ในการแถลงการณ์ อันดับแรกพระอาจารย์สนิทวงศ์ขอให้ทุกๆท่านยืนไว้อาลัย และนึกส่งบุญให้แก่ผู้จากไปก่อน แล้วจึงเริ่มการแถลงการณ์
ทางวัดและคณะศิษย์ขอแสดงความเสียใจ คุณลุงและครอบครัวของลุง ท่านเป็นชาวบ้านทั่วไปที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการม.44 และอึดอัดจาการที่พระพุทธศาสนาโดนย่ำยี
พร้อมยืนยันไม่ใช่วิธีการของวัด ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น และเมื่อทราบตอนแรกก็ขอให้คุณลุงยกเลิกความคิดดังกล่าว โดยพระสงฆ์ก็ได้พูดขอร้องและเกลี้ยกล่อมไม่ให้ตัดสินใจแบบนั้น แต่เหตุการณ์สลดก็เกิดขึ้น แนวทางวัดสวดมนต์นั่งสมาธิเจริญสติปัญญาและกระทำมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามก็ขอสรรเสริญจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่ใช่ม่แต่เพื่อบุคคลทั่วไป เพื่อวัด และเพื่อหลวงพ่อ แต่จิตใจที่ยึดมั่นในความถูกต้อง ในความยุติธรรม เมื่อเป็นว่าพระพุทธศาสนาถูกย่ำยีท่านคงทนไม่ได้ จึงเกิดเรื่องที่ไม่สบายใจของทุกท่าน ทางวัดและลูกศิษย์ส่วนหนึ่งก็จะไปร่วมงาน ร่วมบุญและร่วมงานสวดอภิธรรม
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความห่วงใยว่า การกระทำของลุงอยู่นอกเขตวัด ตรงข้ามพื้นที่เขตวัด ทราบข้อมูลล่าช้า เพราะการสืท่อสารไม่สะดวกมากๆ ทราบแต่ว่าลุงขึ้นเสาสูงเท่านั้น พยายามตามข้อมูลก็ไม่ชัดเจน ที่ทราบคือลุงน่าจะให้เวลา 3 ชม.ในการตัดสินใจ ไม่ได้หุนหัน งมงาย เป็นการพิจารณาของลุงเองแล้ว ที่สำคัญก็เขียนในป้ายว่าขอความกรุณารัฐบาล
ไม่ได้ข่มขู่ แต่ขอความเห็นใจรัฐบาล ท่านนายกเอง ทั้งพลเอกสรรเสริญ กรุณาอย่าโยนบาป มาที่วัด ที่ระบุว่าใช้ศรัทธาของญาติโยมมาทำในเรื่องนี้ วัดไม่รู้เรื่อง ทั้งยังคัดค้าน และยังเกลี้ยกล่อมอย่างใช้เวลานาน เหตุการณ์นี้ลุงคงจะเป็นรายสุดท้ายที่ประกอบเหตุนี้
สะท้อนให้เห็นว่า ม.44 ไม่เป็นประโยชน์ ต่ออาณาจักรคือบ้านเมืองและพุทธจักรคือศาสนา เท่าที่ทราบข้อมูลคือ ไม่ได้เป็นโยมที่อาจจะมาประจำ เห็นได้จากที่การกล่าวอ้างถึงการคณะสงฆ์ไทยก็ดี เห็นจากเสื้อสงบ พบสุข พุทธทาส คาดว่าลุงก็เป็นคนทั่วไป ไปหลายๆวัด และรักพระพุทธศาสนา และลุงอายุ 65 ปีแล้ว มีสติสัมมชัญญะครบถ้วน
อย่างไรก็ตามก็ขอให้ทุกท่านแสดงความเสียใจ และให้ขอให้ไปสู่สุคติ ในโซเชี่ยวโพสต์ท้าทายว่าลุงไม่กล้าตาย พอตายแล้วสะใจ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีปัญหา สังคมไทยกำลังป่วย เราต้องรัก และสามัคคีต่อกัน เราต้องแผ่เมตตา
บางคนบอกวัดพระธรรมกายไม่ใช่พุทธแท้ ก็ขอเรียกร้องว่า ท่านไม่ต้องประกาศว่าเป็นพุทธแท้ก็ได้ แค่ประกาศความเห็นมนุษย์เท่านั้น ควรให้อภัย อโหสิกรรม และแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวของลุง เมตตากรุณา เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา บางคนไม่เห็นด้วยกับตามเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของวัดพระธรรมกาย แต่ช่วยยอมรับในการเห็นต่าง ยอมรับในความหลากหลายบ้าง คนไทยก็ไม่ใช่มีแต่ไทย สังคมรับทุกวัฒนธรรมได้ ก็ต้องยอมรับในความแตกต่าง อย่าประหัตประหารด้วย hate speech โดยใช้ social network เลย
