สวัสดีครับ
วันนี้มาเขียนกระทู้ต่อจาก Part 1: Zao Fox Village และ Ginzan onsen ที่เขียนไว้เมื่อวานครับ
Link:
https://ppantip.com/topic/36148085
แล้วก็เหมือนเดิม แหะ แหะ ขอฝากเพจของผม FB: Me and Around ไว้ด้วยนะครับ เพิ่งเปิดเพจได้ไม่นานเอง
)
Link:
https://www.facebook.com/MeAndAround/
(หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และรูปในกระทู้มีทั้งโทรศัพท์มือถือและจากกล้องนะครับ มีทั้งรูปแต่งและไม่ได้แต่งครับ)
===================มาเริ่มกันเล้ย===================
Day 3: 10/2/2017
ผมตื่นเช้ามาตอนประมาณ 7โมงเช้าครับ และได้ยินเสียงพูดคุยของคนในครอบครัวว่า "สวยมากกกก โอ้ยสวยมาก สวยกว่าเมื่อคืนอีก"
จากตอนแรกที่ผมกำลังสะลึมสะลือ และ กำลังคิดว่านอนต่อดีกว่า.... ผมรีบสะบัดผ้าห่มออกแล้ววิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อพิสูจน์ครับ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆครับ ความง่วงนอนของผมหายไปในพริบตา ผมรีบคว้ากล้องและวิ่งลงไปจากห้องพักที่ชั้น 3 ออกไปถ่ายรูปฝ่าฟันกับอากาศ -3 องศาเซลเซียสด้วยชุด Yukata เช่นเคยครับ 555+
ราวกับว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหม่ต่างไปจากเมื่อคืนเลยครับ เพราะมันทำให้ผมสามารถเดินถ่ายภาพทั่วหมู่บ้านได้อีกรอบราวกับไม่เคยได้เห็นที่แห่งนี้มาก่อน สมกับที่เป็นต้นแบบเมืองของเรื่อง "Spirit Away" จริงๆครับ งดงามมากจริงๆ
ความจริงในรูปมีหิมะตกอยู่เบาๆนะครับ ตกตั้งแต่เมื่อตอนกลางคืนแล้วหละ ไม่หยุดเลย แต่ผมถ่ายมาไม่ติดครับ
สักพักคุณแม่ก็มาตามให้ผมกลับไปทานมื้อเช้าครับ บอกว่าถ้าไม่กลับมาทานตอนนี้ เจ้าของเรียวกัง Matsumoto เขาจะเก็บแล้วนะ// ผมจึงต้องหยุดการถ่ายไว้ก่อนครับ (ซึ่งในใจรู้สึกว่ายังไม่ได้ภาพที่ใจต้องการเลยอ่ะ)
และนี่คือภาพมื้อเช้าครับ เป็นคาร์โบไฮเดรตกับผักเป็นส่วนใหญ่เนอะ สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลย มีปลาให้ชิ้นนึงหละ ตอนผมขึ้นมานั่งทานทุกคนที่พักห้องอื่นเขาไปกันหมดแล้วครับ ครอบครัวของผมก็ขึ้นห้องไปเก็บข้าวของกันแล้ว เหลือผมทานอยู่คนเดียว คุณป้าที่มาเก็บจานก็ค่อยๆเก็บไปเรื่อยๆ ผมดูเหงาหงอยมากเลย555+
สักพักคุณป้าก็เริ่มชวนผมคุยครับ เป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ซึ่งผมพูดไม่ได้ก็ยิ้มให้เขาอย่างเดียวครับ แหะ แหะ สุดท้ายต้องยอมแพ้แล้วบอกว่า I can't speak Japanese T^T (คราวหน้าผมจะไปเรียนมานะครับ ขอโทษครับ)
หลังจากผมทานมื้อเช้าเสร็จก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าครับ เตรียมที่จะเช็คเอาท์เพื่อจะไปที่หมายต่อไป ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 8 โมงกว่าๆครับ
รถbusที่จะพาไม่ส่งที่สถานีรถไฟมีรอบประมาณ 9.25 ครับ ซึ่งถ้าตกรอบนี้ไปก็จะต้องรอไปอีกนานเลยครับ ครอบครัวจึงกำชับผมว่าไปเดินเล่นได้แปบเดียวนะ และผมก็คิดในใจว่า...อืม ก็ไม่ค่อยเหลืออะไรเท่าไหร่แล้วหละ ถ่ายรูปไปเกือบจะครบหมดแล้วนี่นา
