ไปเมื่อ พฤศจิกายน 2558 เริ่มพิมพ์ทิ้งไว้ตั้งแต่ พฤษภาคม 2559 พิมพ์เรื่อยๆ จนกระทั่ง ลงกระทู้ กุมภาพันธ์ 2560
เหตุเกิดจากอะไรตอนนั้นก็ไม่แน่ใจ ทำไมต้องเกาหลีก็ยังหาคำตอบไม่ได้นะ
ถ้าถามว่าจะไปอีกมั้ย ก็ยังไม่แน่ใจ
อยากไปต่างประเทศสักที่ ที่เที่ยวคนเดียวได้
ข้อมูลอาจจะไม่แน่น เพราะเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร เวิ่นเว้อเพ้อไปเรื่อย
ตอนนี้เลยจำไม่ค่อยได้ แต่จะพยายาม
เริ่ม!
การเตรียมตัวของเรา
ตั๋วไป-กลับ
-ซื้อตอนต้นปี ไปอีกทีตอนต้นพฤศจิกายน (เลือกช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ดีงาม)
(ดอนเมือง-อินชอน) ประมาณ 9000 บาท
(เชียงใหม่-ดอนเมือง) ประมาณ 2000 บาท
-เวลาล่วงเลยมา....จนช่วงใกล้ๆ หาข้อมูลพอสมควร ได้แผนคร่าวๆ
Day 1 วันแห่งการเดินทางไป+พักผ่อน
Day 2-3 Seoul
Day 4 Soraksan Nation Park***(จังหวัด Sokcho)
Day 5 Seoul
Day 6 วันเดินทางกลับ
คร่าวจริงๆ ค่อยคิดรายละเอียดอีกที พี่ไปแบบเรื่อยๆไม่รีบ
***เราเป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติ เลยต้องไปโดนสักที่ค่ะ “ซอรัคซาน”ละกัน
-ที่พัก
แล้วแต่เลือก เอาที่สบายใจ สบายกระเป๋า
เราพัก Guesthouse คืนละ500 บาทค่ะ (รายละเอียดเล่าข้างล่างเน่อ)
-เสื้อผ้า
ช่วงนั้นอากาศประมาณ 12-13 องศา เย็นๆ สบายๆ ไม่หนาวมากสำหรับเรา
เลยเป็นแบบปกติ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อกันหนาวธรรมดา รองเท้าผ้าใบ(เพื่อนมันว่า ไปไหน
ก็ใส่แบบนี้มะ) เอาไปมากน้อยเราว่าแล้วแต่คนนะ เรานี่ กางเกงกับเสื้อกันหนาวตัวเดิมทั้งทริปค่ะ มันจะหนักไง แบคแพคอะเนอะ
มีที่ซื้อเพิ่ม เป็นกางเกง Heat Tech (เอาไว้ใส่ก่อนใส่กางเกงยีนส์ค่ะ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น) 590 บาท ลองใส่นอนก่อนไป ก็ใส่สบาย อุ่นจริงๆด้วย
มีให้เลือกทั้ง เสื้อ บอดี้สูท หลายแบบหลายสี
เนื่องจากงบและคิดว่าเอาอยู่ เราซื้อแค่กางเกงพอ
-เอกสาร
สำเนาต่างๆ เราถ่ายและติดกระเป๋าไว้ ทั้ง สน.พาสปอต ใบจองตั๋ว จองที่พัก
และส่งไว้ในอีเมล์ตัวเองด้วยค่ะ เผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย
-แลกเงิน
แลกจากเชียงใหม่ไปเลยค่ะเรา ขี้เกียจไปด้น จำเรทไม่ได้ ตอนใช้เราคิดง่ายๆ 1000 วอน = 30 บาท จริงๆน่าจะ 31-32 แต่ก็นั่นแหละ คิดมากเดี๋ยว งง
1….한
2….두
3….세
ป่ะ!
