สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะมาพาทุกคนไปดูพิพิธภัณฑ์คุกเกาหลีชื่อ Seodaemun Prison History Hall (ซอแดมุน) ก่อนจะนั่งรถไฟไปต่อหาอะไรกินย่านอินซาดงกันค่ะ ดังนั้นกระทู้นี้จะยาวหน่อยนะคะ เราพิมพ์เตรียมในเวิร์ดแล้วปาไปเก้าหน้าค่ะ 555
คือตัวเรานี่ไม่ได้เป็นคนอยากไปค่ะแต่น้องอีกคนชวนไปก็เลยใจง่าย เออ ไปดูกัน กว่าจะออกก็ครึ่งบ่ายแล้วแต่พิพิธภัณฑ์ปิดห้าโมงไม่เป็นไร น่าจะมีเวลาเดินพอ เวลาจะไปพวกพิพิธภัณฑ์เกาหลีนี่อันดับแรกเลยให้ดูวันปิดก่อนนะคะไปเก้อจะใสเจีย แต่เท่าที่ดูเหมือนส่วนใหญ่จะปิดวันจันทร์กันนะคะ ค่าเข้าสนนราคาที่ 3,000 วอนสำหรับผู้ใหญ่ ใครพาเด็กพาคนแก่ไปก็ดูราคาในเว็บค่ะ แล้วที่เราแปลกใจคือถ้าเป็นคนแถวนี้หรือเรียนโรงเรียนแถวนี้ได้ลดราคาตั๋วครึ่งหนึ่งเลยค่ะคุณณณณณณ (คือราคามันก็ไม่ได้แพงอะไรมากเลยแปลกใจว่ามีโปรดึงดูดคนงี้เลย 555)
เว็บ =>
http://english.visitkorea.or.kr/enu/ATR/SI_EN_3_1_1_1.jsp?cid=268143
วิธีการมานี่ง่ายมากค่ะ ใครเบื่อพวกวังเคียงบ็อกกุงแล้วจะแยกทางกับเพื่อนนั่งรถมาที่สถานี Dongnimmun สายสามสีส้มทางออก 5 ขึ้นมาหันไปซ้ายมือเดินขึ้นเดินนิดเดียวเปิดน้ำดื่มหนึ่งอึกถึงแล้วจ้า (กรุณาอย่าจำชื่อสถานีปนไปดงแดมุนมิเช่นนั้นท่านจะได้ไปละลายทรัพย์แทน ตอนมาอยู่นี่ใหม่ๆ อีนี่เคยเสร่อจะไปดงแดมุนแต่นั่งเม้าท์กับน้องเพลินๆ ได้ยินชื่อสถานีดงนิมมุนตาลีตาเหลือกลงมากัน....)
(ในการรีวิวคุกนี้จะมีการพูดถึงความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณนะคะ) โอเค ความรู้สึกแรกพอมาถึงก็เจอป้อมปราการกำแพงสีแดงอิฐสูงมีหอคอยเอาไว้ส่องนักโทษ ประตูเหล็กให้ความรู้สึกว่าเออนี่มันคุกจริงด้วยและประทับใจว่าคู่รักเกาหลีวัยเอ๊าะสองคนที่เดินนำหน้านี่มันตั้งใจหาที่มาเดตกันเนอะ...สงสัยมากว่าไอเดียใครคะที่ชวนว่าตะเองงงงงเดตหน้าเค้าอยากไปดูคุกล่ะ (แต่คิดอีกทีก็ดีนะ หาความรู้ดี)
เพราะที่นี่เคยเป็นคุกจริงๆมาก่อนเลยมีหลายตึกค่ะ ตึกแรกที่เราเข้าไปชั้นบนจะเป็นประวัติศาสตร์ให้อ่านก่อนว่าสมัยก่อนที่นี่เป็นคุกที่ญี่ปุ่นใช้ขังและทรมานนักโทษเกาหลีที่พยายามปฏิวัติ (Independence activist) สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งค่ะ จุดเริ่มต้นของคุกนี้คือปี 1908 และถูกใช้งานจนถึงปี 1967 นักโทษที่เหลือถึงได้ย้ายไปที่อื่นแทนค่ะ ตอนแรกก็จับมาหลักร้อยค่ะแล้วก็ขยายจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 3,000 คน