แถลงการณ์จากวัดพระธรรมกาย แสดงความเสียใจกับลุงอนวัช ผู้จบชีวิตเพื่อเรียกร้องให้หยุดม.44
ทางวัดและคณะศิษย์ขอแสดงความเสียใจ คุณลุงและครอบครัวของลุง ท่านเป็นชาวบ้านทั่วไปที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการม.44 และอึดอัดจาการที่พระพุทธศาสนาโดนย่ำยี
พร้อมยืนยันไม่ใช่วิธีการของวัด ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น และเมื่อทราบตอนแรกก็ขอให้คุณลุงยกเลิกความคิดดังกล่าว โดยพระสงฆ์ก็ได้พูดขอร้องและเกลี้ยกล่อมไม่ให้ตัดสินใจแบบนั้น แต่เหตุการณ์สลดก็เกิดขึ้น แนวทางวัดสวดมนต์นั่งสมาธิเจริญสติปัญญาและกระทำมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามก็ขอสรรเสริญจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่ใช่ม่แต่เพื่อบุคคลทั่วไป เพื่อวัด และเพื่อหลวงพ่อ แต่จิตใจที่ยึดมั่นในความถูกต้อง ในความยุติธรรม เมื่อเป็นว่าพระพุทธศาสนาถูกย่ำยีท่านคงทนไม่ได้ จึงเกิดเรื่องที่ไม่สบายใจของทุกท่าน ทางวัดและลูกศิษย์ส่วนหนึ่งก็จะไปร่วมงาน ร่วมบุญและร่วมงานสวดอภิธรรม
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความห่วงใยว่า การกระทำของลุงอยู่นอกเขตวัด ตรงข้ามพื้นที่เขตวัด ทราบข้อมูลล่าช้า เพราะการสืท่อสารไม่สะดวกมากๆ ทราบแต่ว่าลุงขึ้นเสาสูงเท่านั้น พยายามตามข้อมูลก็ไม่ชัดเจน ที่ทราบคือลุงน่าจะให้เวลา 3 ชม.ในการตัดสินใจ ไม่ได้หุนหัน งมงาย เป็นการพิจารณาของลุงเองแล้ว ที่สำคัญก็เขียนในป้ายว่าขอความกรุณารัฐบาล
ไม่ได้ข่มขู่ แต่ขอความเห็นใจรัฐบาล ท่านนายกเอง ทั้งพลเอกสรรเสริญ กรุณาอย่าโยนบาป มาที่วัด ที่ระบุว่าใช้ศรัทธาของญาติโยมมาทำในเรื่องนี้ วัดไม่รู้เรื่อง ทั้งยังคัดค้าน และยังเกลี้ยกล่อมอย่างใช้เวลานาน เหตุการณ์นี้ลุงคงจะเป็นรายสุดท้ายที่ประกอบเหตุนี้
สะท้อนให้เห็นว่า ม.44 ไม่เป็นประโยชน์ ต่ออาณาจักรคือบ้านเมืองและพุทธจักรคือศาสนา เท่าที่ทราบข้อมูลคือ ไม่ได้เป็นโยมที่อาจจะมาประจำ เห็นได้จากที่การกล่าวอ้างถึงการคณะสงฆ์ไทยก็ดี เห็นจากเสื้อสงบ พบสุข พุทธทาส คาดว่าลุงก็เป็นคนทั่วไป ไปหลายๆวัด และรักพระพุทธศาสนา และลุงอายุ 65 ปีแล้ว มีสติสัมมชัญญะครบถ้วน
อย่างไรก็ตามก็ขอให้ทุกท่านแสดงความเสียใจ และให้ขอให้ไปสู่สุคติ ในโซเชี่ยวโพสต์ท้าทายว่าลุงไม่กล้าตาย พอตายแล้วสะใจ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีปัญหา สังคมไทยกำลังป่วย เราต้องรัก และสามัคคีต่อกัน เราต้องแผ่เมตตา
บางคนบอกวัดพระธรรมกายไม่ใช่พุทธแท้ ก็ขอเรียกร้องว่า ท่านไม่ต้องประกาศว่าเป็นพุทธแท้ก็ได้ แค่ประกาศความเห็นมนุษย์เท่านั้น ควรให้อภัย อโหสิกรรม และแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวของลุง เมตตากรุณา เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา บางคนไม่เห็นด้วยกับตามเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของวัดพระธรรมกาย แต่ช่วยยอมรับในการเห็นต่าง ยอมรับในความหลากหลายบ้าง คนไทยก็ไม่ใช่มีแต่ไทย สังคมรับทุกวัฒนธรรมได้ ก็ต้องยอมรับในความแตกต่าง อย่าประหัตประหารด้วย hate speech โดยใช้ social network เลย