สวัสดีครับชาว Pantip ทุกท่าน
วันนี้ ผมจะขอมารีวิวการใช้งานกล้อง Sony A7Rii จากการใช้งานจริง 10 เดือน 5 ทริป จากใจสาวกค่ายเหลือง ครับ
ก่อนหน้านี้ใช้อะไร
ผมขอแนะนำตัวก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับ A7rii ผมเป็นสาวกกล้องค่ายเหลืองตัวจริงเลยครับ ผมใช้งานกล้องค่ายนี้มาตลอดไม่ว่าจะ D90, D300s, D700, D4 และตัวล่าสุดคือ D810 ซึ่งแต่ละตัวผมใช้งาน 1 นานและใช้งานหนักครับ (ตัวล่าสุดชัตเตอร์กดไปถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นครั้ง) สิ่งที่ชอบ Nikon มากคือ Dynamic Range และระบบโฟกัสครับ
เหตุผลที่ย้ายค่าย
ท้าวความก่อนว่า ทริปสุดท้ายกับกล้องค่ายเหลือง คือการที่ผมไปเที่ยวที่ Larung Gar และทาง มณฑลเสฉวน ประเทศจีนครับ การแบกกล้องทั้งเซ็ท รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ตลอด 10 – 11 วัน มันทรมานหลังเหลือเกิน
กระเป๋ากล้องผม รวมขาตั้งกล้องหนักรวมๆกันประมาณ 10-11 กิโลกรัม ต่างจากเพื่อนร่วมทริปบางท่านที่ใช้ Mirrorless ซึ่งดูจะเบาเสียเหลือเกิน และผมเริ่มปวดหลังครับ อาจจะเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะ ผมปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า กระเป๋ากล้องเวลาเราแบกน้ำหนักที่เยอะก็มีส่วนครับ ผมจึงเริ่มสนใจกล้องที่ตัวเล็กๆดูบ้าง
ภาพจาก google ครับ
ทำไมถึงเลือก Sony A7Rii
กล้องตัวล่าสุดที่ใช้งานคือ D810 ครับ เนื่องจากผมถ่ายภาพแนว Landscape ซะเป็นส่วนใหญ่ กล้องที่สนใจเลยเป็นกล้องที่มี DR ที่กว้างพอสมควร และขนาดไฟล์ที่ใหญ่ ซึ่ง Sony A7Rii นั้นตอบโจทย์ตรงนี้พอสมควรครับ ทำให้ผมสนใจกล้องตัวนี้มว๊ากกกกกก
กับอีกเหตุผลคือแก๊งค์ป้ายยาครับ ขยันชักชวน หนักข้อถึงกับยกกล้องให้ลองใช้ 1 วันเต็มๆในทริปนั้นเลยครับ ผมเอามาทดลองสักพักก็เริ่มชอบ แม้ว่าจะรูปร่างหน้าตาไม่บึกบึนและดูทนถึกอย่างกล้องค่ายเหลืองเลยก็ตาม
สัมผัสแรก
กล้องดูไม่ถึกเหมือน DSLR แต่ว่างานประกอบเนี๊ยบมากครับ ผมนำกล้องไปหุ้มสติ้กเกอร์เคฟล่าในส่วนที่สัมผัสพื้นเพื่อกันรอย แม้ว่าผมจะใส่ L Plate ตลอดเวลาก็ตาม
การใช้งานบางอย่างรู้สึกไม่สะดวกที่ต้องเข้า เมนู ครับ แต่โซนี่ก็ทำให้สะดวกมากขึ้น (แม้จะไม่สะดวกเท่า DSLR) คือเราสามารถ Custom ปุ่มได้ครับ เลือกตั้งปุ่มได้ทุกปุ่มบนกล้องเลยว่าจะให้ปุ่มไหนเข้าฟังชั่นไหนบ้าง ผมเลยลอง Custom ปุ่มตามที่ผมคิดว่าใช้งานสะดวกที่สุดครับ (แต่การเลื่อนจุดโฟกัสแม้จะ Custom แล้วก็ยังไม่สะดวกเท่า DSLR ครับ แต่ก็ได้ระดับ 90% จากของเดิมครับ)