คืออ่านไป ๆ หันมาคุยกับน้องว่าที่นี่นี่มันปลูกฝังให้เกลียดญี่ปุ่น ๆ มาก คือไม่ใช่ว่าเราจะบอกว่าญี่ปุ่นตอนนั้นดีนะคะแต่คำอธิบายทุกอย่างมันแฝงความเกลียดชังสุด ๆ รวมถึงการที่วันที่เราไปมีครอบครัวพาเด็กน้อยวัยอนุบาลและประถมมาเยอะมากค่ะ บางบ้านพ่ออธิบายให้ลูกประถมต้นฟังแม่ก็อุ้มน้องเล็กเบบี๋แบเบาะไปจนเราแบบ เฮ้ยยยยย ที่นี่มันใช่ที่จะพาเด็กเล็ก ๆ แบบนี้มาจริงเหรอคะคุณพ่อคุณแม่??? ตอนแรกเราไม่รู้นะว่าที่นี่มันเป็นคุกจริง ๆ มาก่อนจนได้มายืนอ่านประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นสร้างตัวตึกขึ้นมาใหม่แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ามีคนถูกทรมานจนตายที่นี่เยอะมากมันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ ๆ สมควรพาเด็กเล็กมาเลย (โอเคตรงนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลดังนั้นใครไม่เชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้ก็ปล่อยผ่านไปนะคะ)
พอออกจากห้องประวัติศาสตร์เจอกับห้องสีขาวที่มีรูปคนเป็นร้อยเป็นพันแปะอยู่ซึ่งทั้งหมดนี่คือคนที่เคยถูกขังที่นี่ ปะปนทั้งชายหญิงเด็กคนแก่ บางช่องมีแต่ชื่อไม่มีรูปก็มีค่ะ แล้วก็ห้องนี้นี่แหละที่เรากับน้องดูกันได้นิดเดียวก็รีบออกไปห้องต่อไปโดยไม่นัดหมาย มาคุยกันทีหลังคือต่างคนต่างรู้สึกอึดอัดทั้ง ๆ ที่เป็นห้องสีขาวที่โล่งและสว่างมาก คนเกาหลีคนอื่น ๆ ก็มีแท้ ๆ
[CR] [ครึ่งวันในเกาหลีใต้] พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์คุกเกาหลีต่อด้วยทานข้าวที่อินซาดง
คือตัวเรานี่ไม่ได้เป็นคนอยากไปค่ะแต่น้องอีกคนชวนไปก็เลยใจง่าย เออ ไปดูกัน กว่าจะออกก็ครึ่งบ่ายแล้วแต่พิพิธภัณฑ์ปิดห้าโมงไม่เป็นไร น่าจะมีเวลาเดินพอ เวลาจะไปพวกพิพิธภัณฑ์เกาหลีนี่อันดับแรกเลยให้ดูวันปิดก่อนนะคะไปเก้อจะใสเจีย แต่เท่าที่ดูเหมือนส่วนใหญ่จะปิดวันจันทร์กันนะคะ ค่าเข้าสนนราคาที่ 3,000 วอนสำหรับผู้ใหญ่ ใครพาเด็กพาคนแก่ไปก็ดูราคาในเว็บค่ะ แล้วที่เราแปลกใจคือถ้าเป็นคนแถวนี้หรือเรียนโรงเรียนแถวนี้ได้ลดราคาตั๋วครึ่งหนึ่งเลยค่ะคุณณณณณณ (คือราคามันก็ไม่ได้แพงอะไรมากเลยแปลกใจว่ามีโปรดึงดูดคนงี้เลย 555)
เว็บ => http://english.visitkorea.or.kr/enu/ATR/SI_EN_3_1_1_1.jsp?cid=268143
วิธีการมานี่ง่ายมากค่ะ ใครเบื่อพวกวังเคียงบ็อกกุงแล้วจะแยกทางกับเพื่อนนั่งรถมาที่สถานี Dongnimmun สายสามสีส้มทางออก 5 ขึ้นมาหันไปซ้ายมือเดินขึ้นเดินนิดเดียวเปิดน้ำดื่มหนึ่งอึกถึงแล้วจ้า (กรุณาอย่าจำชื่อสถานีปนไปดงแดมุนมิเช่นนั้นท่านจะได้ไปละลายทรัพย์แทน ตอนมาอยู่นี่ใหม่ๆ อีนี่เคยเสร่อจะไปดงแดมุนแต่นั่งเม้าท์กับน้องเพลินๆ ได้ยินชื่อสถานีดงนิมมุนตาลีตาเหลือกลงมากัน....)
