รีวิวรักษาอาการอกหักฉบับเก้งกวาง หายชัวร์ครับ

ผมถูกแฟนทิ้งมาช่วงหลังปีใหม่ประมาณ 10 วัน จริงๆก่อนจะเลิกกัน ผมทำใจมาสักพักแล้วครับ แต่พอเลิกกันจริงๆ อาการหนักมาก ปรากฎว่าทำใจไม่ได้เลยเธออออ  อาการหนักขนาดไหน ลองแวะไปดูกระทู้เก่าๆของผมได้ครับ ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ควรไปพบจิตแพทย์แต่ก็ไม่ได้ไปครับ ผมขอแบ่งทามไลน์ช่วงเฮิตหนักๆ
ช่วงที่ 1 ไม่ยอมรับความจริง
เป็นคนที่บลอคแฟนเก่าทุกวิถีทาง สุดท้ายก็ส่งข้อความทางไอจีไปง้อ ไม่ได้ผล ขอคืนดี แต่ แฟนบอกว่า ตั้งใจสอนหนังสือแบ่งเวลาดีดีนะ(ผมเป็นอาจารย์มหาลัยครับ แต่ประเด็นคือ ขอคืนดีนะเว่ย แต่ยังแอบซึ้งที่เค้าไม่กลับมาคืนดีก็จริง แต่ยังเป็นห่วงเราจนวินาทีสุดท้าย) เฮิตหนักขนาด กินอะไรไม่ลง ปิดเฟสบุค ปิดไอจี ปิดทวิตเตอ ลีฟออกจากกลุ่มเพื่อนทุกกลุ่มจนเพื่อน งง และหลังไมค์มาด่า แต่อารมณ์ตอนนั้น อยากขังตัวเองไม่อยากรับรู้ข่าวสารอะไร แม้แต่ข่าววัดพระธรรมกาย 55++

ช่วงที่ 2 แกมีใหม่ได้ช้านก็มีได้เฟร่ย
เริ่มได้ข่าวจากเพื่อนมาว่าเค้าเดทกับคนใหม่ คือเรื่องจริงหรือโคมลอยก็ไม่ได้สืบ แต่พอรู้ผมก็ชอคครับ เลิกกันไปไม่ถึงเดือนทำกะช้านได้งายวะ ผลคือ ร้องไห้ไปหนึ่งคืน ตอนนั้นเกิดปฏิบัติการป่วนโทรหาเพื่อนทุกคนที่มีชื่อในโทรศัพท์ หนักเข้าก็ไลน์ไปทักใครก้อไม่รู้เต็มไปหมดในไลน์ 55++ และประกาศลงไอจีเลยครับว่า โสดแล้วจีบได้ ลงรูปที่คิดว่าหล่อน่ารักที่สุด พร้อมแคปชั่นเสี่ยว ผลคือได้รับผลตอบรับดีเว่อมาก มีไลน์มาจีบ วุ่นวายไปหมด แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือ เออ เห็นมะชั้นมีคุณค่าเฟร้ย มีคนเห็นคุณค่าเราเยอะแยะไปหมด

ช่วงที่ 3 ออกเดทอย่างบ้าคลั่ง
ใช้คำว่าบ้าคลั่งนี่ได้เลยครับ ใครมาจีบไปกินข้าวดูหนังหมด แถมยังตั้งกระทู้หาแฟนในพันทิพย์ด้วยนะ หลังไมค์มาเยอะแยะตาแป๊ะ แต่ผลคือ มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ไม่รู้สึกรักใครเลย มีครั้งนึงไปดูหนังกับคนนึง ตอนกินข้าวเผลอเรียกชื่อแฟนเก่า ตอนดูหนังคนนั้นจับมือก็คิดว่าเป็นแฟนเก่า จนกลับมาบ้านแล้วถามตัวเอง ทำไปเพื่อไรฟระะะะ อีแฟนเก่านี่ก้อนะ ไม่เห็นจะหล่อเลย ไมถึงทำตรูเป็นไปได้ขนาดนี้(ขอโทษคนที่หลังไมค์มาช่วงนั้นทุกคนนะครับ)

ช่วงที่ 4 ตรัสรู้เห็นทางสว่าง
ช่วงนี้แหละครับ ที่เริ่มคิดได้ ว่าทั้งการอดข้าวอดน้ำ ปิดเฟส ปิดไอจี ออกเดทอย่างบ้าคลั่ง หนีออกจากสังคมเพื่อนมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ สุดท้ายก็กลับมาร้องไห้ก่อนนอนทุกวันอยู่ดี ตอนนั้นเริ่มไปคุยกับเพื่อนชะนีคนนึง ซึ่งเพื่อนก็โดนเทมาเหมือนกันครับ คุยกันทุกวันก็เลยใจเริ่มดีขึ้น เห็นว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่ทุกข์ใจบนโลกนี้ วันนั้น มองตัวเอง ก็รู้สึกว่า นอกจากเรื่องความรักที่ล้มเหลว เราโชคดีขนาดไหน ผมมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น คุณพ่อคุณแม่ที่รักเราอยู่ข้างๆตลอด ผมได้เรียนถึงปริญญาเอก แน่ล่ะ เพราะสอบได้ทุนเรียนด้วย แต่ค่ากินอยู่พ่อแม่ก็ต้องออกให้ทุกอย่าง ผมไม่เคยต้องลำบากอะไรเลย อยากเรียนก็ได้เรียน คนหลายคนอยากเรียนแต่มีภาระรอบตัวก็ไม่มีโอกาส งานการผมก็ดี อายุเพิ่ง 27 ปี ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มองไปรอบตัว คนตกงาน คนไม่มีจะกิน และอีกมากมาย แย่กว่าเราเยอะ (เริ่มมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ผมแนะนำคนที่อกหักทุกคนครับ ให้มองสิ่งดีดีที่ตัวเองมี เห็นคุณค่าของตัวเอง อะไรๆจะดีขึ้นครับ)