หลังจากนั้น จัดเตรียมเลนส์และอุปกรณ์ต่างๆให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง เปลี่ยนกระเป๋ากล้อง และขาตั้งกล้อง (ลดไซส์ให้เล็กลง) ส่วนเลนส์มีครบช่วงเหมือนเดิม (ไวด์ นอมอล และเทเล) รวมถึงชุดอุปกรณ์ต่างๆก็ลดไซส์ลงจากเดิม เช่น ฟิลเตอร์ GND, ND, ND 10 สต๊อป เป็นต้นครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในกระทู้นี้จะเป็น
Sony A7Rii, Sony A6000, FE16-35 F4, FE24-70 F4, FE70-200 F4, FE 35 2.8, Samyang 14 2.8 ครับ
ทริปอินโดนีเซีย
ระบบโฟกัส และ ไดนามิคเรนจ์
หลังจัดเตรียมอุปกรณ์ครบไม่เกิน 15 วัน ลุยเลยครับ อินโดนีเซีย ทริปนี้ไป โบรโม, คาวาอิเจี้ยน และบุโรพุทโธ หลังจากลงเครื่องไปตากลมหนาวที่โบรโมทันทีเลย
ทริปนี้หลักๆผมพยายามปรับตัวเข้ากับกล้องใหม่ครับ
สิ่งที่หงุดหงิดเลยคือ “การโฟกัสในที่มืด” บางภาพที่มั่นใจมากๆว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนโฟกัสเข้าไม่มีปัญหา กับกล้องตัวใหม่ผมโฟกัสไม่ได้เลยครับในที่มืด หาโฟกัสไม่เจอ เลยต้องปรับมาใช้ แมนวลโฟกัส ซึ่งเหมือนโซนี่ก็แก้เกมส์ในเรื่องนี้มาดี
ระบบแมนวลโฟกัสดีงามพระรามเก้ามากๆ ทำให้พอจะได้ภาพจากทริปนี้มาบ้างครับ
แต่ถ้าตอนที่แสงเยอะ เช่นตอนกลางวัน นั้นระบบโฟกัสดีงามหายห่วงครับ
เร็ว และแม่นยำ ที่สำคัญจุดโฟกัสที่ให้มาเยอะมากกกกกกกกกกกก โฟกัสได้แทบจะทั้งจอสะดวกจริงๆ
สำหรับ Dynamic Range ของกล้องนั้นกว้างหายห่วงจริงๆ ได้อย่างที่ต้องการเลยครับ คุณภาพไฟล์ไม่ด้อยกว่า DSLR ตัวเก่าที่เคยใช้งานเลยครับ ในส่วนของ Noise นั้นในระดับ ISO เดียวกัน ผมมองว่าไม่แตกต่างเลย โซนี่ทำในจุดนี้ออกมาได้ดีอย่างที่ผมคาดหวังไว้เลยครับ
ทริปฮ่องกง
Application ต่างๆ
กลับจากอินโดนีเซียไม่นาน ก็มีคิวต้องไปฮ่องกง 1 สัปดาห์ ทริปนี้พาหมีเล็ก A6000 ไปด้วย และทั้งสองตัวก็ได้ลง Application Time Lapse สำหรับถ่ายภาพไทมแล็ปด้วย (กล้องโซนี่ เป็นกล้อง ดิจิตอล จริงๆเลย สามารถลงแอพลิเคชั่นต่างๆ ทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้นมากครับ)
สำหรับ App Time Lapse นั้นช่วยให้ผมถ่ายไทมแล็ปได้สะดวกขึ้นมาก (ตอนใช้ D810 ผมถ่ายไทมแลปพวก Day to Night โดยเปิด Smooth Exposure ช่วย แต่ก็ยังมีกระพริบ บ้าง) สำหรับ App Timelapse ช่วยให้ถ่ายไทมแล็ปทั้ง Day to Night โดยใช้ฟังชั่น Sunset หรือถ่าย Night to Day โดยใช้ฟังชั่น Sunrise สะดวกมากๆ ครับ เกลี่ยแสงดีงามแทบไม่เจอการกระพริบเลย
ทริปกวางโจว
Electronics View Finder
