ปกติแล้ว คนเราเป็นฝ่ายเลือกหนังสือที่จะหาอ่านใช่ไหมครับ
แต่เชื่อไหมครับว่า บางครั้ง หนังสือก็เป็นฝ่ายเลือกคนอ่านก็มี!
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผมครับ ในสมัยที่ผมขึ้นชั้นมัธยมต้นปีที่1 ( หรือที่เขาเรียกกัน ม.1 นั่นละ )
โรงเรียนที่ผมได้เข้าไปนั้น มีห้องสมุดที่ใหญ่และหนังสือที่เยอะมาก ซึ่งมันทำให้ผมเต็มใจเข้าไปขลุกตัวในนั้นตั้งแต่วันแรกพบ
เพราะสมัยประถมนั้น ผมก็มักใช้เวลาว่างกับหนังสือในห้องสมุดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ห้องสมุดสมัยเรียนประถมไม่ใหญ่มากนัก
จึงได้ไปขลุกตัวในหอสมุดแห่งชาติแทน โชคดีที่มันห่างจากโรงเรียนประถมผมไม่กี่ก้าว
ผมยังจำได้อย่างดี ตอนเลิกเรียนทุกๆวันในช่วงประถม ผมต้องเดินมาหอสมุดแห่งชาติ มาหาหนังสืออ่านทุกวัน
ขามาจะต้องผ่านราชภัฏอะไรสักอย่าง และขากลับต้องไปนั่งกิน mcdonald สาขาเทเวศน์กับเพื่อนๆ
นั่นก็เป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ดี เอาล่ะครับ เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนที่ผมเข้ามามัธยมใหม่ๆนั้น
จะมีหนังสือสามก๊กชุดหนึ่งในห้องสมุด จำนวนขนาด 60 เล่มจบ เป็นการ์ตูนครับ
เรียกได้ว่าฮิตในหมู่นักเรียนมาก ถ้าเราเดินเข้าไปที่แผนกชั้นวาง จะไม่พบหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เพราะถูกยืมไปหมดเกลี้ยง
ชั้นวางมันนี่โล่งตั้งแต่ผมได้เห็นมันครั้งแรกยันผมจบม.3 ได้อ่ะ
อาจจะด้วยความที่มันมีไม่เพียงพอต่อจำนวนคนอ่านด้วย รู้สึกว่า 60เล่ม จะมีแค่สองชุดเท่านั้น
เด็กที่จะยืมอ่าน ก็ต้องต่อคิวกันยาวมาก และได้อ่านไม่ครบเล่ม อ่านแบบข้ามเล่มไปมา บางคนได้คิวเล่ม 15 ก่อนก็ต้องอ่านเล่ม15
พออ่านจบ ได้ต่อคิวเล่ม 7 ก็ต้องย้อนมาอ่านเล่ม 7 อ่านข้ามไปๆมาๆ อ่านไม่ครบไม่ต่อเนื่อง ลักษณะจะเป็นอย่างนั้นกันครับ
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยโอกาสที่จะได้อ่านอย่างที่ว่ามา มันค่อนข้างยาก
และผมชอบอ่านเรียงเล่ม เรียงเนื้อเรื่องมากกว่า ก็เลยคงต้องรอต่อไป..
ปรากฏว่า มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมเดินไปเดินมาในห้องสมุด ผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าสามก๊กนี่ วางอยู่บนโต๊ะ โดยไร้คนสนใจ
ผมก็เลยรีบคว้ามาครับ มันเป็นเล่ม 1 พอดี ผมรู้สึกดีใจมาก อย่างน้อยได้อ่านสักเล่มละวะ แถมเป็นเล่มแรกด้วย
พออ่านจบ ผมก็ไปเสียบคืนที่ชั้นอันโล่งๆของมัน
หลายวันหลังจากนั้นครับ ผมเดินๆอยู่ดีๆ ผมก็เจอหนังสือสามก๊กอีก มันตกอยู่ที่พื้น ไม่ไกลจากหน้าห้องสมุดนัก
ก็เลยหยิบขึ้นมา ปรากฏว่า มันเป็นเล่ม 2 ครับ ผมดีใจมากที่ได้อ่านต่อเนื่อง
และแล้วไม่นานนัก หลังจากอ่านจบ ผมก็ได้เจอเพื่อนคนหนึ่งมันก็ยืมสามก๊กนี่มาอ่านจากห้องสมุดเหมือนกัน
ปรากฏว่าเป็นเล่ม 3 พอดี ผมเลยขอยืมจากมันต่อ
และต่อมา ใช่ครับ.. ผมเดินไปเจอเล่ม 4 วางอยู่
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมโชคดีแฮะ ได้อ่านต่อเนื่อง โดยที่แทบไม่ต้องรอคิวแบบคนอื่นเขา แถมได้อ่านแบบเรียงเล่มอีกตั้งหาก
แต่ความโชคดีของผมมันก็คงหมดแค่นี้ละครับ..