ช่วงที่ 5 ทางสายกลาง
หลังจากเริ่มคิดอะไรได้ วันนึงผมมีโอกาสได้ไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยแถวสนามหลวง หลังงานเสร็จผมขับรถกลับบ้าน เห็นคนเร่ร่อน คนจรจัด เด็กขายพวงมาลัย ช่วงกลางวันที่ร้อนมากๆ มีเด็กที่น่าจะอยู่มอปลาย เดินขายกล้วยทอด  ก็นึกขึ้นได้ว่า เรานี่หนอ เห็นตัวเองว่าทุกข์ใจเหลือเกินที่คนรักกันมาสามปีทอดทิ้งไป เรามีศักยภาพที่จะช่วยคนได้มากมาย (เริ่มเห็นใจคนที่แย่กว่า) เสาร์ อาทิตย์ถัดมา ตัดสินใจเสิชในกูเกิลว่า "อาสาสมัคร" งานอาสาสมัครเต็มเลย มีให้เลือกทำ ผมตัดสินใจใช้วันหยุดไปกับการ สอนหนังสือคนจรจัด (เนื่องจากปิดสื่อโซเชียลไปหมด ข้อดีคือ เราทำด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ได้ทำดีเพื่อโพ้สอวดใคร) ต่อมาก็ชวนเพื่อนชะนีที่อกหักเหมือนกันมาร่วมโปรเจคด้วย นางอ่านพันทิพบ่อยๆ เชื่อว่านางจะต้องเจอกระทู้นี่แน่ๆ (เรานัดกันไป แจกไอศครีม ผู้ป่วยที่ รพ ศรีธัญญา 18 มีนาคมนี้ เจอกันได้ครับ)

สำหรับคนที่อกหักในเวลานี้ทุกท่านนะครับ ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม ทางสายกลางนี่ช่วยได้จริงๆ อันดับแรกคือเราอย่าไปยึดมั่นถือมั่นครับว่า อะไรรอบตัวมันเป็นของเรา แม้แต่ตัวเรายังแก่ขึ้นทุกๆวัน เรายังบังคับร่างกายเราไม่ได้เลย แล้วกับหัวใจคนอื่น เราจะไปคาดหวังให้มันเหมือนเดิม คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมเข้าใจว่า เวลาเราโดนบอกเลิก เราจะรู้สึกเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยก แล้วรู้สึกว่า ทำไมเค้าไม่เห็นคุณค่าในตัวเราเลย ผมอยากบอกว่า แค่คนนึงไม่เห็นค่าของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีคุณค่านะครับ ลองไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคม ไปสอนหนังสือเด็กเร่ร่อน เลี้ยงไอศครีมคนในสถานสงเคราะห์ หรืองานอาสาใดใดก็ได้ เพื่อเป็นการลดอัตตาในตัวเรา เราจะรู้สึกว่าเรามีคุณค่ากับโลกใบนี้มหาศาลเลยนะครับ อ่อ แล้วที่สำคัญหาอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุขทำ ผมเองได้ค้นพบว่า ตอนผมเลคเชอร์นิสิตที่มหาวิทยาลัย ตอนทำวิจัย เขียนบทความวิชาการ ตอนไปนำเสนอผลงาน อะดรีนาลีนผมจะหลั่งออกมา และผมจะมีความสุขมาก ผมเลยรับงานมาทำเยอะมาก จนเพื่อนชะนีคนนั้นด่าผมว่า พอมั่งนะ เลิกรับงานแบบบ้าคลั่งสะที อ่อ หัวใจผมก็ไม่ได้ปิดตายนะครับ บอกแล้วว่าทางสายกลางครับ เราแค่ไม่พยายามดิ้นรนมากเกินไป ยังออกเดทบ้างถ้าว่าง เจอคนที่ใช่บ้าง ไม่ใช่บ้างสลับกันไป มีอยู่คนนึงที่เค้าบอกว่า จะรอจนกว่าผมจะหายดี ผมก็โอเคและขอบคุณเค้านะครับ ถือว่ามีเพื่อนเพิ่มมา ถึงในอนาคตผมจะไม่มีแฟนอีกเลย หรือหาไม่ได้ ผมว่าผมก็อยู่ได้ครับ แต่เชื่อว่า พระเจ้าไม่ใจร้ายกับผมหรอกครับ 55++ สักวันคงเจอ

สุดท้ายนี้ขอบคุณ พันทิพย์ ที่ทำให้ผมมีอะไรทำตอนที่ปิดเฟสบุค ขอบคุณเพื่อนชะนีคนนั้นด้วยครับ และสุดท้ายขอให้สิ่งที่ผมได้แบ่งปันวันนี้จะเป็นกำลังใจให้หลายๆคนนะครับ และสุดท้ายอยากบอกแฟนเก่า ที่ชื่อ ธนากร ว่า ขอบคุณกับสิ่งดีดีที่มีให้เสมอมา เราไม่เคยลืมเธอเลย และคงไม่คิดว่าจะลืมได้ และเราหวังว่า เธอจะมีความสุขกับทางที่เธอเลือกนะ ครั้งนึงเราเคยรักกันก็ดีมากๆแล้ว และชอบคุณสำหรับบทเรียนที่ทำให้เราโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่