ทันใดนั้นเอง เมื่อผมก้าวพ้นประตูของเรียวกังออกมา ภาพที่เห็นก็คือหิมะที่ตกลงมาเยอะมากเลยครับ เยอะมากจริงๆนะ ชนิดที่ห่อหุ้มตัวไปได้ทั่วเลยหละ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ทวีคูณความสวยขึ้นไปอีกก้าวเลยครับและก็มีเด็กน้อยแจ็คเก็ตฟ้าสองคนนี้วิ่งเข้ามาในเฟรมพอดีเลย (ผมประทับใจ Ginzan Onsenมากจริงๆนะ แบบมันสวยทุกช่วงเวลาเลยอ่ะ ไม่เบื่อเลย)
ภาพนี้ถ่ายจากท้ายหมู่บ้านครับ เลยจากสะพานแดง(ตามไปอ่านได้ใน Part 1นะครับ)ไปอีกนะ ผมคิดว่ามุมนี้น่าจะเป็นมุมSignatureที่เขาถ่ายไปลงเน็ตกันนะ แต่เมื่อคืนผมหาไม่เจอครับ ผมมาเจอตอนกำลังจะวิ่งไปซื้อโมจิงาดำ(อยู่ใน Part1 เหมือนกัน// ไม่ได้tie inนะ อิอิ)ที่ตามหาอยู่555+ มีพี่สาวคนนี้เดินมาเป็นแบบให้พอดีด้วยครับ
และนี่คือโมจิที่ผมไปคว้ามาครับ ซึ่งปรากฎว่าไม่ใช่โมจิงาดำ T^T เป็นไส้ถั่วแดง แป้งก็ไม่เหมือนและอันนี้ออกจะหวานเลี่ยนอ่ะ เสียใจมากๆ
(ใครที่จะไปซื้อก็เช็คร้านกับที่พักให้ดีๆ และเผื่อเวลาไว้เยอะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้พลาดทั้งถ่ายวิวทิวทัศน์และพลาดขนมอร่อยๆแบบผม)
ยืนเสียใจอยู่สักพักที่หาร้านที่ขายโมจิงาดำไม่เจอก็ได้สติครับว่า เฮ้ยยย!! ยังถ่ายหมู่บ้านไม่ครบเลยนี่นา แต่ก็ต้องกลับไปเอากระเป๋าแล้วครับ เพราะว่ารถจะออกแล้ว ผมจึงรีบวิ่งกลับไปโรงแรมและเดินถ่ายรูปมาตลอดทางครับ หวังโชคเอาว่าจะถ่ายได้รูปดีๆมาบ้างแหละน่า!!
(และอันนี้เป็นมุมจากหน้าหมู่บ้านเลยครับ ป้ายสีเหลือขาวทางซ้ายมือคือ Ryokan Matsumotoที่พักของผมเองครับ )
ระหว่างที่กำลังรู้สึกว่านี่แหละ!!!! มุมนี้แหละ เด็ด!! ต้องรัวไปสัก 20 รูป คุณแม่ก็เดินมาลากผมไปครับ บอกว่าไม่ทันแล้ว เดี๋ยวตกรถจริงๆไม่ตลกนะ จึงได้ภาพเบลอๆภาพนี้มาเป็นภาพสุดท้ายก่อนจะลาจาก Ginzan Onsenในครั้งนี้ไปครับ (ขนาดภาพเบลอยังรู้สึกว่าหมู่บ้านมันสวยเลยอ่ะ ผมว่าผมตกหลุมรักมันเข้าให้แล้วแน่เลย...สงสัยได้หาเรื่องกลับไปแน่ๆเลยครับ ในอนาคตหนะนะ555+)
==========จบภาค Ginzan Onsenเพียงเท่านี้ครับ==========
สำหรับจุดหมายต่อไปของผมก็คือ "ทะเลสาบKawaguchiko" นั่นเองครับ
เอ๋? มันอยู่คนละทิศกับ Ginzan Onsenที่อยู่ Tohoku เลยไม่ใช่หรอ
"ใช่ครับT^T"
เท่ากับว่าในวันที่3 ทั้งวัน!!! ผมใช้มันไปกับการนั่งรถไฟครับ ประมาณ 5-6 ชั่วโมงเพื่อต่อรถ bus จาก Ginzan Onsen กลับมาที่สถานี Oishida และกลับมาที่ Tokyoครับ จากTokyo ก็ต้องนั่งต่อไปอีก 2-3ชั่วโมงเลยหละ (ภาพทางซ้ายคือวันที่ 9/2 ส่วนทางขวาคือวันที่ 10/2ครับ ใช้ JR Passเดินทางเช่นเคยนะครับ นำไปสำรองที่นั่งกับพนักงานได้เลย)
แน่นอนว่าไม่ต่างจากวันแรกครับ อาหารรองท้องก็ต้องเป็นอาหารจากร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิมT^T เนื่องจากเวลาเร่งรัด ถ้าตกรถแต่ละอันไปนี่ จะไปถึง Kawaguchiko คงค่ำน่าดูเลยแหละ
แซนวิช2ชิ้นนี้อร่อยมากเลยนะ ไม่รู้เป็นเพราะหิวข้าวรึเปล่าก็ไม่รู้นะ 55+
ข้าวปั้นอันนี้ก็อร่อยดีครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพื่อนบางคนถามว่าเที่ยวแบบนี้ก็เสียไปหนึ่งวันเลยซิ จะดีหรอ?
จริงๆถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นหรือต่างประเทศที่ไหนก็ตามเป็นครั้งแรกๆ ถ้าเดินทางไปหลายๆที่ใช้เวลานานๆแบบนี้ ผมไม่แนะนำให้ทำตามนะครับ เพราะว่าจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรในภูมิภาคนั้นๆได้ครบถ้วนครับ สู้อยู่เที่ยวให้ครบภูมิภาคนั้นให้เสร็จในทริปเดียว แล้วถ้าอยากไปที่อื่น มาเก็บในทริปครั้งถัดไปก็จะดีกว่าครับ
แต่ถ้าไม่จริงจังกับการได้ไปหลายๆที่ภายในทริปเดียวมากๆ ระหว่างนั่งรถไฟข้ามเมืองก็มีวิวทิวทัศน์สวยๆให้ชมกันเพลินๆอยู่เยอะแยะเลยนะ ถ่ายรูปถ่ายคลิปเพลินๆ คุยกับคนที่มาด้วย (หรือจะเล่นเน็ตก็ได้นะ555+) แปบเดียวก็ถึงแล้วครับ (จริงๆนะ)
ผมเลยเก็บทิวทัศน์บางส่วนระหว่างเดินทางจาก Oishida ไป Tokyo มาให้ชมกันครับ เป็นภาพที่นำมาจากวิดีโอที่ผมถ่ายอีกทีนึงนะ
ตลอดทางก็จะขาวโพลนไปด้วยหิมะแบบนี้ตลอดเลยครับ สวยมากๆเลย อยากกระโดดไปกลิ้งๆมากเลยหละ
บางช่วงผมเหนื่อยๆก็เผลอหลับไปก็มีนะ แหะ แหะ ตื่นมาก็ข้ามมาหลายเมืองแล้วครับ
ประมาณ 3 โมงก็มาถึง Tokyo ครับ และต่อรถไฟไปที่ Otsuki(ตามรูปที่ลงไปแล้วด้านบนเลยครับ) พอมาถึง Otsukiแล้ว ก็จะมีรถไฟวอีกสายวิ่งไป Kawaguchiko ครับ คันที่ผมนั่งเป็นสีสายรุ้งด้วยหละ (เห็นมีป้ายแปะว่าเป็นรถไฟพี่สาวน้องสาวกับรถไฟที่ Matterhorn ประเทศ Switzerlandด้วยนะ)
นั่งมาอีกชั่วโมงกว่าๆ พระอาทิตย์ก็ตกไปเรียบร้อยแล้วครับเท่ากับวันนี้เดินทางทั้งวันเลยจริงๆ มาถึงที่ Kawaguchiko ก็6โมงเย็นแล้วครับ
ผมมาถึงไม่ทันรถbusรอบสุดท้าย(ประมาณ 17.45)ครับ ผมและครอบครัวจึงต้องตัดสินใจนั่ง taxi ไปที่โรงแรมแทนครับ ซึ่งที่พักวันนี้ ผมพักที่ Sunnide Resort Hotelครับ(ตกหัวละประมาณ 5,000บาทต่อคืนครับ)
เมื่อมาถึงก็นำสัมภาระมาเก็บในห้องพักเช่นเคยครับ ตึกที่ผมอยู่หันหน้าเข้าหาภูเข้าไฟ Fujiพอดีเลยครับ มองเห็นได้จากในห้องเลย ภายในห้องพักมี Onsenส่วนตัวด้วยนะ สามารถเปิดประตูบานพับออกเป็น Open Air เพื่อแช่น้ำไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปด้วยได้ครับ
หน้าตาของห้องพักก็เป็นประมาณนี้ครับ เป็นเสื่อทาตามิและมีชุด Yukata ให้สวมใส่เช่นเคย (อ้อ!! พนักงานเขาอธิบายรายละเอียดอะไรให้ละเอียดมากเลยครับ เห็นว่าคนไทยมาพักเยอะ)
ขอแปะภาพ Panorama อีกรูปแล้วกันนะ
เปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทานมื้อเย็นแล้วครับ ผมหิวมากๆครับ เพราะว่าไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกแล้ววันนี้(เหมือนเมื่อวานเลยเนอะ555+)
พออาหารมาเสิร์ฟ ผมก็ตาลุกวาวเลยครับ เริ่มจากจานปลาดิบและกุ้งจานนี้ (อันนี้รู้สึกว่าจะให้โต๊ะละ1จานนะ) ที่เหลือก็คนละฟูลคอร์สครับ