ผมเห็นสามก๊กวางอยู่บนโต๊ะอาจารย์เล่มหนึ่ง มองไม่ชัดว่าเล่มอะไร แต่ก็อยากอ่านมาก
แต่แล้ว ผมไม่กล้าเข้าไปขอครับ ผมเติบโตมากับอาจารย์ดุตลอด จึงเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกรงกลัวอาจารย์กลัวครูมากในช่วงนั้น
สุดท้าย เมื่ออาจารย์ลุกไปจากจุดนั้น ผมเดินผ่าน และมองไปที่หน้าปกมัน
..มันเป็นเล่ม 5 ครับ!
ผมไม่ได้แตะมัน ไม่ได้อ่านมัน และไม่เห็นหนังสือชุดนี้อีกเลยจนกระทั่งเรียนจบ ..
บางที จิตวิญญาณแห่งสามก๊กคงไม่ยอมรับคนที่ขาดความกล้าหาญอย่างผมในตอนนั้นก็ได้มั้งครับ
หลังจากผ่านช่วงมัธยมต้นไป ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์มากขึ้น จนเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ ถือไมค์ถือกระเป๋าให้คณะครูอาจารย์ทุกคาบ ไม่เหมือนวัยเด็กที่เกรงกลัวครูบาอาจารย์อีกต่อไปแล้ว แม้จะโดนดุโดนด่าเหมือนเดิมบ้างก็ตามที แฮะๆ แต่ก็รู้ว่า อาจารย์หลายๆคนมีความเป็นห่วงเป็นใย จึงสั่งสอนตักเตือนอยู่เสมอ
เรื่องของหนังสือนี่ ผมก็เจอเรื่องแปลกอีกเรื่องครับ
คือ มันจะมีหนังสือชุดหนึ่ง ฝรั่งเป็นคนเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แล้วขายไปได้ทั่วโลก
ปรากฏว่า มีคนไทยได้อ่านเยอะ ก็เอามาเขียนเป็นภาษาไทยหลายชุดหลายเวอร์ชั่นเต็มไปหมด
ก็มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็มานั่งคิดว่า เออ..ผมอยากอ่านต้นฉบับ อยากอ่านฉบับที่ฝรั่งคนนั้นเขียน
แล้วต่อมา ผมก็ได้ยินว่า ฉบับนี้เข้ามาขายที่ไทยแล้ว
ก็เฝ้าคิดในใจตลอด ว่าอยากอ่าน (สมัยนั้นหาข้อมูลในเน็ตยากซะด้วย)
ทีนี้ ก็มีอยู่วันหนึ่งครับ ผมไปเดินงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เดินไปเดินมานะครับ อยู่ๆ มันได้กลิ่นครับ
เป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน แต่มันรู้ขึ้นมาว่านี่เป็นกลิ่นหนังสือชุดนี้ชุดที่ผมตามหานี่แหละ
ผมก็เดินตามกลิ่นไป ดมกลิ่นตามทางไปเรื่อยๆ
จนมาถึงบูธขายหนังสือบูธหนึ่งครับ คือกลิ่นมันมาจากในบูธนี่แน่
ผมก็สูดกลิ่นตามจนมาหยุดอยู่หน้าชั้นแผงขายหนังสือ
กลิ่นมันมาจากตรงนี้นี่เอง ..
โอ้ มายก๊อดเลยครับ หนังสือฝรั่งที่ผมตามหาชุดนั้น มันอยู่ตรงนี้
ผมดีใจมากที่เรามีวาสนาต่อกัน
เพราะก่อนหน้านี้ผมไปเดินร้านหนังสือดังๆหลายร้าน ก็ไม่พานพบ
คือมันหายากมากๆ
แต่ในที่สุด ผมก็ได้มาครอบครองจนได้
เพราะตามกลิ่นมาเจอนี่แหละครับ!!