First sight ‘Seoul’
เก้าโมงเช้า.......ถึงแล้ว สนามบินอินชอน ออน ออน ออนนนนน
ลงเครื่องมาตามผู้คน จากงัวเงียก็ตาสว่างเลยจ้า....เมื่อเจอ จุดตรวจคนเข้าเมือง
เอาละไง ก็นะ อ่านมาบ้าง กลัวเสียเงินฟรี เสียเวลาฟรี อารมณ์ดีๆจะหมดไป
(พาสปอร์ตขาวโล่ง เคยไป มาเลฯ กับสิงค์โป บางทีเปิดนี่ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ)
ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นตามระยะที่ลดลง ระหว่างนั้นก็ควักเอกสารมาถือไว้
เชิญต่อไปค่ะ!
ยื่นพาสปอร์ต ตม.หญิงเงยหน้าขึ้นมอง เรายิ้มกลับ ปั๊ม จบ...
เอ่อ...ก็ไม่เท่าไหร่นิ ผ่านละไง ฮิ้วววว
ออกมาหา wifi ฟรีสักหน่อย โหลดแผนที่เพื่อไปที่พัก
(ทริปนี้เราไม่ใช้ wifi แผนที่ก็โหลดค้างไว้เอา ข้อมูลก็จดในสมุดบันทึกเอา)
เราชอบเขียนนะ มันได้ฟีลดี แต่ว่า ยุ่งเหยิงมากกก ตอนนี้อ่านไม่ออกละ
จากนั้น เดินไปประชาสัมพันธ์ หยิบเอาไกด์บุ๊ค จากรูปบนคือเล่มสีขาว
แนะนำค่ะ กาดอกจัน*** นี่ใช้ตลอดทริป มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับโซล
แบ่งโซนที่เที่ยว วันเวลาเปิดปิด วิธีเดินทางไป อะไรอีกแสนแปด
เราแทบจะไม่ถามใครเลย เอาอยู่จริงๆ บางทีก็แอ๊บไปถามโอปป้าบ้าง555
ถึงหน้าตู้ขายตั๋วรถไฟ ก็มองว่าเค้าทำยังไงกัน เพิ่งนึกได้ตอนเห็นเค้าใช้บัตร T-money
(บัตรเติมเงิน สำหรับใช้ขึ้นรถ หรือซื้อของ)
เลยต้องเดิน....กลับไปร้านค้า เพื่อซื้อบัตร T-Money + เติมเงินไปเลยค่ะ
ไปค่ะ! ทุกคน ยังไม่ถึงๆ เพิ่งเริ่มเองงงงง
รูปวิวข้างทางระหว่างนั่งรถไฟ ภาพมันเบลอหน่ะ
-------------------------------------------------------------------------------
ถึงแล้ววววว ถึงสถานีนะ ออกมาสู่โลกกว้างเป็นไงๆ ฝนตก! ไม่ได้เตรียมตัวมา
ทางที่ออกเป็นสวนสาธารณะย่อมๆ มีที่นั่งพัก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เดินลุยฝนไปอีกกกกก
ไปเรื่อยๆ หลงนิดหน่อย จนเจอที่พัก คิดในใจ ดีนะที่ข้ามถนนมา ดีนะที่เลี้ยวมาทางนี้
บางที่ก็ออกนอกเส้นทางบ้างมันก็ไม่เป็นไร ถึงช้าหน่อยแต่เราก็เพลิน
เวลา : เที่ยงกว่า
อย่างที่บอกไปว่าพัก guesthouse ห้องนอนจะเป็นเตียงสองชั้น มีสองเตียง ลอคเกอร์ใต้เตียงไว้เก็บของ ห้องน้ำรวม ต้องเดินออกไป และมีโถงนั่งเล่น
พี่ที่ดูแลก็ให้คำแนะนำ ข้อปฏิบัติต่างๆ นี่พยักหน้า หงึก หงึก
ง่วงมากกกก เก็บของก็นอนเลยค่ะ
นอนยาววววว จนบ่ายสี่......จนท้องร้อง ได้เวลาออกหา(ของ)กิน
พี่ที่GH(Guesthouse) แนะนำให้ไปเดินที่ฮงแด บอกทางเสร็จสรรพ Go!
