จขกท.ออกจาก ตม.เป็นคนสุดท้ายเลยค่ะเนื่องจากตัวจริงผมสั้น รูปในพาสปอร์ตผมยาว แถมคิ้วที่เขียนมาจากไทยก็เริ่มหลุดแล้ว ก็เลยต้องเปิดเฟสบุ๊คเพื่อยื่นยันถึงจะผ่าน เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูสัญญาลงนามยกเลิกวีซ่า ขอดูแค่ E-ticket อย่างเดียว หลังจากนั้น จขกท.ก็นั่งแอโรเอ็กซ์เพลสเข้าเมืองเหมือนกับรีวิวอื่นๆ 500 รูเบิ้ล ซึ่งขากลับ จขกท.นั่งรถบัสกลับถูกกว่าตั้งเยอะเลย

เช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 กระเหรี่ยงน้อยก็มาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเดินลากกระเป๋าไปโอสเทลซึ่ง ฝากกระเป๋าได้แต่เช็คอินไม่ได้ จขกท.ก็เลยไม่ได้จัดการกระเป๋าเงินของตัวเองก็เลยพกเงินไปหมดเลย หลักจากนั้นก็ออกนอกเมืองไปเที่ยวพระราชวังแคทเธอรีนต่อด้วยป้อมปีเตอร์แอดพอล
แล้วก็ขึ้นเมโมรเพื่อที่จะกลับโฮสเทล ระหว่างที่จขกท.ก้าวเข้าประตูเมโทร ทันใดนั่นเอง.....ก็มีแรงพลักมาจากด้านหลังแล้วได้ยินเสียงผู้ชายพูดภาษารัสเซียคงประมาณว่าขอโทษ ตอนนั้นใจของจขกท.ลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วคะ หันเอากระเป๋ามาดูซึ่งจริงๆแล้วจะมีกุญแจล็อกซิบไว้แต่คงดันลืมล็อกตอนที่หยิบบัตรเมโทรขึ้นมา ตอนนั้นกระเป๋าตังค์ของจขกท.หายไปแล้ว ความรู้สึกแรกไม่รู้จะทำไงนั่งกลับไปที่สถานีเดิมแล้วเดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่นั่งดูจอกล้องวงจรปิดตรงที่บันใดขึ้นลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจที่เราสื่อสารแต่คุยกับเราไม่ได้จึงตะโกนถามคนแถวนั้นประมาณว่าใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง แล้วก็มีผู้หญิงเดินมาบอกให้ขึ้นไปแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอตำรวจ เราก็ทำตามค่ะ แต่ไม่พบใคร ตอนนั้นก็เลยติดต่อกับพี่แอดมินเพจเที่ยวรัสเซียค่ะ ซึ่งพี่เขาก็พยายามที่จะช่วยเหลือเรา บอกให้เราใจเย็นๆแล้วกลับไปที่พักก่อน ตอนนั้นใจเราลอยมากนั่งรถไฟเลยสถานทีแล้วยื่นดูแผนที่สักพักก็มีสาวสวยเช้ารัสเซียเข้ามาถามเป็นภาษาอังกฤษค่ะว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เราก็บอกไปค่ะว่าฉันจะกลับโอสเทล ฉันโดนล้วงกระเป๋าไม่รุ้จะทำไง สาวสวยรัสเซียใจดีก็พาเราไปหากับตำรวจประจำเมโทรค่ะ // เดี๋ยวมาต่อน่ะคะ อย่าเพิ่งด่ากระเหรี่ยงน้อยน๊า