และนี่คือใบรายการอาหารที่จะเสิร์ฟทั้งหมดในคืนนี้ครับ (เยอะมาก แค่เห็นเมนูก็อิ่มแน่แล้วหละ
)
แถมอีกรูปครับ นี่ยังมาเสิร์ฟได้ครึ่งเดียวเองนะ เยอะมากจริงๆครับ ผมยังทานเหลือเลยหละ พอครบฟูลคอร์สแล้ว
รสชาติก็อยู่ในระดับทานได้นะครับ บางอย่างก็อร่อยดี บางอย่างก็เฉยๆ ไม่คอมเมนท์เรื่องนี้เยอะแล้วกันนะ
โรงแรมมี Onsen ของส่วนกลางที่แยกชายหญิงด้วยนะ ของผู้ชายอยู่ชั้น 2ครับ และเป็นวิวพานาโรมา เห็นฟูจิ 180 องศาเช่นเดียวกับในห้องครับ (อย่าลืมชำระร่างกายก่อนลงแข่ด้วยนะครับ) มีบ่อ In Door และ Out Door ครับ แนะนำบ่อ Out Doorเลย สวยมากๆ อากาศข้างบน 0 องศาเซลเซียส ตัดกับน้ำ Onsen อุ่นร้อนๆ ฟินมากๆเลยครับ (ไปลองกันได้นะ)
หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมก็รีบกลับห้องพักครับ บอกครอบครัวว่าจะไปถ่ายภูเขาไฟฟูจินะ!! เห็นจากในห้องเมื่อกี้ฟ้ามันเปิดไม่มีเมฆด้วย
ตอนเด็กๆผมเคยมาดูฟูจิซังครั้งหนึ่งครับ แต่ตอนนั้นไม่เห็นเพราะว่าเมฆหนามาก ครั้งนี้จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะขอมาแก้ตัวให้ได้เลยครับ
หลังจากคว้าอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็วิ่งออกไปที่ทะเลสาบครับ (อยู่หน้าโรงแรมนั่นแหละครับ) แต่ไม่มีคนเลยสักคนเดียว เงียบสงัดมากๆเลย ร่มรื่น และน่ากลัวมากๆไปในเวลาเดียวกัน (เวลาได้ยินเสียงฝีเท้าเดิน หรือเสียงอะไรขยับผมสะดุ้งโหยงเลยนะ เพราะว่ามันมืดมากๆเลย กลัวโดนปล้นอะ ระวังๆกันนะครับ)
แต่ว่าโอกาสไม่เคยรอใครจริงๆครับ เมื่อผมมาถึงริมทะเลสาบ เมฆก็มาบดบังไปหมดแล้ว T^T รู้งี้ไม่ไปทานมื้อเย็นดีกว่า(เริ่มตีโพยตีพาย)
จำนวนคำเกินแล้วอะ...งั้นขอตัดจบเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้เจอกัน Part 3 น้าา
[CR] MeAndAround: Japan ( Part 2 "Ginzan Onsen & Kawaguchiko" )
วันนี้มาเขียนกระทู้ต่อจาก Part 1: Zao Fox Village และ Ginzan onsen ที่เขียนไว้เมื่อวานครับ
Link: https://ppantip.com/topic/36148085
แล้วก็เหมือนเดิม แหะ แหะ ขอฝากเพจของผม FB: Me and Around ไว้ด้วยนะครับ เพิ่งเปิดเพจได้ไม่นานเอง )
Link: https://www.facebook.com/MeAndAround/
(หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และรูปในกระทู้มีทั้งโทรศัพท์มือถือและจากกล้องนะครับ มีทั้งรูปแต่งและไม่ได้แต่งครับ)
Day 3: 10/2/2017
ผมตื่นเช้ามาตอนประมาณ 7โมงเช้าครับ และได้ยินเสียงพูดคุยของคนในครอบครัวว่า "สวยมากกกก โอ้ยสวยมาก สวยกว่าเมื่อคืนอีก"