ฝนยังตกเหมือนเดิมเลยยืมร่มเค้าออกมา
เจอป้าขนมวาฟเฟิลที่เป็นรูปปลา อ่ะ กิน
เจอ G25 มินิมาร์ท มีมากพอๆกับ 7-11 อ่ะ หาขนมกิน
จนถึงถนนใหญ่ ก็เดินเข้า ทางออกสถานีรถไฟหนึ่ง ไปอีกทางออกหนึ่ง(เดินข้ามไปอีกฝั่งถนน)
Walking ‘Hongdae’
เป็นย่านวัยรุ่น นศ. ทั้งน้านนน จริงๆก็มีทุกวัยแต่วันรุ่นเยอะหน่อย
ขายของต่างๆทั้งเสื้อผ้า อาหาร ของใช้ ร้านรวงเต็มไปหมด
ริมถนน ก็มีน้องๆ คงนักศึกษา รวมกลุ่มมาเต้นกัน
สปริตแรงกล้าทั้งคนเต้นและคนดู ปรบมือ โยกตาม ส่งเสียง แลดูมีส่วนร่วม
เปียกปอนกันไป ใช่ค่ะ ฝนยังคงตกอยู่......เช่นเดิม
ใกล้ๆสวนสาธารณะ กลิ่นหอมโชยมา
วัฟเฟิลร้อนๆ ไส้หวานไปหน่อย (เห็นตอนแรกนึกว่าไอติม เป็นน้ำตาลซะ)
ร่มก็ต้องกาง ปากก็ต้องกิน หยดย้อยเลอะเทอะ
ขาลากกก ขากลับแวะร้านข้างทาง เต้นท์เล็กๆ
อยากกินอะไรก็ชี้เอา คุณลุงกัปป้าเอ็นจอย
เรากิน คิมบับ (ข้าวม้วนห่อสาหร่าย)
มันมีไส้หลายแบบ บรรยายไม่ถูก ก็พอกินได้ค่ะ
มีแก้วกระดาษเล็กๆ ใส่น้ำซุปไว้
(เคยเห็นในซีรี่ส์นึกว่าน้ำเปล่า คิดเองไปหลายอย่างละเนี่ยย 555)
นึกอีกว่าไม่ร้อนมาก อ๊ากกก ..ร้อนจนรู้ว่ามันลงไปถึงไหน”””
กลับละ
วางแผนว่าพรุ่งนี้จะไปไหน?
ไป ‘วัง’
วันที่ 2
จอมนางแห่งวังหลวง ‘Gyeongbokgung’
สายๆของเช้าวันใหม่ กินขนมปังที่เกสเฮาส์ตุนไปก่อน ประหยัดดี
ออกจากที่พักพร้อมยืมร่มจุดเหลือง
> Line 3 >Gyeongbokgung Station> ทางออก 5
จ่าน...จ๊านนน.....
จากทางออกจะเป็นข้างวังค่ะ เป็นลานกว้าง
สิ่งที่ดึงดูดสายตา
ต้นไม้สีเหลืองอร่าม ตั้งตระหง่าน
ภูเขาที่เป็นพื้นหลังของวัง
‘ชอบ’
เข้าไปข้างในก็เจอลานกว้าง.....คงเป็นลานเอาไว้สวนสนาม
ลักษณะวัง จะเป็นชั้นๆ เข้าไป เรื่อยๆ ตำหนักนู่นนี่
เลือกเดินได้ตามสบาย
ตำหนักกลางน้ำ 1 สายลมพัดเอื่อย สดชื่นนนนนน
ค่อยๆเดิน ค่อยๆมอง ขึ้นชื่อว่า”วัง”แล้ว งานละเอียดจริงๆ
ดูเรียบ แต่ดีเทลเยอะ บ่งบอกถึงความตั้งใจ ใส่ใจ
สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ ภาพตอนดู ซีรี่ส์ ลอยมาเลยย
เข้าประตูนั้น ออกประตูนี้ ก็มี งงบ้างเหมือนกันนะ
เดินวนไปค่ะ ของแบบนี้ไม่ต้องรีบ
ซึมซับบรรยากาศ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ.....ฟู่ววว
วันนี้คนไม่เยอะมาก สงบ กำลังดี
และนั่น
สองคน เค้ามากันสองคน ดูต้นไม้ใบหญ้า มองฟ้าไป ไม่อิจฉา
‘Move on’
