เรื่องของเรื่องคือว่าแต่งงานมีลูกแล้ว เลิกกับแฟนคะ พอดีที่ทำงานก็มีทอมมาทำงานใหม่พอดี ทำแผนกเดียวกัน เขามาเป็นผุ้ช่วยเรา เงินเดือนน้อยกว่าเราครึ่งหนึ่งคะ เนื่องด้วยทำงานด้วยกันเลยใกล้ชิดกันเลยสนิทกัน เราเลยเริ่มคิดไม่ซื่อแล้ว 555 แต่ทอมมีแฟนอยู่แล้วนะคะ พอเริ่มคุยกับเขาไปมาเลยเริ่มคบกัน แล้วเขาก็เลิกกับแฟนมาคบเราจริงจัง เราก็เลยจริงจังบ้าง เขาเลยย้ายมาอยู่กับเราผ่านไป 3 ปี  ตลอดเวลาที่คบกัน อยู่ด้วยกัน  ก็เริ่มเปิดร้านกาแฟ เขาก็พาไปติดต่อโน่น นี่นั่น ทุกอย่าง แต่ทุนทั้งหมดเราเป็นคนออกหมด เขาบอกไม่มีตังค์ รายรับเราจะมีเยอะกว่าเขาหลายอยู่ ค่าเช่าบ้านเราก็เป็นคนออก ค่ากิน 80 % เราเป็นคนออก เพราะเขาบอกต้องส่งเงินให้แม่ เราก็คิดว่าเออ ๆ เขาก็ช่วยร้านกาแฟ และเริ่มเปิดขายของกินอีกร้าน(ทุนเราเหมือนเดิม) รายได้ 2 ร้านก็ประมาณ 3-4 หมื่นต่อเดือน (ตอนเย็นจะขายกันเองคะ เรากับเขา เพราะกลางวันทำงานประจำ) ก็จะมีไปเที่ยว ตปท เราก็จะเป็นคนออกหมดเลย ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น...... ทั้งตั๋ว ที่พัก อาหาร พ็อกเก็ตมันนี่ บลา....บางทีเราก็คิดนะว่าเราจ่ายเยอะไปไหม ก็ได้แค่คิดนะคะ   พอขึ้นปีที่ 4 เราจะซื้อบ้านเราถามว่ากู้ร่วมกับเราได้ไหม เขาก็บอกเขาจะกู้ทำบ้านที่ ตจว อยู่ เราก็เลย เออ เอาว่ะกุ้คนเดียวก็ได้อ่ะ แล้วเราก็เริ่มผ่อนบ้านเองคนเดียว เขาจะมีหน้าที่จ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ ซึ่งเราก็ไม่รู้นะว่าเขาใช้เงินส่วนตัวไหม เพราะเงินขายของเราจะเก็บใส่กล่องไว้ เราเลยไม่อยากจุกจิก แต่พอมาวันนี้ ณ จุดนี้ เราก็คิดนะว่าเราควรพอหรือยังกับภาระค่าใช้จ่ายนี้ หรือเราคิดมากไปกับค่าใช้จ่าย หรือเราเป็นชะนีเปย์ ลืมบอกอีกพวกค่าเครื่องใช้ในบ้าน ของเขาเอง เสื้อผ้า รองเท้า (แบรนระดับกลาง อดิดาส ไนกี้ ลีวาย์ ประมาณนี้ เราก็เป็นคนจ่ายส่วนมาก มากที่สุด เราควรเปย์ต่อไปหรือควรหยุด  เรื่อง เที่ยว ตปท เราเป็นคนอยากไป ถ้าไปคนเดียวก็ไม่มีเพื่อน เวลาซื้อของเราก็ต้องซื้อให้เขาด้วยเอง เฮ้อออออ ตอบที