ซิโก้ และสปอร์ต ฮีโร่
(คัดลอกมาบางส่วน)
อ่านทั้งหมด
คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/scoop/262265
หากดูจากการดำเนินการและผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา ของบริษัท สปอร์ตฮีโร่ จะพบว่าไม่ธรรมดา เพราะช่วงปี 2557 มีรายงานข่าวความสำเร็จของบริษัทชนิดที่ทำเอาตะลึง เพราะในรอบปี 2556 ปีเดียว ทำรายได้ 25 ล้านบาท!!
ทั้งนี้ บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด ซิโก้ก่อตั้งขึ้นมาร่วมกับอัสราภา ภรรยา เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด รวมทั้งประกอบกิจการผลิต จำหน่าย นายหน้าและตัวแทนสื่อโฆษณาทุกชนิด
มีที่ตั้งเลขที่ 29/19 หมู่ 7 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี มีผู้ถือหุ้นคือ นางอัสราภา เสนาเมือง 53% นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 48% และเป็นกรรมการ
“ซิโก้” เคยให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจว่า ที่ใช้ชื่อ “สปอร์ต” เพราะตัวเองเป็นนักกีฬาและทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา ส่วน “ฮีโร่” เพราะอยากเป็นเวทีให้ฮีโร่ได้แจ้งเกิด เลยตกผลึกชื่อ “สปอร์ต ฮีโร่”
สำหรับงานที่รับทำเช่น การสร้างสรรค์งานฟุตบอลทุกประเภท ผลิตรายการโทรทัศน์ โรงเรียนสอนฟุตบอล จัดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล ฟุตซอล และตะกร้อระดับประเทศและท้องถิ่น ถ่ายภาพนิ่งกีฬา ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์กีฬา ฯลฯ
นอกจากนี้ยังเคยเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักกิจกรรมฟุตบอล “ไทยพรีเมียร์ลีก 2010” ฟุตบอลนักเรียนชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร การแข่งขันตะกร้อไทยแลนด์ลีก ปี 2552 (เจ้าภาพ-กรุงเทพมหานคร) คลินิกฟุตบอลซิโก้ทิปส์ ทั่วประเทศไทย รายการโทรทัศน์ซิโก้ทิปส์ ฯลฯ
ที่สุดจากบริษัทเล็กๆ ที่คิดแค่จะสร้างเวทีให้เด็กเล่น กลายเป็นเอเยนซีรายใหญ่ คอยแนะนำลูกค้าให้มาสนับสนุนไทยลีก ก่อนขยับเป็นเอเยนซีให้แก่สโมสรฟุตบอลในเมืองไทยจนธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แค่ในปี 2556 เพียงปีเดียว พบว่ามีตัวเลขรายได้เกือบ 25 ล้านบาท โดยมีการแจ้งผลประกอบการปี 2556 รายได้ 24,950,849 บาท กำไรสุทธิ 3,456,926 บาท สินทรัพย์ 6,137,919 บาท
ต่อมาช่วงปี 2558 โค้ชซิโก้ และ “เปิ้ล” อัสราภา ภรรยาของเขา ผู้ถือหุ้นหลักอยู่ในบริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด ยังมีรายได้จากบริษัทถึง 44.88 ล้าน และยังมีรายได้เพิ่มจากการที่โค้ชซิโก้รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าอีกหลายๆ ตัว
มุมหนึ่งหลายคนพูดกันว่า ใช่สิ เพราะช่วงปี 2556 นั้นเอง เป็นช่วงที่บริษัทเข้ามารับหน้าที่ในการดูแลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากรายได้ช่วงปี 2555 ที่มีเพียง 4,626,316 บาท ขาดทุนสุทธิ 602,272 บาท แถมก่อนหน้านั้นก็เคยเจอเช็คเด้งเข้าจังเบอ จนต้องแถลงข่าวทั้งน้ำตามาแล้ว
พูดง่ายๆ ว่าบริษัทของเขาก็ดีขึ้นทันตาเห็น ทำให้ที่อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยชื่อดัง จอมตีลังกา ได้รับเสียงชื่นชมปรบมือว่าเขาก็มีความสามารถในการบริหารจัดการในฐานะนักธุรกิจกะเขาเหมือนกัน