จากตอนแรกที่ผมกำลังสะลึมสะลือ และ กำลังคิดว่านอนต่อดีกว่า.... ผมรีบสะบัดผ้าห่มออกแล้ววิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อพิสูจน์ครับ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเป็นอย่างที่ได้ยินจริงๆครับ ความง่วงนอนของผมหายไปในพริบตา ผมรีบคว้ากล้องและวิ่งลงไปจากห้องพักที่ชั้น 3 ออกไปถ่ายรูปฝ่าฟันกับอากาศ -3 องศาเซลเซียสด้วยชุด Yukata เช่นเคยครับ 555+
ราวกับว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหม่ต่างไปจากเมื่อคืนเลยครับ เพราะมันทำให้ผมสามารถเดินถ่ายภาพทั่วหมู่บ้านได้อีกรอบราวกับไม่เคยได้เห็นที่แห่งนี้มาก่อน สมกับที่เป็นต้นแบบเมืองของเรื่อง "Spirit Away" จริงๆครับ งดงามมากจริงๆ
ความจริงในรูปมีหิมะตกอยู่เบาๆนะครับ ตกตั้งแต่เมื่อตอนกลางคืนแล้วหละ ไม่หยุดเลย แต่ผมถ่ายมาไม่ติดครับ
สักพักคุณแม่ก็มาตามให้ผมกลับไปทานมื้อเช้าครับ บอกว่าถ้าไม่กลับมาทานตอนนี้ เจ้าของเรียวกัง Matsumoto เขาจะเก็บแล้วนะ// ผมจึงต้องหยุดการถ่ายไว้ก่อนครับ (ซึ่งในใจรู้สึกว่ายังไม่ได้ภาพที่ใจต้องการเลยอ่ะ)
และนี่คือภาพมื้อเช้าครับ เป็นคาร์โบไฮเดรตกับผักเป็นส่วนใหญ่เนอะ สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลย มีปลาให้ชิ้นนึงหละ ตอนผมขึ้นมานั่งทานทุกคนที่พักห้องอื่นเขาไปกันหมดแล้วครับ ครอบครัวของผมก็ขึ้นห้องไปเก็บข้าวของกันแล้ว เหลือผมทานอยู่คนเดียว คุณป้าที่มาเก็บจานก็ค่อยๆเก็บไปเรื่อยๆ ผมดูเหงาหงอยมากเลย555+
สักพักคุณป้าก็เริ่มชวนผมคุยครับ เป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ซึ่งผมพูดไม่ได้ก็ยิ้มให้เขาอย่างเดียวครับ แหะ แหะ สุดท้ายต้องยอมแพ้แล้วบอกว่า I can't speak Japanese T^T (คราวหน้าผมจะไปเรียนมานะครับ ขอโทษครับ)
หลังจากผมทานมื้อเช้าเสร็จก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าครับ เตรียมที่จะเช็คเอาท์เพื่อจะไปที่หมายต่อไป ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 8 โมงกว่าๆครับ
รถbusที่จะพาไม่ส่งที่สถานีรถไฟมีรอบประมาณ 9.25 ครับ ซึ่งถ้าตกรอบนี้ไปก็จะต้องรอไปอีกนานเลยครับ ครอบครัวจึงกำชับผมว่าไปเดินเล่นได้แปบเดียวนะ และผมก็คิดในใจว่า...อืม ก็ไม่ค่อยเหลืออะไรเท่าไหร่แล้วหละ ถ่ายรูปไปเกือบจะครบหมดแล้วนี่นา
ทันใดนั้นเอง เมื่อผมก้าวพ้นประตูของเรียวกังออกมา ภาพที่เห็นก็คือหิมะที่ตกลงมาเยอะมากเลยครับ เยอะมากจริงๆนะ ชนิดที่ห่อหุ้มตัวไปได้ทั่วเลยหละ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ทวีคูณความสวยขึ้นไปอีกก้าวเลยครับและก็มีเด็กน้อยแจ็คเก็ตฟ้าสองคนนี้วิ่งเข้ามาในเฟรมพอดีเลย (ผมประทับใจ Ginzan Onsenมากจริงๆนะ แบบมันสวยทุกช่วงเวลาเลยอ่ะ ไม่เบื่อเลย)
