คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นลูกบ้านบ้านจัดสรรนะครับ
ทุกวันเวลากลับบ้าน ผมถอยรถจอดในบ้านทุกวันครับ ถ้าไม่ใช่แวะกลับบ้านไปเอาของ ทำธุระ 10-15 นาที ผมจะจอดในบ้านเสมอ
แต่ถ้าพ่อแม่มาจากต่างจังหวัด มีความจำเป็นต้องจอดหน้าบ้านคันนึง ผมก็จะจอดแอบชิดรั้วสุดๆ แล้วก็แจ้งเพื่อนบ้านข้างๆ เอาครับ
หลักคิดของผมมีแค่ เราซื้อบ้านกับพื้นที่แค่ไหน เรามีสิทธิแค่นั้นครับ บริเวณหน้าบ้านออกไปคือถนนในหมู่บ้าน เป็นพื้นที่สาธารณะ
ย้ำว่า "ถนน" มันคือพื้นที่สำหรับใช้ในการสัญจรของคนในหมู่บ้านครับ ไม่ใช่ที่จอดรถของบ้านหลังหนึ่งหลังใด แม้มันจะเป็นช่วงหน้าบ้านก็ตาม
แต่ผมก็พยายามเข้าใจปัญหาของบ้านอื่นๆ นะครับ โชคดีที่บ้านผมใช้รถแค่คันเดียว กับบ้านที่จอดได้ 1 คัน
บางหลังมี 2 คัน ด้วยความจำเป็น จะไล่ให้เค้าขายรถทิ้งก็คงไม่ใช่ แต่ก็อยากให้สำนึกกันครับว่าคุณกำลังใช้พื้นที่สาธารณะ
ถ้าคุณจอดแอบๆ ชิดรั้วบ้าน ไม่ไปขวางหน้าบ้านอื่นให้เดือดร้อน ผมก็พอเห็นเจตนาที่เค้ามีความสำนึกและเกรงใจอยู่ครับ
แต่มันก็มีคนบางจำพวก ซื้อบ้านจอด 1 คัน แต่มีรถ 3 คัน จอดแปะในช่องว่างของหมู่บ้านที่ติดป้ายห้ามจอดบ้าง
หรือบางคนยืนกรานจะจอดหน้าบ้าน บอกให้จอดแอบๆ ก็ไม่สน บอกว่าติดกระถางต้นไม้หน้าบ้าน จอดแอบไม่ได้บ้าง
ในหมู่บ้านผมมีครับคนแบบนี้ ผมอยากจะถามเค้าตรงๆ เหมือนกันว่าโตมาได้ยังไง พ่อแม่เลี้ยงให้โตมาแบบไหนกัน
แต่เท่าที่สังเกตโดยรวมหมู่บ้านผมยังมีคนที่มีจิตสำนึกดีมากกว่าอยู่ครับ ทำให้พออยู่ได้อย่างมีความสุข
เพิ่มเติม ที่คุณ จขกท. มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาตินี่ผมว่าไม่เกินเลยเลยครับ
จุดเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว มันแสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกขั้นพื้นฐานของคนในชาติเรานี่แหละครับ
ถ้าคนส่วนใหญ่มีจิตสำนึก รู้จักขอบเขตของสิทธิที่เราพึงมี มีความรู้สึกละอายใจในการเอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตน
สุดท้ายผลมันก็จะสะท้อนออกมาในภาพของสังคมส่วนรวมเอง
ทุกวันเวลากลับบ้าน ผมถอยรถจอดในบ้านทุกวันครับ ถ้าไม่ใช่แวะกลับบ้านไปเอาของ ทำธุระ 10-15 นาที ผมจะจอดในบ้านเสมอ
แต่ถ้าพ่อแม่มาจากต่างจังหวัด มีความจำเป็นต้องจอดหน้าบ้านคันนึง ผมก็จะจอดแอบชิดรั้วสุดๆ แล้วก็แจ้งเพื่อนบ้านข้างๆ เอาครับ
หลักคิดของผมมีแค่ เราซื้อบ้านกับพื้นที่แค่ไหน เรามีสิทธิแค่นั้นครับ บริเวณหน้าบ้านออกไปคือถนนในหมู่บ้าน เป็นพื้นที่สาธารณะ
ย้ำว่า "ถนน" มันคือพื้นที่สำหรับใช้ในการสัญจรของคนในหมู่บ้านครับ ไม่ใช่ที่จอดรถของบ้านหลังหนึ่งหลังใด แม้มันจะเป็นช่วงหน้าบ้านก็ตาม
แต่ผมก็พยายามเข้าใจปัญหาของบ้านอื่นๆ นะครับ โชคดีที่บ้านผมใช้รถแค่คันเดียว กับบ้านที่จอดได้ 1 คัน
บางหลังมี 2 คัน ด้วยความจำเป็น จะไล่ให้เค้าขายรถทิ้งก็คงไม่ใช่ แต่ก็อยากให้สำนึกกันครับว่าคุณกำลังใช้พื้นที่สาธารณะ
ถ้าคุณจอดแอบๆ ชิดรั้วบ้าน ไม่ไปขวางหน้าบ้านอื่นให้เดือดร้อน ผมก็พอเห็นเจตนาที่เค้ามีความสำนึกและเกรงใจอยู่ครับ
แต่มันก็มีคนบางจำพวก ซื้อบ้านจอด 1 คัน แต่มีรถ 3 คัน จอดแปะในช่องว่างของหมู่บ้านที่ติดป้ายห้ามจอดบ้าง
หรือบางคนยืนกรานจะจอดหน้าบ้าน บอกให้จอดแอบๆ ก็ไม่สน บอกว่าติดกระถางต้นไม้หน้าบ้าน จอดแอบไม่ได้บ้าง
ในหมู่บ้านผมมีครับคนแบบนี้ ผมอยากจะถามเค้าตรงๆ เหมือนกันว่าโตมาได้ยังไง พ่อแม่เลี้ยงให้โตมาแบบไหนกัน
แต่เท่าที่สังเกตโดยรวมหมู่บ้านผมยังมีคนที่มีจิตสำนึกดีมากกว่าอยู่ครับ ทำให้พออยู่ได้อย่างมีความสุข
