมาตั้งแต่ ตี 4 กันเลยทีเดียวเพื่อมาแช่ออนเซ็นรอพระอาทิตย์ขึ้น อันนี้เราแนะนำมากๆๆๆ มันสวยมากกกกกจริงๆ
ตั้งแต่ 18.00 น. ถึง 20.00 น. และหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้กุญแจของแต่ละห้องมาและให้เราเดินไปเลือกชุดยูกาตะ
ก่อนเข้าไปยังห้องพักค่ะ ตรงจุดนี้ไม่มีรูปภาพประกอบนะคะเนื่องจากเป็นชั่วโมงเร่งรีบมากกกกกเพราะพระอาทิตย์จะตกแล้ว
เวลาแค่ 4 โมงกว่าๆเท่านั้นแต่ฟ้ามืดแล้ววว ใจเรามันเลยรีบร้อนจะเอาของไปวางในห้องแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมออกไปถ่ายรูปสวยๆ
แต่ในที่สุดก็พังค่ะแสงหนีไปนอนหมดแล้ว จะรีบมืดไปไหนนนนนนมาแบ่งแดดไทยแลนด์ไปบ้างนะยูว
อันนี้จะฝั่งตึกใหม่นะคะ เป็นตึกเอาไว้รองรับแขกที่มาเข้าพักแล้วก็มีห้องพักด้วยค่ะ
ฝั่งนี้จะเป็นฝั่งตึกเก่าค่ะ เป็นตึกห้องพักเราเอง พอดีเราลืมถ่ายรูปตัวตึกมา
แอบมีโผล่มานิดๆในรูปวิวที่ถ่ายมา ห้องเราอยู่หัวมุมสุดของตึกเลยค่ะ
ครั้งแรกที่เปิดประตูเข้าห้องมานั้น กรี๊ดแตกไปสามนาที ทำเลดีสุดดด ห้องพักจะเป็นแบบเรียวกังนะคะ
ดูสิวิวสวยมากกกกกกกกกกกกกรี๊ดจนคอแห้งหมดแล้ว มีเก้าอี้ไว้นั่งจิบชาชมวิวสวยๆด้วย
ข้างๆก็จะมีน้ำตกไหลแรงตลอดเวลา ได้ฟีลธรรมชาติๆเนอะ
ในห้องก็จะมีทีวี ตู้เย็น ตู้เก็บของ โทรศัพท์ กาน้ำร้อน และก็มีเครื่องฮีทเตอร์ที่ทำความร้อนไม่ค่อยทันใจเท่าไหร่
หรือเพราะหนาวมากๆก็ไม่รู้ เรานี่ถึงกับต้องยืนเต้นตลอดเวลาเลย หนาวมากจริงๆ
วันที่เราไปโชคดีมากเจอ 1 องศาเลย ยิ่งดึกยิ่งหนาว ยิ่งดึกหิมะยิ่งตกแรง ข้างๆห้องดันเป็นน้ำตกอีก
ได้เวลาออกไปแช่ออนเซ็นแล้ว ซึ่งเราก็ต้องข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของโรงแรมนะคะ นี่ก็จะเป็นสะพานข้ามฝั่งนั่นเอง
ในรูปนายแบบยังใส่ชุดตัวเองอยู่นะคะ จริงๆแล้วที่นี่เค้าจะให้แต่งชุดยูกาตะเท่านั้นค่ะ นุ่งน้อยห่มน้อยสู้หิมะมาก
ในฤดูหนาวก็จะมีชุดคลุมชุดยูกาตะอีกทีนึงนะคะ แบบในรูปเลยสีน้ำตาลเข้ม ใส่สองชั้นสบายๆรีบวิ่งไปแช่ออนเซ็นแล้วกันนะคะ
หรือใครจะใส่ชุดลำลองข้างในก่อนจะทับด้วยยูกาตะก็ได้ค่ะ ค่อยไปถอดชุดทั้งหมดใส่ล็อคเกอร์อีกทีก็ได้ หยอดเพียง 200 เยนเท่านั้นค่ะ
ดังนั้นเพื่อความสบายใจและประหยัดเงินพวกเราเลยกลั้นใจใส่แค่ยูกาตะและชุดคลุมพอ อิอิ
โดนพายุหิมะถล่มแล้ววว
ระหว่างทางเดินค่ะ เหมือนอยู่ในเมืองโบราณเลย