(ในการรีวิวคุกนี้จะมีการพูดถึงความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณนะคะ) โอเค ความรู้สึกแรกพอมาถึงก็เจอป้อมปราการกำแพงสีแดงอิฐสูงมีหอคอยเอาไว้ส่องนักโทษ ประตูเหล็กให้ความรู้สึกว่าเออนี่มันคุกจริงด้วยและประทับใจว่าคู่รักเกาหลีวัยเอ๊าะสองคนที่เดินนำหน้านี่มันตั้งใจหาที่มาเดตกันเนอะ...สงสัยมากว่าไอเดียใครคะที่ชวนว่าตะเองงงงงเดตหน้าเค้าอยากไปดูคุกล่ะ (แต่คิดอีกทีก็ดีนะ หาความรู้ดี)
เพราะที่นี่เคยเป็นคุกจริงๆมาก่อนเลยมีหลายตึกค่ะ ตึกแรกที่เราเข้าไปชั้นบนจะเป็นประวัติศาสตร์ให้อ่านก่อนว่าสมัยก่อนที่นี่เป็นคุกที่ญี่ปุ่นใช้ขังและทรมานนักโทษเกาหลีที่พยายามปฏิวัติ (Independence activist) สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งค่ะ จุดเริ่มต้นของคุกนี้คือปี 1908 และถูกใช้งานจนถึงปี 1967 นักโทษที่เหลือถึงได้ย้ายไปที่อื่นแทนค่ะ ตอนแรกก็จับมาหลักร้อยค่ะแล้วก็ขยายจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 3,000 คน
คืออ่านไป ๆ หันมาคุยกับน้องว่าที่นี่นี่มันปลูกฝังให้เกลียดญี่ปุ่น ๆ มาก คือไม่ใช่ว่าเราจะบอกว่าญี่ปุ่นตอนนั้นดีนะคะแต่คำอธิบายทุกอย่างมันแฝงความเกลียดชังสุด ๆ รวมถึงการที่วันที่เราไปมีครอบครัวพาเด็กน้อยวัยอนุบาลและประถมมาเยอะมากค่ะ บางบ้านพ่ออธิบายให้ลูกประถมต้นฟังแม่ก็อุ้มน้องเล็กเบบี๋แบเบาะไปจนเราแบบ เฮ้ยยยยย ที่นี่มันใช่ที่จะพาเด็กเล็ก ๆ แบบนี้มาจริงเหรอคะคุณพ่อคุณแม่??? ตอนแรกเราไม่รู้นะว่าที่นี่มันเป็นคุกจริง ๆ มาก่อนจนได้มายืนอ่านประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นสร้างตัวตึกขึ้นมาใหม่แต่ข้อเท็จจริงที่ว่ามีคนถูกทรมานจนตายที่นี่เยอะมากมันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ ๆ สมควรพาเด็กเล็กมาเลย (โอเคตรงนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลดังนั้นใครไม่เชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้ก็ปล่อยผ่านไปนะคะ)
พอออกจากห้องประวัติศาสตร์เจอกับห้องสีขาวที่มีรูปคนเป็นร้อยเป็นพันแปะอยู่ซึ่งทั้งหมดนี่คือคนที่เคยถูกขังที่นี่ ปะปนทั้งชายหญิงเด็กคนแก่ บางช่องมีแต่ชื่อไม่มีรูปก็มีค่ะ แล้วก็ห้องนี้นี่แหละที่เรากับน้องดูกันได้นิดเดียวก็รีบออกไปห้องต่อไปโดยไม่นัดหมาย มาคุยกันทีหลังคือต่างคนต่างรู้สึกอึดอัดทั้ง ๆ ที่เป็นห้องสีขาวที่โล่งและสว่างมาก คนเกาหลีคนอื่น ๆ ก็มีแท้ ๆ