ช่วงปลายปี ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวถ่ายภาพที่กวางโจว หรือกวางเจา กวางเจาเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของจีน ที่คนไทยรู้จักดีครับ ทริปนี้เดินเยอะมาก แต่ไม่ปวดหลังเลย อีกสิ่งหนึ่งที่ทั้งชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับกล้องตัวนี้ คือ EVF : Electronic view Finder เจ้า
EVF ของ A7Rii นี้ทำให้ผมถ่ายภาพโดยแทบลืมการวัดแสงไปเลย คือเมื่อเราปรับค่าต่างๆ จอจะหรี่แสงหรือเพิ่มแสงตามค่าที่เราปรับ จนแทบจะเรียกว่าภาพจากจอที่เราเห็นกับภาพหลังกล้องแทบจะเป็นภาพเดียวกัน สำหรับผมที่ยังไม่มั่นใจระบบนี้นัก ก็เลยเปิดให้แสดง Histogram เพื่อดูประกอบด้วยครับ
อีกข้อดีที่ผมพบคือ เมื่อก่อนตอนใช้ DSLR เวลาผมใช้ ND 10 stop ผมจะต้องวัดแสงก่อนใส่ ND แล้วโฟกัสทิ้งไว้ เมื่อใส่ ND ก็จะคำนวนสปีดชัตเตอร์ที่เปลี่ยนไป เพื่อให้แสงเท่าเดิม
เช่นวัดแสงได้ 1/30 เมื่อใส่ ND แล้วจะต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ 30 วินาทีเพื่อให้แสงเท่าเดิม แต่พอมองที่วิวไฟน์เดอร์มันจะมืดสนิดนะครับ แต่พอใช้ EVF นั้น พอผมปรับสปีดชัตเตอร์ ภาพก็จะค่อยๆสว่างขึ้นมา อยากให้สว่างแค่ไหนก็ตามแต่จะปรับเลย ทำให้ผมแทบจะลืมการทดสต๊อปของสปีดชัตเตอร์ไปเลยทีเดียว
ส่วนข้อเสียคือ ในเวลากลางคืน EVF ยังตอบสนองไม่ดีนักครับ ไม่ชัดและจอจะมีน๊อยส์ขึ้นเยอะพอสมควรครับ ตรงนี้แพ้ viewfinder ของ DSLR ครับ
[CR] รีวิว Sony A7Rii : การใช้งานจริง 10 เดือน 5 ทริป การใจคนย้ายมาจากค่ายเหลือง
วันนี้ ผมจะขอมารีวิวการใช้งานกล้อง Sony A7Rii จากการใช้งานจริง 10 เดือน 5 ทริป จากใจสาวกค่ายเหลือง ครับ
ก่อนหน้านี้ใช้อะไร
ผมขอแนะนำตัวก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับ A7rii ผมเป็นสาวกกล้องค่ายเหลืองตัวจริงเลยครับ ผมใช้งานกล้องค่ายนี้มาตลอดไม่ว่าจะ D90, D300s, D700, D4 และตัวล่าสุดคือ D810 ซึ่งแต่ละตัวผมใช้งาน 1 นานและใช้งานหนักครับ (ตัวล่าสุดชัตเตอร์กดไปถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นครั้ง) สิ่งที่ชอบ Nikon มากคือ Dynamic Range และระบบโฟกัสครับ
เหตุผลที่ย้ายค่าย
ท้าวความก่อนว่า ทริปสุดท้ายกับกล้องค่ายเหลือง คือการที่ผมไปเที่ยวที่ Larung Gar และทาง มณฑลเสฉวน ประเทศจีนครับ การแบกกล้องทั้งเซ็ท รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ตลอด 10 – 11 วัน มันทรมานหลังเหลือเกิน กระเป๋ากล้องผม รวมขาตั้งกล้องหนักรวมๆกันประมาณ 10-11 กิโลกรัม ต่างจากเพื่อนร่วมทริปบางท่านที่ใช้ Mirrorless ซึ่งดูจะเบาเสียเหลือเกิน และผมเริ่มปวดหลังครับ อาจจะเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะ ผมปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า กระเป๋ากล้องเวลาเราแบกน้ำหนักที่เยอะก็มีส่วนครับ ผมจึงเริ่มสนใจกล้องที่ตัวเล็กๆดูบ้าง