ความสำเร็จของสปอร์ตฮีโร่ แยกไม่ออกจาก “โอกาส” และ “สัญญา” ที่ได้รับจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยุค “บังยี” วรวีร์ มะกูดี
แต่วันนี้ฟ้าเปลี่ยนสีที่สมาคมลูกหนังไทย “สัญญา” ก็ต่างจากเดิม เมื่อ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขบอลไทย บอก “สัญญาต้องเป็นสากล”
อีกด้านหนึ่งก็คงเถียงไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นด้วยความสามารถของซิโก้ และการบริหารจัดการของภรรยา คนที่เรารู้กันดีว่าเป็นนางพญาที่แกร่งและเก่งของจริงก็ว่าได้ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้เขาและภรรยาก็เหนื่อยมาไม่น้อย
ซึ่งงานนี้ซิโก้เคยเผยเคล็ดลับความสำเร็จในสนามธุรกิจ ว่า 1.ของแท้ต้องไม่ยืนด้วย “ไม้ค้ำ” ทำธุรกิจต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง ถ้ามีแต่คนคอยช่วยเหลือ มีแต่เส้นสาย จะไปได้ไม่ถึงไหน
2.ต้องโชว์ด้วยผลงาน มีผลงานคุณภาพ ใครๆ ก็อยากเรียกใช้ พร้อมจะให้งานอย่างต่อเนื่อง
3.ต้องมีกลยุทธ์ ต้องเริ่มจาก “สร้างโปรดักส์ที่ดี” ซึ่งโปรดักส์ที่ดีที่สุดของสมาคมฟุตบอล ก็คือ “นักเตะทีมชาติ” ต้องเริ่มจากสร้างแบรนด์ให้นักเตะ เปลี่ยนลุคให้เก่ง เท่ เนี้ยบ ถ้าทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ
เมื่อสมาคมลูกหนังยุค “บิ๊กอ๊อด” ต้องการเปลี่ยนสัญญาบางข้อ (ที่คอขาดบาดตาย) หรือพูดง่ายๆ ขอมีเอี่ยวกับการสร้างแบรนด์นักเตะทีมชาติ จึงทำให้สปอร์ตฮีโร่ ต้องคิดหนัก
เรื่องของ “สัญญา” จึงไม่เป็นสัญญาจนถึงนาทีนี้
ทำไมสมาคมฟุตบอลไทย ไม่จ้างบริษัทสปอตฮีโร่ ของพี่โก้ มาบริหาร แทนที่จะจ้างบริษัทฝรั่ง
(คัดลอกมาบางส่วน)
อ่านทั้งหมด
คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/scoop/262265
หากดูจากการดำเนินการและผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา ของบริษัท สปอร์ตฮีโร่ จะพบว่าไม่ธรรมดา เพราะช่วงปี 2557 มีรายงานข่าวความสำเร็จของบริษัทชนิดที่ทำเอาตะลึง เพราะในรอบปี 2556 ปีเดียว ทำรายได้ 25 ล้านบาท!!
ทั้งนี้ บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด ซิโก้ก่อตั้งขึ้นมาร่วมกับอัสราภา ภรรยา เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบกิจการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด รวมทั้งประกอบกิจการผลิต จำหน่าย นายหน้าและตัวแทนสื่อโฆษณาทุกชนิด
มีที่ตั้งเลขที่ 29/19 หมู่ 7 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี มีผู้ถือหุ้นคือ นางอัสราภา เสนาเมือง 53% นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 48% และเป็นกรรมการ
“ซิโก้” เคยให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจว่า ที่ใช้ชื่อ “สปอร์ต” เพราะตัวเองเป็นนักกีฬาและทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา ส่วน “ฮีโร่” เพราะอยากเป็นเวทีให้ฮีโร่ได้แจ้งเกิด เลยตกผลึกชื่อ “สปอร์ต ฮีโร่”
สำหรับงานที่รับทำเช่น การสร้างสรรค์งานฟุตบอลทุกประเภท ผลิตรายการโทรทัศน์ โรงเรียนสอนฟุตบอล จัดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล ฟุตซอล และตะกร้อระดับประเทศและท้องถิ่น ถ่ายภาพนิ่งกีฬา ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์กีฬา ฯลฯ