Terran 2/3/17
เชื่อไหม บางครั้งหนังสือก็เป็นฝ่ายเลือกคนที่จะได้อ่านมัน
แต่เชื่อไหมครับว่า บางครั้ง หนังสือก็เป็นฝ่ายเลือกคนอ่านก็มี!
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผมครับ ในสมัยที่ผมขึ้นชั้นมัธยมต้นปีที่1 ( หรือที่เขาเรียกกัน ม.1 นั่นละ )
โรงเรียนที่ผมได้เข้าไปนั้น มีห้องสมุดที่ใหญ่และหนังสือที่เยอะมาก ซึ่งมันทำให้ผมเต็มใจเข้าไปขลุกตัวในนั้นตั้งแต่วันแรกพบ
เพราะสมัยประถมนั้น ผมก็มักใช้เวลาว่างกับหนังสือในห้องสมุดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ห้องสมุดสมัยเรียนประถมไม่ใหญ่มากนัก
จึงได้ไปขลุกตัวในหอสมุดแห่งชาติแทน โชคดีที่มันห่างจากโรงเรียนประถมผมไม่กี่ก้าว
ผมยังจำได้อย่างดี ตอนเลิกเรียนทุกๆวันในช่วงประถม ผมต้องเดินมาหอสมุดแห่งชาติ มาหาหนังสืออ่านทุกวัน
ขามาจะต้องผ่านราชภัฏอะไรสักอย่าง และขากลับต้องไปนั่งกิน mcdonald สาขาเทเวศน์กับเพื่อนๆ
นั่นก็เป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ดี เอาล่ะครับ เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนที่ผมเข้ามามัธยมใหม่ๆนั้น
จะมีหนังสือสามก๊กชุดหนึ่งในห้องสมุด จำนวนขนาด 60 เล่มจบ เป็นการ์ตูนครับ
เรียกได้ว่าฮิตในหมู่นักเรียนมาก ถ้าเราเดินเข้าไปที่แผนกชั้นวาง จะไม่พบหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เพราะถูกยืมไปหมดเกลี้ยง
ชั้นวางมันนี่โล่งตั้งแต่ผมได้เห็นมันครั้งแรกยันผมจบม.3 ได้อ่ะ
อาจจะด้วยความที่มันมีไม่เพียงพอต่อจำนวนคนอ่านด้วย รู้สึกว่า 60เล่ม จะมีแค่สองชุดเท่านั้น
เด็กที่จะยืมอ่าน ก็ต้องต่อคิวกันยาวมาก และได้อ่านไม่ครบเล่ม อ่านแบบข้ามเล่มไปมา บางคนได้คิวเล่ม 15 ก่อนก็ต้องอ่านเล่ม15
พออ่านจบ ได้ต่อคิวเล่ม 7 ก็ต้องย้อนมาอ่านเล่ม 7 อ่านข้ามไปๆมาๆ อ่านไม่ครบไม่ต่อเนื่อง ลักษณะจะเป็นอย่างนั้นกันครับ
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจอยากอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยโอกาสที่จะได้อ่านอย่างที่ว่ามา มันค่อนข้างยาก
และผมชอบอ่านเรียงเล่ม เรียงเนื้อเรื่องมากกว่า ก็เลยคงต้องรอต่อไป..
ปรากฏว่า มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมเดินไปเดินมาในห้องสมุด ผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าสามก๊กนี่ วางอยู่บนโต๊ะ โดยไร้คนสนใจ
ผมก็เลยรีบคว้ามาครับ มันเป็นเล่ม 1 พอดี ผมรู้สึกดีใจมาก อย่างน้อยได้อ่านสักเล่มละวะ แถมเป็นเล่มแรกด้วย
พออ่านจบ ผมก็ไปเสียบคืนที่ชั้นอันโล่งๆของมัน
หลายวันหลังจากนั้นครับ ผมเดินๆอยู่ดีๆ ผมก็เจอหนังสือสามก๊กอีก มันตกอยู่ที่พื้น ไม่ไกลจากหน้าห้องสมุดนัก
ก็เลยหยิบขึ้นมา ปรากฏว่า มันเป็นเล่ม 2 ครับ ผมดีใจมากที่ได้อ่านต่อเนื่อง
และแล้วไม่นานนัก หลังจากอ่านจบ ผมก็ได้เจอเพื่อนคนหนึ่งมันก็ยืมสามก๊กนี่มาอ่านจากห้องสมุดเหมือนกัน
ปรากฏว่าเป็นเล่ม 3 พอดี ผมเลยขอยืมจากมันต่อ
และต่อมา ใช่ครับ.. ผมเดินไปเจอเล่ม 4 วางอยู่
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมโชคดีแฮะ ได้อ่านต่อเนื่อง โดยที่แทบไม่ต้องรอคิวแบบคนอื่นเขา แถมได้อ่านแบบเรียงเล่มอีกตั้งหาก
แต่ความโชคดีของผมมันก็คงหมดแค่นี้ละครับ..