ภาพจาก google ครับ
ทำไมถึงเลือก Sony A7Rii
กล้องตัวล่าสุดที่ใช้งานคือ D810 ครับ เนื่องจากผมถ่ายภาพแนว Landscape ซะเป็นส่วนใหญ่ กล้องที่สนใจเลยเป็นกล้องที่มี DR ที่กว้างพอสมควร และขนาดไฟล์ที่ใหญ่ ซึ่ง Sony A7Rii นั้นตอบโจทย์ตรงนี้พอสมควรครับ ทำให้ผมสนใจกล้องตัวนี้มว๊ากกกกกก
กับอีกเหตุผลคือแก๊งค์ป้ายยาครับ ขยันชักชวน หนักข้อถึงกับยกกล้องให้ลองใช้ 1 วันเต็มๆในทริปนั้นเลยครับ ผมเอามาทดลองสักพักก็เริ่มชอบ แม้ว่าจะรูปร่างหน้าตาไม่บึกบึนและดูทนถึกอย่างกล้องค่ายเหลืองเลยก็ตาม
สัมผัสแรก
กล้องดูไม่ถึกเหมือน DSLR แต่ว่างานประกอบเนี๊ยบมากครับ ผมนำกล้องไปหุ้มสติ้กเกอร์เคฟล่าในส่วนที่สัมผัสพื้นเพื่อกันรอย แม้ว่าผมจะใส่ L Plate ตลอดเวลาก็ตาม
การใช้งานบางอย่างรู้สึกไม่สะดวกที่ต้องเข้า เมนู ครับ แต่โซนี่ก็ทำให้สะดวกมากขึ้น (แม้จะไม่สะดวกเท่า DSLR) คือเราสามารถ Custom ปุ่มได้ครับ เลือกตั้งปุ่มได้ทุกปุ่มบนกล้องเลยว่าจะให้ปุ่มไหนเข้าฟังชั่นไหนบ้าง ผมเลยลอง Custom ปุ่มตามที่ผมคิดว่าใช้งานสะดวกที่สุดครับ (แต่การเลื่อนจุดโฟกัสแม้จะ Custom แล้วก็ยังไม่สะดวกเท่า DSLR ครับ แต่ก็ได้ระดับ 90% จากของเดิมครับ)
หลังจากนั้น จัดเตรียมเลนส์และอุปกรณ์ต่างๆให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง เปลี่ยนกระเป๋ากล้อง และขาตั้งกล้อง (ลดไซส์ให้เล็กลง) ส่วนเลนส์มีครบช่วงเหมือนเดิม (ไวด์ นอมอล และเทเล) รวมถึงชุดอุปกรณ์ต่างๆก็ลดไซส์ลงจากเดิม เช่น ฟิลเตอร์ GND, ND, ND 10 สต๊อป เป็นต้นครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในกระทู้นี้จะเป็น
Sony A7Rii, Sony A6000, FE16-35 F4, FE24-70 F4, FE70-200 F4, FE 35 2.8, Samyang 14 2.8 ครับ
ทริปอินโดนีเซีย
ระบบโฟกัส และ ไดนามิคเรนจ์
หลังจัดเตรียมอุปกรณ์ครบไม่เกิน 15 วัน ลุยเลยครับ อินโดนีเซีย ทริปนี้ไป โบรโม, คาวาอิเจี้ยน และบุโรพุทโธ หลังจากลงเครื่องไปตากลมหนาวที่โบรโมทันทีเลย
ทริปนี้หลักๆผมพยายามปรับตัวเข้ากับกล้องใหม่ครับ สิ่งที่หงุดหงิดเลยคือ “การโฟกัสในที่มืด” บางภาพที่มั่นใจมากๆว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนโฟกัสเข้าไม่มีปัญหา กับกล้องตัวใหม่ผมโฟกัสไม่ได้เลยครับในที่มืด หาโฟกัสไม่เจอ เลยต้องปรับมาใช้ แมนวลโฟกัส ซึ่งเหมือนโซนี่ก็แก้เกมส์ในเรื่องนี้มาดี ระบบแมนวลโฟกัสดีงามพระรามเก้ามากๆ ทำให้พอจะได้ภาพจากทริปนี้มาบ้างครับ
แต่ถ้าตอนที่แสงเยอะ เช่นตอนกลางวัน นั้นระบบโฟกัสดีงามหายห่วงครับ เร็ว และแม่นยำ ที่สำคัญจุดโฟกัสที่ให้มาเยอะมากกกกกกกกกกกก โฟกัสได้แทบจะทั้งจอสะดวกจริงๆ
