ผมเริ่มต้นทริปนี้โดยการหาข้อมูลว่า ที่ไหนบ้างเน้อที่จะสามารถถ่ายทางช้างเผือกได้ แล้วก็บังเอิญเจอกับที่นี้ ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน ที่แค่ได้เห็นรูปก็สัมผัสได้เลยว่าที่นี้สวยมากๆ และทริปนี้ก็เริ่มต้นโดยใช้เวลาเตรียมตัวและตัดสินใจแค่สามวัน และพร้อมออกเดินทางโดยทันที

ผมออกเดินทางไปยังแม่ฮ่องสอนโดยใช้รถทัวร์ของสมบัติทัวร์ซึ่งมีบริการเส้นทางกรุงเทพ - แม่ฮ่องสอน และหลังจากมาถึงในตัวเมืองแล้วก็เช่ามอเตอร์ไซด์ ซึ่งจะมีร้านให้เช่าอยู่ตรงบริเวณหนองจองคำ โดยผมเช่าเป็นเกียร์ธรรมดาก็ราคาอยู่ที่ 180 บาทต่อวัน เพื่อใช้ขี่ตรงจากตัวเมืองไปยังปางอุ๋ง
ในช่วงเช้าผมก็ขี่ทัวร์ชมรอบตัวเมืองและขึ้นไปชมวิวเมืองกว้างๆบนยอดพระธาตุกองมูและพักดื่มกาแฟซะพักหลังจากนั้นก็เบิ่งมอเตอร์ไซด์มุงหน้าไปยังปางอุ๋งไปยังทางหลวง 1095 โดยอาศัย Google maps เอาตลอดเส้นทางครับ

ระหว่างทางก็แวะตามจุดต่างๆที่น่าสนใจอย่าง สะพานไม้ซูตองเป้ เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวบนบรรยากาศท้องทุ่งนา ซึ่งให้บรรยากาศที่สงบดี
และจากนั้นก็แวะไปต่อที่น้ำตกผาเสื่อซึ่งอยู่ไม่ห่างจากปางอุ๋งมากนัก แต่ช่วงที่ผมไปน้ำค่อนข้างน้อย เลยดูแล้งๆหน่อย


หลังจากแวะโน้นแวะนี้จนหนำใจแล้ว เป้าหมายหลักของผมก็คือรีบพุ่งตรงไปยังปางอุ๋งเลยเพื่อไปติดต่อจับจ้องพื้นที่เต้นท์ที่ได้ติดต่อเอาไว้ พอได้ที่พักเรียร้อยก็เดินเล่นรอบปางอุ๋งซะพัก และตั้งใจว่าจะแว่บไปบ้านรักไทยตอนเย็นซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากเลยเบิ่งมอไซด์ขี่ออกไป แต่ด้วยความซวยอะไรไม่รู้ทำให้จู่ๆมอเตอร์ไซด์ที่ขี่มาตลอดทางเกิดดับกลางคัน ที่นี้ก็ซวยเลยซิครับ ต้องรีบติดต่อให้ทางร้านเอารถมาเปลี่ยน เพราะตอนนั้นก็เริ่มเย็นมากเริ่มมืดแล้วด้วย แต่โชคยังดีที่ได้น้องๆที่ขี่ผ่านมาตรงนั้นยืนอยู่ด้วยเป็นเพื่อนเลยทำให้สบายใจขึ้นมาก
หลังจากได้มอเตอร์ไซด์กลับมาผมก็รีบเบิ่งกลับไปยังที่พักเพื่อเตรียมถ่ายดาวในช่วงหัวค่ำ และหลังจากนั้นก็รีบหลับพักผ่อนเพื่อที่จะได้ตื่นเช้ามาเตรียมตัวถ่ายทางช้างเผือกที่จะโผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้าก่อนจะรุ่งสาง

ผมตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ตี 4 ครึ่งเพื่อจะเริ่มถ่ายทางช้างเผือก หลังจากจัดแจงมุมเรียบร้อย ผมก็อยากได้รูปประมาณว่าคนถือส่องไฟฉายขึ้นไปส่องบนทางช้างเผือกแล้วจะถ่ายยังไงละ ก็เลยอาศัยการตั้งเวลาแล้วก็วิ่งไปให้ถึงที่หมายก่อนชัตเตอร์จะลั่นก็เลยได้รูปมาอย่างที่ต้องการ ไปคนเดียวมันก็เหงาแบบนี้แหล่ะ ฮาาา

หลังจากพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้วทุกคนในเต้นท์ก็เริ่มออกมาเดิน มาถ่ายรูปกันรอบๆบริเวณ หมอกจางๆก็ไหลไปตามอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศเหมือนอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน ถ้าให้เทียบที่นี้กับสถานที่ใดซะที่ที่ผมเคยไปในต่างประเทศคงให้ความรู้สึกเหมือน Hallstatt ที่ออสเตรียลเลยละ
แสงอาทิตย์เริ่มฉายแสงขึ้นมา บรรยากาศรอบตัวก็เหมือนถูกย้อมด้วยสีทองไปหมด
บรรยากาศยามเช้าผู้คนจะออกมาชมวิว ถ่ายรูป พายเรือกัน ซูดอากาศสดชื่นพร้อมวิวที่สวยและงดงามมากๆ

ที่สำคัญมาที่นี้อย่าลืมมาถ่ายน้องหงส์ด้วยละ ซึ่งเป็นหงส์พระราชทานจากสมเด็จพระราชินี คนดูแลโครงการบอกว่าจะมีตัวสีดำกับสีขาว แต่ในเช้าวันนี้ที่โผล่มาเจอแต่ตัวสีขาว ส่วนตัวสีดำอาจจะไปหลบอยู่ที่ไหนซะแห่ง
หงส์ผงาดดด
หงส์กับวิวบรรยากาศของปางอุ๋งมันฟินมากกก

หลังจากนั้นผมก็เดินถ่ายรูปเล่นบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำซะพักและก็ถึงเวลาร่ำลาปางอุ๋งสรวงสวรรค์บนเขาแห่งนี้ การมาคนเดียวครั้งนี้ทำให้ผมได้พบเจอประสบการณ์แสนวิเศษหลายอย่าง รวมทั้งได้พบเจอผู้คนมากมาย ทั้งลุงที่ดูแลอุทยานที่อุส่าต์ให้ผมยืมไฟฉายไปส่องดาว พี่ๆที่ไปเที่ยวกันที่อยู่นั่งคุยกันตอนกลางคืน พี่ที่อาสาแว๊นมอไซด์ไปเป็นเพื่อนกับผมเพื่อไปบ้านรักไทยในตอนเช้า และกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่เป็นเพื่อนผมตอนรถเสียกลางป่าเขา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปสั้นๆที่คุ้มค่าและประทับใจมากเลยครับ และอยากให้ทุกคนได้มาเยือนที่นี้เพราะลุงที่ดูแลอุทยานเขาว่าที่นี้อากาศดีตลอดปีนะเออ
ปล. อนึ่งรูปที่ผมถ่ายตัวเองทุกรูปใช้วิธีตั้งขาตั้งกล้องถ่ายเอาทุกรูปนะครับ 555

ข้อมูลการเดินทาง
การเดินทาง : อาศัยใช้ Google maps ตลอดเส้นทางเลยครับ เส้นทางขึ้นเขาอาจจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ยากมากครับ เพราะผมขี่มอเตอร์ไซด์ลุยขึ้นไปได้สบายๆครับ ^^

ที่พัก : ผมพักเต็นท์ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่โครงการได้ตามเบอร์นี้เลยครับ 080-847-8456 / 087-661-8594
อาหารการกิน : ในโครงการพระราชดำริปางอุ๋งจะมีชาวบ้านมาตั้งร้านค้าขายของอยู่ครับ ไม่ต้องห่วงเลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือเข้ามาคุยกันได้ที่เพจหรือ ig ได้นะครับ
Facebook : https://www.facebook.com/repeacediary/
Instagram : repeace.folio หรือ repeace.diary