----------------------------------------------
ประมาณบ่ายสอง ท้องร้องก็ต้องออกหาของกิน
ออกทางไหนก็ไม่รู้ เดินเลาะกำแพงวังจนเจอ ร้านขายขนม
เป็นรถขาย จอดอยู่คันเดียว
ขนมปังไส้ถั่วแดง
ซื้อแล้วก็เดิน แถวๆนั้น เจอกับบ้านโบราณจำลองในสมัยก่อน
ลองเข้าไปดูละกัน
พอเข้าไปในบ้านก็จะเป็นที่โล่งตรงกลางบ้าน
รอบๆก็จะประกอบด้วยห้องโถง ห้องทำงาน ห้องนอน ห้องครัว
จัดวางข้าวของ โต๊ะ ตู้ จานชาม เพื่อจำลองบรรยากาศ
ทั้งตัวบ้านและรั้วไม่สูง กะทัดรัดน่ารัก
Art in Seoul"
ดูงานศิลปะ อย่างจริงจัง เพราะเสียตังค์ ยืนประหนึ่งว่าเข้าใจ
อยู่ไทยไม่มีโอกาสได้ดู ก็แปลกดีค่ะ
ตัวอย่างเช่น
ดูปลาทอง 9 ตัวว่ายในแต่ละช่องวงกลม
งานศิลปะ(คล้ายตัวยูไขว้) ชื่อภาพ Person
มีหลายอัน ก็ชื่อภาพ People
ยืนเงียบนิ่งฟังเสียงว่า เธอคนนั้นกำลังทำอะไร
กระถางต้นไม้แขวนต่อกันลงมา
Art museum เป็นอาคารใหญ่เลย แบ่งเป็นชั้น ย่อยๆเป็นห้อง
มีงานศิลปะหลายแบบ
เลือกดูตามอัธยาศัย
บางที่จะมีหนังสือ แผ่นพับเล่มเล็ก สำหรับแนวคิดหรือที่มา
ชอบตรงที่ ผู้ชมมีทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็ก หนุ่ม สาว คนแก่
ใคร ใคร ก็ มา
“มาเพื่อคิดอะไรบ้างก็ดี หรือ ไม่คิดอะไรก็ดี”
หลบฝนจนพอใจ เดินกลับ ไปหน้าวัง
อธิบายก่อนว่า ตรงจากหน้าประตูวัง
จะเป็นอนุสาวรีย์กษัติรย์
เดินยาวไปจะเจอ คลองชอนเกยชอน ชื่ออ่านยากจริง
ตอนนั้นจัดงานโคมไฟ ยาวตลอดคลองเลยค่ะ สวยมากและคนเยอะพอสมควร
<นอกเรื่องแปป : ใจจริงอยากมาแบบชิลๆ สงบงี้ แต่ช่วงนั้นเทศกาลอะไรหลายงาน
ไปไหนก็เจอ ประเด็นคือ งานจบแล้วด้วย กำลังเก็บของกันหมด
ไม่ได้กิน หรือเดินดูอะไรเลยอ่ะ ไม่เป็นไร อีกฟีลนึงละกัน>
ฝนตกตลอดเลยไม่ค่อยได้หยิบกล้องมาถ่าย
ใช้มือถือถ่ายนิดหน่อย นอกนั้นซึมซับบรรยากาศค่ะ
มองอะไร ไปเรื่อย ลมพัด อากาศเย็นทีเดียว
ไก่ปิ้ง อร่อย หรือ เราหิวก็ไม่รู้
มีน้ำจิ้มให้เลือกสามอย่าง กินข้างรถเลย
ประทับใจตรงวิธีการกิน คือ ต้องใช้แปรงจุ่มน้ำจิ้ม มาทาไก่แล้วกิน
ความที่ไม้ยาวเกิน จะยากต่อการกัดกิน
เราก็ใช้กรรไกรตัด ตัดไม้ออกไปเรื่อยๆ
‘จุ่ม ปาด กิน ตัด’
เดินไปอีกสักพัก ก็กลับเพราะรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย
แวะซื้อยาพารา และร่มใหม่คืนเค้า นี่ใช้จนพัง
พักผ่อนก่อนนะ
กว่าจะนอนก็เที่ยงคืนกว่า พรุ่งนี้ไปไหนติดตามกัน
