ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าห่างออกไปแค่แปปเดียวโตเกียวมีป่าทึบซุกซ่อนอยู่
ป่าที่มีน้ำไหลจากยอดเขาสู่พื้นดินตลอดทั้งปี
มีชาวบ้านใช้วิธีจัดการน้ำตรงนี้มาปลูกเป็นแปลงวาซาบิเล็กๆ เป็นแนวยาว
ทริปสั้นๆ วันเดียว กับ 2 องศา
ที่ผมเปลี่ยนใจไม่เดินเข้าห้าง
แต่มาเดินเข้าป่ากับไกด์นำทางชาวออสซี่
ที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ออกเดินทางกันสองคนถ้วน โดยมีจุดหมายเป็นการขุดวาซาบิแล้วทำกินเองสดๆ
ได้ประสบการณ์กับโตเกียวในแบบใหม่
เรียกได้ว่าฟินขึ้นจมูกจนน้ำตาเล็ด
Kawai Station อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟหวานเย็น
หนึ่งในสถานที่ของโตเกียวที่มีประชาการน้อยมาก
น้อยจนโรงเรียนต้องปิดเพราะจำนวนนักเรียนมีไม่พอ
ผมนัดพบเดวิด ไกด์นำทางชาวออสซี่ที่มีครอบครัวอยู่ที่นี่นานกว่าสิบปี
เขาพาผมเดินไปยังทางเข้า
แค่เห็นปากทางก็ตื่นเต้นแล้ว
ผมจำไม่ได้แล้วว่าป่านี้เต็มไปด้วยต้นอะไร
จะเรียกว่าสนก็ไม่ใช่
ต้นโอ๊คก็ไม่เชิง
จริงๆ เดวิดบอกผมแล้ว
แต่ดันจำไม่ได้
แต่รู้ว่าป่านี้ทึบมาก
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
เขาบอกว่าเมื่อคืนก่อนมีหิมะตกหนัก
พอมองขึ้นไปบนยอดไม้
จึงมีสีขาวปกคลุมอยู่ปลายๆ
เวลาลมพัดหิมะก็จะร่วงลงมาสร้างบรรยากาศไปอีกแบบ
ผมไม่เคยมาเดินป่าที่ญี่ปุ่นแบบนี้คนเดียวหรอก
แต่รอบนี้มาโตเกียวแบบที่ไม่อยากไปเดินช้อปปิ้งแล้ว
เลยตัดสินใจมาเดินเล่นที่นี่ดู
เดวิดเดินนำทางพร้อมเล่าอดีตของป่าผืนนี้ให้ฟังอย่างละเอียด
ไม่แน่ใจว่าถ้ามีคนมาถามถึงป่าแถวบ้านเราบ้าง
ผมจะตอบได้ละเอียดเท่าเขาไหม
ใช้เวลาเดินประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกว่าจะเข้าใกล้พื้นที่ที่ชาวบ้านรวมทั้งเดวิดมาปลูกวาซาบิไว้
สักพักก็เดินมาถึงแนววาซาบิที่ถูกปลูกไว้ตามทางน้ำไหล
มีโต๊ะปิกนิคเล็กๆ มีกองไฟอยู่ข้างๆ เอาไว้กินข้าวเที่ยง
เขาลูกนี้มีน้ำจากยอดเขาไหลลงมาตลอดทั้งปี
แต่พวกเขาต้องจัดการทางการไหลของน้ำให้ดี
ให้พอที่จะเลี้ยงวาซาบิไว้ตลอดจนโตสามารถนำมากินได้
ดูไปๆ มันก็คล้ายๆ ใบบัวบกนะ
เดวิดเด็ดใบออกมาให้ผมกินใบนึง
เคี้ยวไปสักพัก กลิ่นวาซาบิก็ขึ้นจมูกแบบที่เคยกินมา
รอบๆ แปลงปลูกถูกปกคลุมด้วยป่าทึบ
เขาบอกว่าวันนี้ผมโชคดี เพราะมีแสงแดดตลอดทั้งวัน
ถ้ามาวันที่ไม่มีแดด
ป่านี้จะมืดกว่าเดิมเยอะมาก
เราเดินลุยไปบนแปลงที่มีก้อนหินวางไว้เป็นทางให้เดิน
เดวิดบอกว่าต้นนี้สวยที่สุด เพราะเริ่มออกดอกแล้ว
ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ เพราะวาซาบิต้นนึงกว่าจะเก็บกินได้
ใช้เวลาเกือบปี
คราวนี้ก็เลยขุด
เลย 555