เพิ่มเติม ที่คุณ จขกท. มองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาตินี่ผมว่าไม่เกินเลยเลยครับ
จุดเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว มันแสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกขั้นพื้นฐานของคนในชาติเรานี่แหละครับ
ถ้าคนส่วนใหญ่มีจิตสำนึก รู้จักขอบเขตของสิทธิที่เราพึงมี มีความรู้สึกละอายใจในการเอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตน
สุดท้ายผลมันก็จะสะท้อนออกมาในภาพของสังคมส่วนรวมเอง
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดยังไงกับข่าว"คู่กรณีกับหนุ่มแบงก์ยิงตัวตาย" ในเรื่องของ "ที่จอดรถในหมู่บ้าน"เป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวในตอนนี้
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงดูเหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้น เกิดจากเรื่องเล็กๆ เรื่อง"ที่จอดรถในหมู่บ้าน" ซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรื่องใหญ่นะ ใหญ่ระดับไหน?ผมมองระดับชาตินะ? ถามว่าทำไมผมมองไปมุมใหญ่โตอะไรขนาดนั้น?
อย่างนี้ครับ หมู่บ้านจัดสรรในประเทศเรานี่ มีแต่ปัญหา"เรื่องที่จอดรถ"ทุกหมู่บ้าน? คุณว่าจริงมั้ย? คือเราๆมักจะถกเถียงกันเรื่องของ "สิทธิ์" และพูดกันด้วยเรื่อง "ที่สาธารณะ" บนความต้องการ "ที่จอดรถ" คือเถียงกันทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว ขึ้นโรงขึ้นศาลฯ ก็มีให้เห็นอยู่ทุกวี่วัน
ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งพึ่งมีโอกาสได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง และก่อนหน้านั้น ไม่ค่อยให้ความสนใจกับข่าวพวกนี้เท่าไหร่ เพราะมองแล้วเป็นเรื่องไกลตัว จนได้มาสัมผัสความรู้สึกเดียวกัน คล้ายกับข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งมาจากเรื่อง"ที่จอดรถ"ในหมู่บ้าน แต่เรื่องราวไม่ใหญ่โตลุกลามไปขนาดนั้น
ในมุมของคนที่มีบ้านหัวมุม ก็จะมองถึงสิทธิประโยชน์ที่มันถูกพ่วงกับ"ราคาค่าบ้านที่มันสูง"ในมุมของคนที่มีบ้านตรงกลาง ก็มองเป็นส่วนของ"พื้นที่สาธารณะ" ซึ่งเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ตราบที่ไม่มีกฏหมายเข้ามาเป็นตัวบัญญัติเป็นสิทธิ์พึงได้ของใคร ซึ่งยากมากและเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำมั้ง
ในแง่ของผม มองที่"จิตสำนึก"มากกว่า แค่เราคิดเอาใจเขา มาใส่ใจเรา หากทุกคนคิดได้มันก็จบ คือเป็นไปได้อยู่พื้นที่ใครพื้นที่มัน รักษาสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ล้ำสิทธิ์ของเพื่อนบ้าน แค่นี้ก็อยู่กันสงบแล้ว อย่างแย่ๆเลยก็คือไม่ต้องถึงขั้นไปสร้างสัมพันธ์ภาพ ระหว่างเพื่อนบ้านอะไรขนาดนั้น เพราะอย่างที่รู้ๆยุคนี้มันเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นสังคมใครสังคมมัน นิดๆหน่อยๆก็ยอมกันยาก แต่มันมีเหตุและผลของมัน คือยอมแล้ว คนที่ทำแบบเดิมซ้ำๆซากๆไม่เกรงใจกัน คิดแต่เพียงว่า"คนอื่นต้องเข้าใจตัวเอง" แต่ "ตัวเองก็หาเข้าใจคนอื่นไม่?" กฏกติกาและมารยาทสังคมในยุคนี้ ผมมองว่าคนไทย ถูกปลูกฝังน้อยมาก ซึ่งจะว่าไปโดยๆรวมก็คือ"ความเห็นแก่ตัว"นั่นเอง
นี่ขนาดแค่เรื่อง"ที่จอดรถ"ในหมู่บ้านนะครับ ยังไม่รวมปัญหาเพื่อนบ้าน"ท่อรถยนต์เสียงดัง, เปิดเครื่องเสียงรถยนต์ทดสอบพลังเบส, การปล่อยสัตว์เลี้ยงสร้างความรำคาญฯ ,การจัดปาร์ตี้กินเหล้าหน้าบ้าน เปิดเพลงร้องเพลงเสียงดังเป็นประจำทุกวัน"ฯลฯ
และในมุมมองของทุกท่านละครับ สำหรับ "เรื่องที่จอดรถในหมู่บ้าน" ท่านคิดเห็นเช่นไร.......................