---จำนวนตัวอักษรเกินแล้ว ต่อ ในความเห็นโลด---
>>ชีพจรลงเท้า<< ไดอารี่เที่ยว 'เกาหลี' เมื่อปีก่อนก่อน | ไปคนเดียวดิ... | by BP
เหตุเกิดจากอะไรตอนนั้นก็ไม่แน่ใจ ทำไมต้องเกาหลีก็ยังหาคำตอบไม่ได้นะ
ถ้าถามว่าจะไปอีกมั้ย ก็ยังไม่แน่ใจ
อยากไปต่างประเทศสักที่ ที่เที่ยวคนเดียวได้
ข้อมูลอาจจะไม่แน่น เพราะเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร เวิ่นเว้อเพ้อไปเรื่อย
ตอนนี้เลยจำไม่ค่อยได้ แต่จะพยายาม
เริ่ม!
การเตรียมตัวของเรา
ตั๋วไป-กลับ
-ซื้อตอนต้นปี ไปอีกทีตอนต้นพฤศจิกายน (เลือกช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ดีงาม)
(ดอนเมือง-อินชอน) ประมาณ 9000 บาท
(เชียงใหม่-ดอนเมือง) ประมาณ 2000 บาท
-เวลาล่วงเลยมา....จนช่วงใกล้ๆ หาข้อมูลพอสมควร ได้แผนคร่าวๆ
Day 1 วันแห่งการเดินทางไป+พักผ่อน
Day 2-3 Seoul
Day 4 Soraksan Nation Park***(จังหวัด Sokcho)
Day 5 Seoul
Day 6 วันเดินทางกลับ
คร่าวจริงๆ ค่อยคิดรายละเอียดอีกที พี่ไปแบบเรื่อยๆไม่รีบ
***เราเป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติ เลยต้องไปโดนสักที่ค่ะ “ซอรัคซาน”ละกัน
-ที่พัก
แล้วแต่เลือก เอาที่สบายใจ สบายกระเป๋า
เราพัก Guesthouse คืนละ500 บาทค่ะ (รายละเอียดเล่าข้างล่างเน่อ)
-เสื้อผ้า
ช่วงนั้นอากาศประมาณ 12-13 องศา เย็นๆ สบายๆ ไม่หนาวมากสำหรับเรา
เลยเป็นแบบปกติ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อกันหนาวธรรมดา รองเท้าผ้าใบ(เพื่อนมันว่า ไปไหนก็ใส่แบบนี้มะ) เอาไปมากน้อยเราว่าแล้วแต่คนนะ เรานี่ กางเกงกับเสื้อกันหนาวตัวเดิมทั้งทริปค่ะ มันจะหนักไง แบคแพคอะเนอะ
มีที่ซื้อเพิ่ม เป็นกางเกง Heat Tech (เอาไว้ใส่ก่อนใส่กางเกงยีนส์ค่ะ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น) 590 บาท ลองใส่นอนก่อนไป ก็ใส่สบาย อุ่นจริงๆด้วย
มีให้เลือกทั้ง เสื้อ บอดี้สูท หลายแบบหลายสี
เนื่องจากงบและคิดว่าเอาอยู่ เราซื้อแค่กางเกงพอ
-เอกสาร
สำเนาต่างๆ เราถ่ายและติดกระเป๋าไว้ ทั้ง สน.พาสปอต ใบจองตั๋ว จองที่พัก
และส่งไว้ในอีเมล์ตัวเองด้วยค่ะ เผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย
-แลกเงิน
แลกจากเชียงใหม่ไปเลยค่ะเรา ขี้เกียจไปด้น จำเรทไม่ได้ ตอนใช้เราคิดง่ายๆ 1000 วอน = 30 บาท จริงๆน่าจะ 31-32 แต่ก็นั่นแหละ คิดมากเดี๋ยว งง
1….한
2….두
3….세
ป่ะ!