สักพักแฟนของเดวิดที่เป็นคนญี่ปุ่นก็เดินป่าตามเข้ามาแล้วเอาอาหารเที่ยงมาให้
จำไม่ได้อีกนั่นแหละว่ามันเรียกว่าอะไร
แต่มันร้อนและอร่อยชะมัด
แถมได้นั่งดูสองสามีภรรยาพูดคุยกันอย่างออกรสชาต
อยู่ร่วมวงสนทนาด้วยแล้วรู้สึกอิจฉาตาร้อน
เราตั้งใจว่าจะกินวาซาบิกับเนื้อที่เตรียมไว้กันสดๆ
เริ่มต้นด้วยการบิด
ชิมครีม
แล้วจุ่มนม
ฝนๆ วาซาบิกับเขียงไปจนมันฟูออกมาเป็นเนื้อฟูๆ
แล้วก็เอามาจิ้มกับเนื้อที่เตรียมไว้
โคตรรรรรรรฟิน
ไม่รู้มาก่อนว่าทำกินกันแบบนี้
รสชาตอ่อนกว่าที่เคยกินที่ไทย
เดวิดบอกว่าวาซาบิที่เรากินกัน
บางเจ้าไม่ใช่วาซาบิเพียวๆ
มันถูกผสมไปด้วยพริกไทย หรือเครื่องเทศมากมาย
รสชาตมันจึงเปลี่ยนไป
เรานั่งฝนไปกินไป คนละคำสองคำ
นั่งคุยกันเรื่องเมืองไทย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ท่ามกลางกองไฟ
อากาศที่ 2 องศา
มีหิมะจากยอดไม้โปรยปรายมาบางเวลา
ใช้เวลาอยู่ในป่านี้ประมาณ 6 ชั่วโมง
ผมกับเดวิดก็เดินออกจากป่า
เราบอกลากัน
แล้วก็ผมนั่งรถไฟสายที่คนน้อยที่สุดในวันเสาร์
เข้าสู่โตเกียวอันวุ่นวาย
ไปเบียดเสียดกันที่ชินจุกุในช่วงเย็น
ช่างเป็นวันที่เห็นโตเกียวในแบบที่ไม่เคยสัมผัสจากครั้งก่อนๆ
แล้วพบกันใหม่
ง่วง - บันทึกนึกขึ้นได้
https://www.facebook.com/sleepydiary/
https://www.instagram.com/sooooosleepy/
Mountainside Wasabi Patch in TOKYO : ลุยโตเกียวหาป่าวาซาบิ
ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าห่างออกไปแค่แปปเดียวโตเกียวมีป่าทึบซุกซ่อนอยู่
ป่าที่มีน้ำไหลจากยอดเขาสู่พื้นดินตลอดทั้งปี
มีชาวบ้านใช้วิธีจัดการน้ำตรงนี้มาปลูกเป็นแปลงวาซาบิเล็กๆ เป็นแนวยาว
ทริปสั้นๆ วันเดียว กับ 2 องศา
ที่ผมเปลี่ยนใจไม่เดินเข้าห้าง
แต่มาเดินเข้าป่ากับไกด์นำทางชาวออสซี่
ที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่
ออกเดินทางกันสองคนถ้วน โดยมีจุดหมายเป็นการขุดวาซาบิแล้วทำกินเองสดๆ
ได้ประสบการณ์กับโตเกียวในแบบใหม่
เรียกได้ว่าฟินขึ้นจมูกจนน้ำตาเล็ด
Kawai Station อยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟหวานเย็น
หนึ่งในสถานที่ของโตเกียวที่มีประชาการน้อยมาก
น้อยจนโรงเรียนต้องปิดเพราะจำนวนนักเรียนมีไม่พอ
ผมนัดพบเดวิด ไกด์นำทางชาวออสซี่ที่มีครอบครัวอยู่ที่นี่นานกว่าสิบปี
เขาพาผมเดินไปยังทางเข้า
แค่เห็นปากทางก็ตื่นเต้นแล้ว
ผมจำไม่ได้แล้วว่าป่านี้เต็มไปด้วยต้นอะไร
จะเรียกว่าสนก็ไม่ใช่
ต้นโอ๊คก็ไม่เชิง
จริงๆ เดวิดบอกผมแล้ว
แต่ดันจำไม่ได้
แต่รู้ว่าป่านี้ทึบมาก
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
เขาบอกว่าเมื่อคืนก่อนมีหิมะตกหนัก
พอมองขึ้นไปบนยอดไม้
จึงมีสีขาวปกคลุมอยู่ปลายๆ