บ่อน้ำร้อนที่นี่จะมีทั้งหมด 5 บ่อค่ะเป็นแบบปิด 2 บ่อและที่เป็นแบบเปิดมี 3 บ่อโดยมี 1 บ่อเป็นบ่อหญิงเท่านั้น
อีก 2 บ่อเป็นแบบเปิดจะไม่แยกชายหญิง สามารแช่รวมกันได้ ผู้หญิงก็จะมีชุดคลุมให้ใส่ก่อนลงแช่น้ำร้อนค่ะ
ไม่โป๊นะคะ ส่วนผู้ชายจะมีเพียงผ้าขนหนูเล็กๆหนึ่งผืนค่ะ ในภาพคือบ่อสุดฮิตที่สุดค่ะวิวสวยสุดด้วย
ล้อมด้วยวิวภูเขาและน้ำตก ส่วนรูปบ่ออื่นๆเราไม่สามารถถ่ายมาได้หมดนะคะเนื่องจากมีคนกำลังแช่อยู่ค่อนข้างมาก
เราเลยไม่อยากถ่ายรูปติดบุคคลอื่นมาด้วย ขอโทษด้วยนะคะที่รูปบ่อน้ำร้อนเรามีน้อยจริงๆ หาจังหวะถ่ายไม่ได้เลย
แอบถ่ายตรงบริเวณบ่อน้ำร้อนมาอีกมุมค่ะ ไม่เนียนเลยเนอะ อิอิ
เย็นแล้วก็มาทานอาหารเย็นกันดีกว่า โดยตอนจองเราได้เลือกในราคารวมอาหารเย็นและอาหารเช้าไว้แล้ว
อาหารเย็นอลังการมาก ตอนนั้นหิวมากให้ถ่ายทีละอย่างนี่หน้ามืดแน่ๆ เพราะเครื่องเคียงเยอะมากกกกกก
ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นบ้านค่ะ อาหารหลักๆที่ชอบก็เป็นสุกี้เนื้ออร่อยมาก ซาชิมิก็ดีมากละลายในปาก
แล้วก็มีซุปเนื้อหมีด้วยนะคะ ที่นี่เค้าจะเลี้ยงหมีไว้สำหรับทำอาหารด้วยค่ะ แต่กลิ่นเนื้อหมีจะแรงมาก
คนอื่นทานได้หมดแต่สำหรับเราขอผ่านค่ะ แต่อร่อยนะเราลองกินแล้ว ยังไงถ้ามาแล้วเราแนะนำให้ลองดูซักครั้งในชีวิต
แอบเอารูปน้องหมีที่ทางโรงแรมเลี้ยงไว้มาให้ดูค่ะ มองไม่เห็นเลย น้องหลับอยู่เลยไม่อยากรบกวนค่ะ
อย่างในรูปก็จะเห็นได้ว่าอาหารเพียบบบล้นโต๊ะมากๆเสิร์ฟเอาๆจนกว่าจะถึงของหวานจานสุดท้าย จุกไปหมด
อ่ะชนแก้วกันหน่อย ที่นี่พนักงานดูแลเอาใจใส่เราดีมากค่ะ ก่อนทานก็มีบริการถ่ายรูปให้(แบบหน้าเบลอ)
สภาพตาปิดกันทุกคน อ่ะคัมปายยยยยยย
พอกลับห้องมาก็มีคนปูที่นอนให้เรียบร้อย สบายที่สุดในโลกกก
ตื่นเข้ามาก็แวะไปแช่ออนเซ็นรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตี 4 อันนี้เราเอาโทรศัพท์ไปถ่ายมาตอนลงไปแช่ตอนเช้า
หาจังหวะไม่มีคนอยู่นานมาก วิวที่เราได้นั่งแช่ก็จะประมาณนี้ค่ะ สวยมากเลย ของจริงมันดีกว่านี้เยอะมาก ดูด้วยตายังไงก็ดีกว่าล้านเท่า!
ระหว่าวทางเดินก็จะวิวสวยๆประมาณนี้ ถ่ายรูปกันกระหน่ำไปเลยย
ก่อนจะรีบกลับไปเก็บของเพื่อ check-out ก่อน 09.30 น. เพื่อไปขึ้น shuttle bus กลับสถานีรถไฟ
บายยยยกลับแล้วน้า ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น