กรณีหญิงธรรมกายเสียชีวิต ดรามาศพที่ 2 จากมาตรา 44 ฝั่งดีเอสไอยัน แพทย์ชันสูตรเสียชีวิต 5 ชั่วโมง แถมตอนไปที่ห้อง วัดล็อกประตูแฟลต ต้องพังประตูเข้าช่วยเหลือ แต่พบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว ด้านกู้ภัยและทหารยันไม่มีการกักรถ กู้ภัยปทุมธานีเหลืออด โพสต์ทวิตเตอร์เดือด อย่าเอาคนตายมาต่อรอง ยาหอบหืดใกล้หมดก็ต้องรู้ ถามป่วยตั้งแต่วันที่ 16 จริงไหม?
       
       จากกรณีที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตภายในวัดพระธรรมกาย คือ น.ส.พัฒนา เชียงแรง อายุ 48 ภูมิลำเนาจังหวัดพะเยา เป็นผู้ป่วยโรคหอบหืด อ้างว่า เสียชีวิตเพราะหน่วยกู้ชีพติดด่านตำรวจทหาร
       
       โจมตีว่า เป็นศพที่ 2 จากการใช้มาตรา 44 กำหนดให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติการตรวจค้นเพื่อจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและรับของโจร จากการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
       
       ท่ามกลางกระแสข่าว และชุดข้อมูลที่ถูกเผยแพร่แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งการเผยแพร่แชตสุดท้าย ที่อ้างว่า น.ส.พัฒนา ผู้ตายติดต่อหาเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ รวมไปถึงอินโฟกราฟิกที่อ้างว่า ทหารรอถามดีเอสไอก่อน เพราะทหารไม่มีอำนาจตัดสิน
       
       พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า 13.51 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้รับการประสานจากญาติเพื่อขอรถพยาบาลนำผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 48 ปี มีอาการหอบส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ประสานขอรถพยาบาลเพื่อไปรับผู้ป่วยกรณีดังกล่าว และได้ประสาน พระมหานพพร แต่ได้รับคำตอบว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว
       
       ดังนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จึงเดินทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุ พร้อม พระมหานพพร และพระสงฆ์อีก 1 รูป รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต เมื่อถึงที่พักซึ่งเป็นแฟลตของเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ตั้งอยู่เลียบคลองแอล ประตู 14 ในพื้นที่ 58 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุม พบ ร.ต.อ.อดิศักดิ์ คชศักดิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คลองหลวง เจ้าของคดีและแพทย์ที่ชันสูตรอยู่ก่อนแล้ว
       
       สอบถามเบื้องต้นแพทย์คาดว่าเสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง
       
       พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดี ในฐานะโฆษกดีเอสไอ ชี้แจงว่า 12.00 น. ชุดแรกเป็นเจ้าหน้าที่บริเวณคลองแอล ได้รับแจ้งจากหญิง 2 คนมาร้องขอ เจ้าหน้าที่พาไปประตู 7 ในเวลาเดียวกัน ศูนย์แพทย์ฉุกเฉินก็ได้รับแจ้งจากหญิงชื่อ “หมวย” ขอความช่วยเหลือไปยัง รพ.ปทุมธานี รถฉุกเฉินพร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางร่วมกับผู้แจ้งเหตุ 2 ราย ไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นตึกอยู่นอกวัด
       
       แต่ประตูล็อกกุญแจหมด ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากทางวัดก็ไม่สามารถเข้าไปได้
       
       โดยจุดเกิดเหตุห่างจากประตู 7 โดยใช้เวลาเดินทาง 10 - 15 นาที เมื่อขึ้นไปถึงห้องพัก ชั้น 4 พบว่า ประตูปิดล็อก เจ้าหน้าที่ต้องทำลายประตูเข้าช่วยเหลือ แต่พบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว จากนั้น มีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า เจ้าหน้าที่คัดกรองจนเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยไม่ทัน

http://manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9600000021516

มีการปล่อยข่าวว่า กู้ชีพชื่อรัตนเวช  จริงๆแล้ว รัตนเวช ไม่ใช่กู้ชีพ เป็นศูนย์อนามัยในธรรมกาย เท่านั้น หมวยเพื่อนผู้ตายก็ทำงานที่นี่ และหมวยก็ไม่ใช่กู้ชีพ

ลักษณะอย่างนี้ อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายโดยความยินยอมของใครบางคน ไม่งั้น จะล็อคประตูแฟลตทั้งหมดทำไม เพื่อไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันใช่มั้ย
งานนี้ คงจะต้องมี ฆาตกร แน่ๆ