ภาพนี้ถ่ายจากท้ายหมู่บ้านครับ เลยจากสะพานแดง(ตามไปอ่านได้ใน Part 1นะครับ)ไปอีกนะ ผมคิดว่ามุมนี้น่าจะเป็นมุมSignatureที่เขาถ่ายไปลงเน็ตกันนะ แต่เมื่อคืนผมหาไม่เจอครับ ผมมาเจอตอนกำลังจะวิ่งไปซื้อโมจิงาดำ(อยู่ใน Part1 เหมือนกัน// ไม่ได้tie inนะ อิอิ)ที่ตามหาอยู่555+ มีพี่สาวคนนี้เดินมาเป็นแบบให้พอดีด้วยครับ
และนี่คือโมจิที่ผมไปคว้ามาครับ ซึ่งปรากฎว่าไม่ใช่โมจิงาดำ T^T เป็นไส้ถั่วแดง แป้งก็ไม่เหมือนและอันนี้ออกจะหวานเลี่ยนอ่ะ เสียใจมากๆ
(ใครที่จะไปซื้อก็เช็คร้านกับที่พักให้ดีๆ และเผื่อเวลาไว้เยอะหน่อยนะครับ ไม่อยากให้พลาดทั้งถ่ายวิวทิวทัศน์และพลาดขนมอร่อยๆแบบผม)
ยืนเสียใจอยู่สักพักที่หาร้านที่ขายโมจิงาดำไม่เจอก็ได้สติครับว่า เฮ้ยยย!! ยังถ่ายหมู่บ้านไม่ครบเลยนี่นา แต่ก็ต้องกลับไปเอากระเป๋าแล้วครับ เพราะว่ารถจะออกแล้ว ผมจึงรีบวิ่งกลับไปโรงแรมและเดินถ่ายรูปมาตลอดทางครับ หวังโชคเอาว่าจะถ่ายได้รูปดีๆมาบ้างแหละน่า!!
(และอันนี้เป็นมุมจากหน้าหมู่บ้านเลยครับ ป้ายสีเหลือขาวทางซ้ายมือคือ Ryokan Matsumotoที่พักของผมเองครับ )
ระหว่างที่กำลังรู้สึกว่านี่แหละ!!!! มุมนี้แหละ เด็ด!! ต้องรัวไปสัก 20 รูป คุณแม่ก็เดินมาลากผมไปครับ บอกว่าไม่ทันแล้ว เดี๋ยวตกรถจริงๆไม่ตลกนะ จึงได้ภาพเบลอๆภาพนี้มาเป็นภาพสุดท้ายก่อนจะลาจาก Ginzan Onsenในครั้งนี้ไปครับ (ขนาดภาพเบลอยังรู้สึกว่าหมู่บ้านมันสวยเลยอ่ะ ผมว่าผมตกหลุมรักมันเข้าให้แล้วแน่เลย...สงสัยได้หาเรื่องกลับไปแน่ๆเลยครับ ในอนาคตหนะนะ555+)
==========จบภาค Ginzan Onsenเพียงเท่านี้ครับ==========
สำหรับจุดหมายต่อไปของผมก็คือ "ทะเลสาบKawaguchiko" นั่นเองครับ
เอ๋? มันอยู่คนละทิศกับ Ginzan Onsenที่อยู่ Tohoku เลยไม่ใช่หรอ
"ใช่ครับT^T"
เท่ากับว่าในวันที่3 ทั้งวัน!!! ผมใช้มันไปกับการนั่งรถไฟครับ ประมาณ 5-6 ชั่วโมงเพื่อต่อรถ bus จาก Ginzan Onsen กลับมาที่สถานี Oishida และกลับมาที่ Tokyoครับ จากTokyo ก็ต้องนั่งต่อไปอีก 2-3ชั่วโมงเลยหละ (ภาพทางซ้ายคือวันที่ 9/2 ส่วนทางขวาคือวันที่ 10/2ครับ ใช้ JR Passเดินทางเช่นเคยนะครับ นำไปสำรองที่นั่งกับพนักงานได้เลย)
แน่นอนว่าไม่ต่างจากวันแรกครับ อาหารรองท้องก็ต้องเป็นอาหารจากร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิมT^T เนื่องจากเวลาเร่งรัด ถ้าตกรถแต่ละอันไปนี่ จะไปถึง Kawaguchiko คงค่ำน่าดูเลยแหละ
แซนวิช2ชิ้นนี้อร่อยมากเลยนะ ไม่รู้เป็นเพราะหิวข้าวรึเปล่าก็ไม่รู้นะ 55+
ข้าวปั้นอันนี้ก็อร่อยดีครับ
เพื่อนบางคนถามว่าเที่ยวแบบนี้ก็เสียไปหนึ่งวันเลยซิ จะดีหรอ?
จริงๆถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นหรือต่างประเทศที่ไหนก็ตามเป็นครั้งแรกๆ ถ้าเดินทางไปหลายๆที่ใช้เวลานานๆแบบนี้ ผมไม่แนะนำให้ทำตามนะครับ เพราะว่าจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรในภูมิภาคนั้นๆได้ครบถ้วนครับ สู้อยู่เที่ยวให้ครบภูมิภาคนั้นให้เสร็จในทริปเดียว แล้วถ้าอยากไปที่อื่น มาเก็บในทริปครั้งถัดไปก็จะดีกว่าครับ
แต่ถ้าไม่จริงจังกับการได้ไปหลายๆที่ภายในทริปเดียวมากๆ ระหว่างนั่งรถไฟข้ามเมืองก็มีวิวทิวทัศน์สวยๆให้ชมกันเพลินๆอยู่เยอะแยะเลยนะ ถ่ายรูปถ่ายคลิปเพลินๆ คุยกับคนที่มาด้วย (หรือจะเล่นเน็ตก็ได้นะ555+) แปบเดียวก็ถึงแล้วครับ (จริงๆนะ)
ผมเลยเก็บทิวทัศน์บางส่วนระหว่างเดินทางจาก Oishida ไป Tokyo มาให้ชมกันครับ เป็นภาพที่นำมาจากวิดีโอที่ผมถ่ายอีกทีนึงนะ
ตลอดทางก็จะขาวโพลนไปด้วยหิมะแบบนี้ตลอดเลยครับ สวยมากๆเลย อยากกระโดดไปกลิ้งๆมากเลยหละ
บางช่วงผมเหนื่อยๆก็เผลอหลับไปก็มีนะ แหะ แหะ ตื่นมาก็ข้ามมาหลายเมืองแล้วครับ
ประมาณ 3 โมงก็มาถึง Tokyo ครับ และต่อรถไฟไปที่ Otsuki(ตามรูปที่ลงไปแล้วด้านบนเลยครับ) พอมาถึง Otsukiแล้ว ก็จะมีรถไฟวอีกสายวิ่งไป Kawaguchiko ครับ คันที่ผมนั่งเป็นสีสายรุ้งด้วยหละ (เห็นมีป้ายแปะว่าเป็นรถไฟพี่สาวน้องสาวกับรถไฟที่ Matterhorn ประเทศ Switzerlandด้วยนะ)
นั่งมาอีกชั่วโมงกว่าๆ พระอาทิตย์ก็ตกไปเรียบร้อยแล้วครับเท่ากับวันนี้เดินทางทั้งวันเลยจริงๆ มาถึงที่ Kawaguchiko ก็6โมงเย็นแล้วครับ
ผมมาถึงไม่ทันรถbusรอบสุดท้าย(ประมาณ 17.45)ครับ ผมและครอบครัวจึงต้องตัดสินใจนั่ง taxi ไปที่โรงแรมแทนครับ ซึ่งที่พักวันนี้ ผมพักที่ Sunnide Resort Hotelครับ(ตกหัวละประมาณ 5,000บาทต่อคืนครับ)
เมื่อมาถึงก็นำสัมภาระมาเก็บในห้องพักเช่นเคยครับ ตึกที่ผมอยู่หันหน้าเข้าหาภูเข้าไฟ Fujiพอดีเลยครับ มองเห็นได้จากในห้องเลย ภายในห้องพักมี Onsenส่วนตัวด้วยนะ สามารถเปิดประตูบานพับออกเป็น Open Air เพื่อแช่น้ำไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิไปด้วยได้ครับ
หน้าตาของห้องพักก็เป็นประมาณนี้ครับ เป็นเสื่อทาตามิและมีชุด Yukata ให้สวมใส่เช่นเคย (อ้อ!! พนักงานเขาอธิบายรายละเอียดอะไรให้ละเอียดมากเลยครับ เห็นว่าคนไทยมาพักเยอะ)