เวลาลมพัดหิมะก็จะร่วงลงมาสร้างบรรยากาศไปอีกแบบ
ผมไม่เคยมาเดินป่าที่ญี่ปุ่นแบบนี้คนเดียวหรอก
แต่รอบนี้มาโตเกียวแบบที่ไม่อยากไปเดินช้อปปิ้งแล้ว
เลยตัดสินใจมาเดินเล่นที่นี่ดู
เดวิดเดินนำทางพร้อมเล่าอดีตของป่าผืนนี้ให้ฟังอย่างละเอียด
ไม่แน่ใจว่าถ้ามีคนมาถามถึงป่าแถวบ้านเราบ้าง
ผมจะตอบได้ละเอียดเท่าเขาไหม
ใช้เวลาเดินประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกว่าจะเข้าใกล้พื้นที่ที่ชาวบ้านรวมทั้งเดวิดมาปลูกวาซาบิไว้
สักพักก็เดินมาถึงแนววาซาบิที่ถูกปลูกไว้ตามทางน้ำไหล
มีโต๊ะปิกนิคเล็กๆ มีกองไฟอยู่ข้างๆ เอาไว้กินข้าวเที่ยง
เขาลูกนี้มีน้ำจากยอดเขาไหลลงมาตลอดทั้งปี
แต่พวกเขาต้องจัดการทางการไหลของน้ำให้ดี
ให้พอที่จะเลี้ยงวาซาบิไว้ตลอดจนโตสามารถนำมากินได้
ดูไปๆ มันก็คล้ายๆ ใบบัวบกนะ
เดวิดเด็ดใบออกมาให้ผมกินใบนึง
เคี้ยวไปสักพัก กลิ่นวาซาบิก็ขึ้นจมูกแบบที่เคยกินมา
รอบๆ แปลงปลูกถูกปกคลุมด้วยป่าทึบ
เขาบอกว่าวันนี้ผมโชคดี เพราะมีแสงแดดตลอดทั้งวัน
ถ้ามาวันที่ไม่มีแดด
ป่านี้จะมืดกว่าเดิมเยอะมาก
เราเดินลุยไปบนแปลงที่มีก้อนหินวางไว้เป็นทางให้เดิน
เดวิดบอกว่าต้นนี้สวยที่สุด เพราะเริ่มออกดอกแล้ว
ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ เพราะวาซาบิต้นนึงกว่าจะเก็บกินได้
ใช้เวลาเกือบปี
คราวนี้ก็เลยขุดเลย 555
สักพักแฟนของเดวิดที่เป็นคนญี่ปุ่นก็เดินป่าตามเข้ามาแล้วเอาอาหารเที่ยงมาให้
จำไม่ได้อีกนั่นแหละว่ามันเรียกว่าอะไร
แต่มันร้อนและอร่อยชะมัด
แถมได้นั่งดูสองสามีภรรยาพูดคุยกันอย่างออกรสชาต
อยู่ร่วมวงสนทนาด้วยแล้วรู้สึกอิจฉาตาร้อน
เราตั้งใจว่าจะกินวาซาบิกับเนื้อที่เตรียมไว้กันสดๆ
เริ่มต้นด้วยการบิด
ชิมครีม
แล้วจุ่มนม
ฝนๆ วาซาบิกับเขียงไปจนมันฟูออกมาเป็นเนื้อฟูๆ
แล้วก็เอามาจิ้มกับเนื้อที่เตรียมไว้
โคตรรรรรรรฟิน
ไม่รู้มาก่อนว่าทำกินกันแบบนี้
รสชาตอ่อนกว่าที่เคยกินที่ไทย
เดวิดบอกว่าวาซาบิที่เรากินกัน
บางเจ้าไม่ใช่วาซาบิเพียวๆ
มันถูกผสมไปด้วยพริกไทย หรือเครื่องเทศมากมาย
รสชาตมันจึงเปลี่ยนไป
เรานั่งฝนไปกินไป คนละคำสองคำ
นั่งคุยกันเรื่องเมืองไทย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ท่ามกลางกองไฟ
อากาศที่ 2 องศา
มีหิมะจากยอดไม้โปรยปรายมาบางเวลา
ใช้เวลาอยู่ในป่านี้ประมาณ 6 ชั่วโมง
ผมกับเดวิดก็เดินออกจากป่า
เราบอกลากัน
แล้วก็ผมนั่งรถไฟสายที่คนน้อยที่สุดในวันเสาร์
เข้าสู่โตเกียวอันวุ่นวาย
ไปเบียดเสียดกันที่ชินจุกุในช่วงเย็น
ช่างเป็นวันที่เห็นโตเกียวในแบบที่ไม่เคยสัมผัสจากครั้งก่อนๆ
แล้วพบกันใหม่
ง่วง - บันทึกนึกขึ้นได้
https://www.facebook.com/sleepydiary/
https://www.instagram.com/sooooosleepy/