เก้าโมงเช้า.......ถึงแล้ว สนามบินอินชอน ออน ออน ออนนนนน
ลงเครื่องมาตามผู้คน จากงัวเงียก็ตาสว่างเลยจ้า....เมื่อเจอ จุดตรวจคนเข้าเมือง
เอาละไง ก็นะ อ่านมาบ้าง กลัวเสียเงินฟรี เสียเวลาฟรี อารมณ์ดีๆจะหมดไป
(พาสปอร์ตขาวโล่ง เคยไป มาเลฯ กับสิงค์โป บางทีเปิดนี่ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ)
ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นตามระยะที่ลดลง ระหว่างนั้นก็ควักเอกสารมาถือไว้
เชิญต่อไปค่ะ!
ยื่นพาสปอร์ต ตม.หญิงเงยหน้าขึ้นมอง เรายิ้มกลับ ปั๊ม จบ...
เอ่อ...ก็ไม่เท่าไหร่นิ ผ่านละไง ฮิ้วววว
ออกมาหา wifi ฟรีสักหน่อย โหลดแผนที่เพื่อไปที่พัก
(ทริปนี้เราไม่ใช้ wifi แผนที่ก็โหลดค้างไว้เอา ข้อมูลก็จดในสมุดบันทึกเอา)
เราชอบเขียนนะ มันได้ฟีลดี แต่ว่า ยุ่งเหยิงมากกก ตอนนี้อ่านไม่ออกละ
จากนั้น เดินไปประชาสัมพันธ์ หยิบเอาไกด์บุ๊ค จากรูปบนคือเล่มสีขาว
แนะนำค่ะ กาดอกจัน*** นี่ใช้ตลอดทริป มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับโซล
แบ่งโซนที่เที่ยว วันเวลาเปิดปิด วิธีเดินทางไป อะไรอีกแสนแปด
เราแทบจะไม่ถามใครเลย เอาอยู่จริงๆ บางทีก็แอ๊บไปถามโอปป้าบ้าง555
(บัตรเติมเงิน สำหรับใช้ขึ้นรถ หรือซื้อของ)
เลยต้องเดิน....กลับไปร้านค้า เพื่อซื้อบัตร T-Money + เติมเงินไปเลยค่ะ
ไปค่ะ! ทุกคน ยังไม่ถึงๆ เพิ่งเริ่มเองงงงง
รูปวิวข้างทางระหว่างนั่งรถไฟ ภาพมันเบลอหน่ะ
-------------------------------------------------------------------------------
ถึงแล้ววววว ถึงสถานีนะ ออกมาสู่โลกกว้างเป็นไงๆ ฝนตก! ไม่ได้เตรียมตัวมา
ทางที่ออกเป็นสวนสาธารณะย่อมๆ มีที่นั่งพัก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เดินลุยฝนไปอีกกกกก
ไปเรื่อยๆ หลงนิดหน่อย จนเจอที่พัก คิดในใจ ดีนะที่ข้ามถนนมา ดีนะที่เลี้ยวมาทางนี้
บางที่ก็ออกนอกเส้นทางบ้างมันก็ไม่เป็นไร ถึงช้าหน่อยแต่เราก็เพลิน
อย่างที่บอกไปว่าพัก guesthouse ห้องนอนจะเป็นเตียงสองชั้น มีสองเตียง ลอคเกอร์ใต้เตียงไว้เก็บของ ห้องน้ำรวม ต้องเดินออกไป และมีโถงนั่งเล่น
พี่ที่ดูแลก็ให้คำแนะนำ ข้อปฏิบัติต่างๆ นี่พยักหน้า หงึก หงึก
ง่วงมากกกก เก็บของก็นอนเลยค่ะ
นอนยาววววว จนบ่ายสี่......จนท้องร้อง ได้เวลาออกหา(ของ)กิน
พี่ที่GH(Guesthouse) แนะนำให้ไปเดินที่ฮงแด บอกทางเสร็จสรรพ Go!
