.
The Matrix Really . Ex 3
จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับก้อนหินดินกรวด
ถ้าเราเอามาสำรวจและขัดเกลาให้ใส มันก็สามารถกลายไปเป็นเพชรได้ ด้วยพลังแห่งปัญญา
.........
เมื่อตะกี้นี้ บังเอิญได้มีโอกาสกลับไปเจอกับกระทู้
" แชร์สนั่น!! เด็กหนุ่ม สุดพิลึก!! ผู้ทำให้คนทั้งประเทศ อ้าปากค้าง!! ด้วยความบ้าของเขา " อีกครั้ง
ซึ่งผมก็ได้ลืมไปว่าได้เคยเซฟเก็บเอาไว้ในกระทู้โปรดไปแล้ว
ถ้าไม่ได้บังเอิญไปเจออีกในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อ่านอีกในวันไหน๋
เพราะผมได้เซฟกระทู้โปรดเอาไว้หลายอันมากจนกระทู้ที่น่าสนใจทั้งหลาย
มันได้ตกลงไปอยู่ในลำดับล่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อกี้นี้ได้เจอกับข้อความในความคิดเห็นหนึ่งที่ผมได้ดูจากความเห็นท้าย ๆ ที่สุดขึ้นมา
ได้บอกว่า " นี่แหละครับเม็ดกรวดที่ถูกขัดเกลารอวันกลายเป็นเพชร "
จึงทำให้ผมนึกได้ว่า และจึงได้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ผมเคยได้อ่านพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า " คนเราบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา "
พระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสว่า ( จากความจำ ) จิตใจของเราดั้งเดิมแล้วมันบริสุทธิ์ผ่องใส
แต่ที่มันได้มัวหมองสกปรกไป ก็เพราะถูกปกคลุมด้วยอวิชา ก็คือ ความเห็นผิด
( จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับก้อนหินดินกรวด ถ้าเราเอามาสำรวจและขัดเกลา )
การหมั่นแสกนสำรวจตรวจตรา
เพื่อหาจุดอ่อนรูรั่วข้อบกพร่องผิดพลาดในชีวิตของตัวเราเอง
( เป็นประจำหรือตลอดเวลา แบบโปรแกรมแอนตี้ไวรัสภาษาไทย )
สำคัญมากยิ่งกว่าการเห็นข้อเสียของผู้อื่น
การจดจำบุญคุณคน สำคัญมากกว่าการจดจำสิ่งไม่ดีที่ผู้อื่นเคยกระทำกับเราเอาไว้
เพราะเราสามารถตอบแทนบุญคุณของทุกคนที่เคยทำดีกับเราได้
( ถ้าเรามีโอกาสหรือมีความสามารถ มีกำลังที่มากเพียงพอ )
แต่เราไม่สามาถตอบโต้กับทุกคนที่ทำไม่ดีหรือพูดไม่ดีกับเราได้
ถ้าเฉยได้ก็ควรเฉย ไม่ควรเอาขี้ไปแลกกับทอง เอ๊ย !!!
ไม่ควรไปด่านักอมน้ำเกลือในตำนาน เอ๊ย !!!
ไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอ๊ย !!! ถูกแล้ว ...
เพราะการตอบโต้ด่าทอกันไปมา เช่นในโลกโซเชียลนี้
มันได้สร้างสิ่งที่ไม่ดี เช่นการด่าทอ หรือฆ่าฟันกันมามากแล้ว
ดั่งที่ผมได้เคยกล่าวเอาไว้ในรายการหนึ่ง
ซึ่งนักพูดชื่อดังท่านได้ฟังแล้วก็ยังฮาแล้วพยักหน้าหรือยกนิ้วให้ผมก็ไม่แน่ใจ
ซึ่งผมได้บอกในประมาณปี ๔๒ หรือ ๔๓ นี่แหล่ะ
ว่า " ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ "
" ตายมามากแล้ว "
พอผมพูดจบเด็กนักเรียนมัธยมหญิงชายที่ได้อยู่ในห้องนั้นกันก็มากมายหลายคน
ก็ได้เฮฮาพากันขำกันกลิ้งกันใหญ่
บางคนก็ร้องกรี๊ดหรือส่งเสียงวี้ดวิ้ว ( เพราะฮาหรือครับ ? )
เปล่าหรอก เพราะโดนผมเหยียบตลีน ตอนที่ต้องรีบเดินทางกลับออกมาก่อนที่รายการจะเลิกอัดเทปจนจบ
The Matrix Really . Ex 3 จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับก้อนหินดินกรวด ถ้าเราเอามาสำรวจและขัดเกลาให้ใส มันก็กลายเป็นเพชรได้
The Matrix Really . Ex 3
จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับก้อนหินดินกรวด
ถ้าเราเอามาสำรวจและขัดเกลาให้ใส มันก็สามารถกลายไปเป็นเพชรได้ ด้วยพลังแห่งปัญญา
.........