นอกจากนี้ยังเคยเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักกิจกรรมฟุตบอล “ไทยพรีเมียร์ลีก 2010” ฟุตบอลนักเรียนชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร การแข่งขันตะกร้อไทยแลนด์ลีก ปี 2552 (เจ้าภาพ-กรุงเทพมหานคร) คลินิกฟุตบอลซิโก้ทิปส์ ทั่วประเทศไทย รายการโทรทัศน์ซิโก้ทิปส์ ฯลฯ
ที่สุดจากบริษัทเล็กๆ ที่คิดแค่จะสร้างเวทีให้เด็กเล่น กลายเป็นเอเยนซีรายใหญ่ คอยแนะนำลูกค้าให้มาสนับสนุนไทยลีก ก่อนขยับเป็นเอเยนซีให้แก่สโมสรฟุตบอลในเมืองไทยจนธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แค่ในปี 2556 เพียงปีเดียว พบว่ามีตัวเลขรายได้เกือบ 25 ล้านบาท โดยมีการแจ้งผลประกอบการปี 2556 รายได้ 24,950,849 บาท กำไรสุทธิ 3,456,926 บาท สินทรัพย์ 6,137,919 บาท
ต่อมาช่วงปี 2558 โค้ชซิโก้ และ “เปิ้ล” อัสราภา ภรรยาของเขา ผู้ถือหุ้นหลักอยู่ในบริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด ยังมีรายได้จากบริษัทถึง 44.88 ล้าน และยังมีรายได้เพิ่มจากการที่โค้ชซิโก้รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าอีกหลายๆ ตัว
มุมหนึ่งหลายคนพูดกันว่า ใช่สิ เพราะช่วงปี 2556 นั้นเอง เป็นช่วงที่บริษัทเข้ามารับหน้าที่ในการดูแลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากรายได้ช่วงปี 2555 ที่มีเพียง 4,626,316 บาท ขาดทุนสุทธิ 602,272 บาท แถมก่อนหน้านั้นก็เคยเจอเช็คเด้งเข้าจังเบอ จนต้องแถลงข่าวทั้งน้ำตามาแล้ว
พูดง่ายๆ ว่าบริษัทของเขาก็ดีขึ้นทันตาเห็น ทำให้ที่อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยชื่อดัง จอมตีลังกา ได้รับเสียงชื่นชมปรบมือว่าเขาก็มีความสามารถในการบริหารจัดการในฐานะนักธุรกิจกะเขาเหมือนกัน
ความสำเร็จของสปอร์ตฮีโร่ แยกไม่ออกจาก “โอกาส” และ “สัญญา” ที่ได้รับจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยุค “บังยี” วรวีร์ มะกูดี
แต่วันนี้ฟ้าเปลี่ยนสีที่สมาคมลูกหนังไทย “สัญญา” ก็ต่างจากเดิม เมื่อ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขบอลไทย บอก “สัญญาต้องเป็นสากล”
อีกด้านหนึ่งก็คงเถียงไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นด้วยความสามารถของซิโก้ และการบริหารจัดการของภรรยา คนที่เรารู้กันดีว่าเป็นนางพญาที่แกร่งและเก่งของจริงก็ว่าได้ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้เขาและภรรยาก็เหนื่อยมาไม่น้อย
ซึ่งงานนี้ซิโก้เคยเผยเคล็ดลับความสำเร็จในสนามธุรกิจ ว่า 1.ของแท้ต้องไม่ยืนด้วย “ไม้ค้ำ” ทำธุรกิจต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง ถ้ามีแต่คนคอยช่วยเหลือ มีแต่เส้นสาย จะไปได้ไม่ถึงไหน
2.ต้องโชว์ด้วยผลงาน มีผลงานคุณภาพ ใครๆ ก็อยากเรียกใช้ พร้อมจะให้งานอย่างต่อเนื่อง
3.ต้องมีกลยุทธ์ ต้องเริ่มจาก “สร้างโปรดักส์ที่ดี” ซึ่งโปรดักส์ที่ดีที่สุดของสมาคมฟุตบอล ก็คือ “นักเตะทีมชาติ” ต้องเริ่มจากสร้างแบรนด์ให้นักเตะ เปลี่ยนลุคให้เก่ง เท่ เนี้ยบ ถ้าทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ
เมื่อสมาคมลูกหนังยุค “บิ๊กอ๊อด” ต้องการเปลี่ยนสัญญาบางข้อ (ที่คอขาดบาดตาย) หรือพูดง่ายๆ ขอมีเอี่ยวกับการสร้างแบรนด์นักเตะทีมชาติ จึงทำให้สปอร์ตฮีโร่ ต้องคิดหนัก
เรื่องของ “สัญญา” จึงไม่เป็นสัญญาจนถึงนาทีนี้