ฝนยังตกเหมือนเดิมเลยยืมร่มเค้าออกมา
เจอป้าขนมวาฟเฟิลที่เป็นรูปปลา อ่ะ กิน
เจอ G25 มินิมาร์ท มีมากพอๆกับ 7-11 อ่ะ หาขนมกิน
จนถึงถนนใหญ่ ก็เดินเข้า ทางออกสถานีรถไฟหนึ่ง ไปอีกทางออกหนึ่ง(เดินข้ามไปอีกฝั่งถนน)
Walking ‘Hongdae’
ขายของต่างๆทั้งเสื้อผ้า อาหาร ของใช้ ร้านรวงเต็มไปหมด
ริมถนน ก็มีน้องๆ คงนักศึกษา รวมกลุ่มมาเต้นกัน
สปริตแรงกล้าทั้งคนเต้นและคนดู ปรบมือ โยกตาม ส่งเสียง แลดูมีส่วนร่วม
เปียกปอนกันไป ใช่ค่ะ ฝนยังคงตกอยู่......เช่นเดิม
ใกล้ๆสวนสาธารณะ กลิ่นหอมโชยมา
วัฟเฟิลร้อนๆ ไส้หวานไปหน่อย (เห็นตอนแรกนึกว่าไอติม เป็นน้ำตาลซะ)
ร่มก็ต้องกาง ปากก็ต้องกิน หยดย้อยเลอะเทอะ
ขาลากกก ขากลับแวะร้านข้างทาง เต้นท์เล็กๆ
อยากกินอะไรก็ชี้เอา คุณลุงกัปป้าเอ็นจอย
เรากิน คิมบับ (ข้าวม้วนห่อสาหร่าย)
มันมีไส้หลายแบบ บรรยายไม่ถูก ก็พอกินได้ค่ะ
มีแก้วกระดาษเล็กๆ ใส่น้ำซุปไว้
(เคยเห็นในซีรี่ส์นึกว่าน้ำเปล่า คิดเองไปหลายอย่างละเนี่ยย 555)
นึกอีกว่าไม่ร้อนมาก อ๊ากกก ..ร้อนจนรู้ว่ามันลงไปถึงไหน”””
วางแผนว่าพรุ่งนี้จะไปไหน?
ไป ‘วัง’
จอมนางแห่งวังหลวง ‘Gyeongbokgung’
สายๆของเช้าวันใหม่ กินขนมปังที่เกสเฮาส์ตุนไปก่อน ประหยัดดี
ออกจากที่พักพร้อมยืมร่มจุดเหลือง
> Line 3 >Gyeongbokgung Station> ทางออก 5
จ่าน...จ๊านนน.....
สิ่งที่ดึงดูดสายตา
ต้นไม้สีเหลืองอร่าม ตั้งตระหง่าน
ภูเขาที่เป็นพื้นหลังของวัง
‘ชอบ’
เข้าไปข้างในก็เจอลานกว้าง.....คงเป็นลานเอาไว้สวนสนาม
ลักษณะวัง จะเป็นชั้นๆ เข้าไป เรื่อยๆ ตำหนักนู่นนี่
เลือกเดินได้ตามสบาย
ค่อยๆเดิน ค่อยๆมอง ขึ้นชื่อว่า”วัง”แล้ว งานละเอียดจริงๆ
ดูเรียบ แต่ดีเทลเยอะ บ่งบอกถึงความตั้งใจ ใส่ใจ
สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ ภาพตอนดู ซีรี่ส์ ลอยมาเลยย
เข้าประตูนั้น ออกประตูนี้ ก็มี งงบ้างเหมือนกันนะ
เดินวนไปค่ะ ของแบบนี้ไม่ต้องรีบ
ซึมซับบรรยากาศ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ.....ฟู่ววว
วันนี้คนไม่เยอะมาก สงบ กำลังดี
และนั่น
สองคน เค้ามากันสองคน ดูต้นไม้ใบหญ้า มองฟ้าไป ไม่อิจฉา
‘Move on’