ผมเห็นสามก๊กวางอยู่บนโต๊ะอาจารย์เล่มหนึ่ง มองไม่ชัดว่าเล่มอะไร แต่ก็อยากอ่านมาก
แต่แล้ว ผมไม่กล้าเข้าไปขอครับ ผมเติบโตมากับอาจารย์ดุตลอด จึงเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกรงกลัวอาจารย์กลัวครูมากในช่วงนั้น
สุดท้าย เมื่ออาจารย์ลุกไปจากจุดนั้น ผมเดินผ่าน และมองไปที่หน้าปกมัน
..มันเป็นเล่ม 5 ครับ!
ผมไม่ได้แตะมัน ไม่ได้อ่านมัน และไม่เห็นหนังสือชุดนี้อีกเลยจนกระทั่งเรียนจบ ..
บางที จิตวิญญาณแห่งสามก๊กคงไม่ยอมรับคนที่ขาดความกล้าหาญอย่างผมในตอนนั้นก็ได้มั้งครับ
หลังจากผ่านช่วงมัธยมต้นไป ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์มากขึ้น จนเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ ถือไมค์ถือกระเป๋าให้คณะครูอาจารย์ทุกคาบ ไม่เหมือนวัยเด็กที่เกรงกลัวครูบาอาจารย์อีกต่อไปแล้ว แม้จะโดนดุโดนด่าเหมือนเดิมบ้างก็ตามที แฮะๆ แต่ก็รู้ว่า อาจารย์หลายๆคนมีความเป็นห่วงเป็นใย จึงสั่งสอนตักเตือนอยู่เสมอ
เรื่องของหนังสือนี่ ผมก็เจอเรื่องแปลกอีกเรื่องครับ
คือ มันจะมีหนังสือชุดหนึ่ง ฝรั่งเป็นคนเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แล้วขายไปได้ทั่วโลก
ปรากฏว่า มีคนไทยได้อ่านเยอะ ก็เอามาเขียนเป็นภาษาไทยหลายชุดหลายเวอร์ชั่นเต็มไปหมด
ก็มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็มานั่งคิดว่า เออ..ผมอยากอ่านต้นฉบับ อยากอ่านฉบับที่ฝรั่งคนนั้นเขียน
แล้วต่อมา ผมก็ได้ยินว่า ฉบับนี้เข้ามาขายที่ไทยแล้ว
ก็เฝ้าคิดในใจตลอด ว่าอยากอ่าน (สมัยนั้นหาข้อมูลในเน็ตยากซะด้วย)
ทีนี้ ก็มีอยู่วันหนึ่งครับ ผมไปเดินงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เดินไปเดินมานะครับ อยู่ๆ มันได้กลิ่นครับ
เป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน แต่มันรู้ขึ้นมาว่านี่เป็นกลิ่นหนังสือชุดนี้ชุดที่ผมตามหานี่แหละ
ผมก็เดินตามกลิ่นไป ดมกลิ่นตามทางไปเรื่อยๆ
จนมาถึงบูธขายหนังสือบูธหนึ่งครับ คือกลิ่นมันมาจากในบูธนี่แน่
ผมก็สูดกลิ่นตามจนมาหยุดอยู่หน้าชั้นแผงขายหนังสือ
กลิ่นมันมาจากตรงนี้นี่เอง ..
โอ้ มายก๊อดเลยครับ หนังสือฝรั่งที่ผมตามหาชุดนั้น มันอยู่ตรงนี้
ผมดีใจมากที่เรามีวาสนาต่อกัน
เพราะก่อนหน้านี้ผมไปเดินร้านหนังสือดังๆหลายร้าน ก็ไม่พานพบ
คือมันหายากมากๆ
แต่ในที่สุด ผมก็ได้มาครอบครองจนได้
เพราะตามกลิ่นมาเจอนี่แหละครับ!!
Terran 2/3/17