ขอแปะภาพ Panorama อีกรูปแล้วกันนะ
เปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็ถึงเวลาทานมื้อเย็นแล้วครับ ผมหิวมากๆครับ เพราะว่าไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกแล้ววันนี้(เหมือนเมื่อวานเลยเนอะ555+)
พออาหารมาเสิร์ฟ ผมก็ตาลุกวาวเลยครับ เริ่มจากจานปลาดิบและกุ้งจานนี้ (อันนี้รู้สึกว่าจะให้โต๊ะละ1จานนะ) ที่เหลือก็คนละฟูลคอร์สครับ
และนี่คือใบรายการอาหารที่จะเสิร์ฟทั้งหมดในคืนนี้ครับ (เยอะมาก แค่เห็นเมนูก็อิ่มแน่แล้วหละ )
แถมอีกรูปครับ นี่ยังมาเสิร์ฟได้ครึ่งเดียวเองนะ เยอะมากจริงๆครับ ผมยังทานเหลือเลยหละ พอครบฟูลคอร์สแล้ว
รสชาติก็อยู่ในระดับทานได้นะครับ บางอย่างก็อร่อยดี บางอย่างก็เฉยๆ ไม่คอมเมนท์เรื่องนี้เยอะแล้วกันนะ
โรงแรมมี Onsen ของส่วนกลางที่แยกชายหญิงด้วยนะ ของผู้ชายอยู่ชั้น 2ครับ และเป็นวิวพานาโรมา เห็นฟูจิ 180 องศาเช่นเดียวกับในห้องครับ (อย่าลืมชำระร่างกายก่อนลงแข่ด้วยนะครับ) มีบ่อ In Door และ Out Door ครับ แนะนำบ่อ Out Doorเลย สวยมากๆ อากาศข้างบน 0 องศาเซลเซียส ตัดกับน้ำ Onsen อุ่นร้อนๆ ฟินมากๆเลยครับ (ไปลองกันได้นะ)
หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมก็รีบกลับห้องพักครับ บอกครอบครัวว่าจะไปถ่ายภูเขาไฟฟูจินะ!! เห็นจากในห้องเมื่อกี้ฟ้ามันเปิดไม่มีเมฆด้วย
ตอนเด็กๆผมเคยมาดูฟูจิซังครั้งหนึ่งครับ แต่ตอนนั้นไม่เห็นเพราะว่าเมฆหนามาก ครั้งนี้จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะขอมาแก้ตัวให้ได้เลยครับ
หลังจากคว้าอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็วิ่งออกไปที่ทะเลสาบครับ (อยู่หน้าโรงแรมนั่นแหละครับ) แต่ไม่มีคนเลยสักคนเดียว เงียบสงัดมากๆเลย ร่มรื่น และน่ากลัวมากๆไปในเวลาเดียวกัน (เวลาได้ยินเสียงฝีเท้าเดิน หรือเสียงอะไรขยับผมสะดุ้งโหยงเลยนะ เพราะว่ามันมืดมากๆเลย กลัวโดนปล้นอะ ระวังๆกันนะครับ)
แต่ว่าโอกาสไม่เคยรอใครจริงๆครับ เมื่อผมมาถึงริมทะเลสาบ เมฆก็มาบดบังไปหมดแล้ว T^T รู้งี้ไม่ไปทานมื้อเย็นดีกว่า(เริ่มตีโพยตีพาย)
จำนวนคำเกินแล้วอะ...งั้นขอตัดจบเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้เจอกัน Part 3 น้าา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น