สำหรับ Dynamic Range ของกล้องนั้นกว้างหายห่วงจริงๆ ได้อย่างที่ต้องการเลยครับ คุณภาพไฟล์ไม่ด้อยกว่า DSLR ตัวเก่าที่เคยใช้งานเลยครับ ในส่วนของ Noise นั้นในระดับ ISO เดียวกัน ผมมองว่าไม่แตกต่างเลย โซนี่ทำในจุดนี้ออกมาได้ดีอย่างที่ผมคาดหวังไว้เลยครับ
ทริปฮ่องกง
Application ต่างๆ
กลับจากอินโดนีเซียไม่นาน ก็มีคิวต้องไปฮ่องกง 1 สัปดาห์ ทริปนี้พาหมีเล็ก A6000 ไปด้วย และทั้งสองตัวก็ได้ลง Application Time Lapse สำหรับถ่ายภาพไทมแล็ปด้วย (กล้องโซนี่ เป็นกล้อง ดิจิตอล จริงๆเลย สามารถลงแอพลิเคชั่นต่างๆ ทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้นมากครับ)
สำหรับ App Time Lapse นั้นช่วยให้ผมถ่ายไทมแล็ปได้สะดวกขึ้นมาก (ตอนใช้ D810 ผมถ่ายไทมแลปพวก Day to Night โดยเปิด Smooth Exposure ช่วย แต่ก็ยังมีกระพริบ บ้าง) สำหรับ App Timelapse ช่วยให้ถ่ายไทมแล็ปทั้ง Day to Night โดยใช้ฟังชั่น Sunset หรือถ่าย Night to Day โดยใช้ฟังชั่น Sunrise สะดวกมากๆ ครับ เกลี่ยแสงดีงามแทบไม่เจอการกระพริบเลย
ทริปกวางโจว
Electronics View Finder
ช่วงปลายปี ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวถ่ายภาพที่กวางโจว หรือกวางเจา กวางเจาเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของจีน ที่คนไทยรู้จักดีครับ ทริปนี้เดินเยอะมาก แต่ไม่ปวดหลังเลย อีกสิ่งหนึ่งที่ทั้งชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับกล้องตัวนี้ คือ EVF : Electronic view Finder เจ้า EVF ของ A7Rii นี้ทำให้ผมถ่ายภาพโดยแทบลืมการวัดแสงไปเลย คือเมื่อเราปรับค่าต่างๆ จอจะหรี่แสงหรือเพิ่มแสงตามค่าที่เราปรับ จนแทบจะเรียกว่าภาพจากจอที่เราเห็นกับภาพหลังกล้องแทบจะเป็นภาพเดียวกัน สำหรับผมที่ยังไม่มั่นใจระบบนี้นัก ก็เลยเปิดให้แสดง Histogram เพื่อดูประกอบด้วยครับ
อีกข้อดีที่ผมพบคือ เมื่อก่อนตอนใช้ DSLR เวลาผมใช้ ND 10 stop ผมจะต้องวัดแสงก่อนใส่ ND แล้วโฟกัสทิ้งไว้ เมื่อใส่ ND ก็จะคำนวนสปีดชัตเตอร์ที่เปลี่ยนไป เพื่อให้แสงเท่าเดิม
เช่นวัดแสงได้ 1/30 เมื่อใส่ ND แล้วจะต้องใช้สปีดชัตเตอร์ที่ 30 วินาทีเพื่อให้แสงเท่าเดิม แต่พอมองที่วิวไฟน์เดอร์มันจะมืดสนิดนะครับ แต่พอใช้ EVF นั้น พอผมปรับสปีดชัตเตอร์ ภาพก็จะค่อยๆสว่างขึ้นมา อยากให้สว่างแค่ไหนก็ตามแต่จะปรับเลย ทำให้ผมแทบจะลืมการทดสต๊อปของสปีดชัตเตอร์ไปเลยทีเดียว
ส่วนข้อเสียคือ ในเวลากลางคืน EVF ยังตอบสนองไม่ดีนักครับ ไม่ชัดและจอจะมีน๊อยส์ขึ้นเยอะพอสมควรครับ ตรงนี้แพ้ viewfinder ของ DSLR ครับ