เมื่อตะกี้นี้ บังเอิญได้มีโอกาสกลับไปเจอกับกระทู้
" แชร์สนั่น!! เด็กหนุ่ม สุดพิลึก!! ผู้ทำให้คนทั้งประเทศ อ้าปากค้าง!! ด้วยความบ้าของเขา " อีกครั้ง
ซึ่งผมก็ได้ลืมไปว่าได้เคยเซฟเก็บเอาไว้ในกระทู้โปรดไปแล้ว
ถ้าไม่ได้บังเอิญไปเจออีกในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อ่านอีกในวันไหน๋
เพราะผมได้เซฟกระทู้โปรดเอาไว้หลายอันมากจนกระทู้ที่น่าสนใจทั้งหลาย
มันได้ตกลงไปอยู่ในลำดับล่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อกี้นี้ได้เจอกับข้อความในความคิดเห็นหนึ่งที่ผมได้ดูจากความเห็นท้าย ๆ ที่สุดขึ้นมา
ได้บอกว่า " นี่แหละครับเม็ดกรวดที่ถูกขัดเกลารอวันกลายเป็นเพชร "
จึงทำให้ผมนึกได้ว่า และจึงได้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา
ผมเคยได้อ่านพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า " คนเราบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา "
พระพุทธเจ้าท่านก็เคยตรัสว่า ( จากความจำ ) จิตใจของเราดั้งเดิมแล้วมันบริสุทธิ์ผ่องใส
แต่ที่มันได้มัวหมองสกปรกไป ก็เพราะถูกปกคลุมด้วยอวิชา ก็คือ ความเห็นผิด
( จิตใจของคนเรามันก็เหมือนกับก้อนหินดินกรวด ถ้าเราเอามาสำรวจและขัดเกลา )
การหมั่นแสกนสำรวจตรวจตรา
เพื่อหาจุดอ่อนรูรั่วข้อบกพร่องผิดพลาดในชีวิตของตัวเราเอง
( เป็นประจำหรือตลอดเวลา แบบโปรแกรมแอนตี้ไวรัสภาษาไทย )
สำคัญมากยิ่งกว่าการเห็นข้อเสียของผู้อื่น
การจดจำบุญคุณคน สำคัญมากกว่าการจดจำสิ่งไม่ดีที่ผู้อื่นเคยกระทำกับเราเอาไว้
เพราะเราสามารถตอบแทนบุญคุณของทุกคนที่เคยทำดีกับเราได้
( ถ้าเรามีโอกาสหรือมีความสามารถ มีกำลังที่มากเพียงพอ )
แต่เราไม่สามาถตอบโต้กับทุกคนที่ทำไม่ดีหรือพูดไม่ดีกับเราได้
ถ้าเฉยได้ก็ควรเฉย ไม่ควรเอาขี้ไปแลกกับทอง เอ๊ย !!!
ไม่ควรไปด่านักอมน้ำเกลือในตำนาน เอ๊ย !!!
ไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอ๊ย !!! ถูกแล้ว ...
เพราะการตอบโต้ด่าทอกันไปมา เช่นในโลกโซเชียลนี้
มันได้สร้างสิ่งที่ไม่ดี เช่นการด่าทอ หรือฆ่าฟันกันมามากแล้ว
ดั่งที่ผมได้เคยกล่าวเอาไว้ในรายการหนึ่ง
ซึ่งนักพูดชื่อดังท่านได้ฟังแล้วก็ยังฮาแล้วพยักหน้าหรือยกนิ้วให้ผมก็ไม่แน่ใจ
ซึ่งผมได้บอกในประมาณปี ๔๒ หรือ ๔๓ นี่แหล่ะ
ว่า " ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ "
" ตายมามากแล้ว "
พอผมพูดจบเด็กนักเรียนมัธยมหญิงชายที่ได้อยู่ในห้องนั้นกันก็มากมายหลายคน
ก็ได้เฮฮาพากันขำกันกลิ้งกันใหญ่
บางคนก็ร้องกรี๊ดหรือส่งเสียงวี้ดวิ้ว ( เพราะฮาหรือครับ ? )
เปล่าหรอก เพราะโดนผมเหยียบตลีน ตอนที่ต้องรีบเดินทางกลับออกมาก่อนที่รายการจะเลิกอัดเทปจนจบ