----------------------------------------------
ประมาณบ่ายสอง ท้องร้องก็ต้องออกหาของกิน
ออกทางไหนก็ไม่รู้ เดินเลาะกำแพงวังจนเจอ ร้านขายขนม
เป็นรถขาย จอดอยู่คันเดียว
ขนมปังไส้ถั่วแดง
ซื้อแล้วก็เดิน แถวๆนั้น เจอกับบ้านโบราณจำลองในสมัยก่อน
ลองเข้าไปดูละกัน
รอบๆก็จะประกอบด้วยห้องโถง ห้องทำงาน ห้องนอน ห้องครัว
จัดวางข้าวของ โต๊ะ ตู้ จานชาม เพื่อจำลองบรรยากาศ
ทั้งตัวบ้านและรั้วไม่สูง กะทัดรัดน่ารัก
Art in Seoul"
อยู่ไทยไม่มีโอกาสได้ดู ก็แปลกดีค่ะ
ตัวอย่างเช่น
ดูปลาทอง 9 ตัวว่ายในแต่ละช่องวงกลม
งานศิลปะ(คล้ายตัวยูไขว้) ชื่อภาพ Person
มีหลายอัน ก็ชื่อภาพ People
ยืนเงียบนิ่งฟังเสียงว่า เธอคนนั้นกำลังทำอะไร
กระถางต้นไม้แขวนต่อกันลงมา
Art museum เป็นอาคารใหญ่เลย แบ่งเป็นชั้น ย่อยๆเป็นห้อง
มีงานศิลปะหลายแบบ
เลือกดูตามอัธยาศัย
บางที่จะมีหนังสือ แผ่นพับเล่มเล็ก สำหรับแนวคิดหรือที่มา
ชอบตรงที่ ผู้ชมมีทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็ก หนุ่ม สาว คนแก่
ใคร ใคร ก็ มา
“มาเพื่อคิดอะไรบ้างก็ดี หรือ ไม่คิดอะไรก็ดี”
หลบฝนจนพอใจ เดินกลับ ไปหน้าวัง
อธิบายก่อนว่า ตรงจากหน้าประตูวัง
จะเป็นอนุสาวรีย์กษัติรย์
เดินยาวไปจะเจอ คลองชอนเกยชอน ชื่ออ่านยากจริง
ตอนนั้นจัดงานโคมไฟ ยาวตลอดคลองเลยค่ะ สวยมากและคนเยอะพอสมควร
<นอกเรื่องแปป : ใจจริงอยากมาแบบชิลๆ สงบงี้ แต่ช่วงนั้นเทศกาลอะไรหลายงาน
ไปไหนก็เจอ ประเด็นคือ งานจบแล้วด้วย กำลังเก็บของกันหมด
ไม่ได้กิน หรือเดินดูอะไรเลยอ่ะ ไม่เป็นไร อีกฟีลนึงละกัน>
ใช้มือถือถ่ายนิดหน่อย นอกนั้นซึมซับบรรยากาศค่ะ
มองอะไร ไปเรื่อย ลมพัด อากาศเย็นทีเดียว
ไก่ปิ้ง อร่อย หรือ เราหิวก็ไม่รู้
มีน้ำจิ้มให้เลือกสามอย่าง กินข้างรถเลย
ประทับใจตรงวิธีการกิน คือ ต้องใช้แปรงจุ่มน้ำจิ้ม มาทาไก่แล้วกิน
ความที่ไม้ยาวเกิน จะยากต่อการกัดกิน
เราก็ใช้กรรไกรตัด ตัดไม้ออกไปเรื่อยๆ
‘จุ่ม ปาด กิน ตัด’
เดินไปอีกสักพัก ก็กลับเพราะรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย
แวะซื้อยาพารา และร่มใหม่คืนเค้า นี่ใช้จนพัง
พักผ่อนก่อนนะ
กว่าจะนอนก็เที่ยงคืนกว่า พรุ่งนี้ไปไหนติดตามกัน