ช่วงนี้ยังเป็นฤดูกาลเข้ามหาวิทยาลัยอยู่เลย แต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ..จริงๆม.ปลายเรียนกับหนักแต่ดูเหมือนว่าแป๊บๆก็ใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว มีทั้งคุณแม่และนักเรียนมาถามเมย์หลายคนว่าจะเรียนอะไรดี .. เมย์เองรู้จักจริงๆไม่กี่วิชาชีพนะคะ แต่ที่รู้เยอะหน่อยก็จะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ และก็มีคำถามอีกว่าจะเรียนอินเตอร์หรือไม่อินเตอร์ดี และเรียนภาคอินเตอร์แล้วมันจะอ่อนกว่าภาคไทยไหม
เรื่องอ่อนไม่อ่อนนี่พูดลำบากนะคะ ส่วนตัวเมย์จากการที่คุยกับอาจารย์ที่สอนอินเตอร์ที่เป็นเพื่อนกันหลายๆท่าน อาจารย์ที่เมย์คุยดีมากและเอาใจใส่จริงๆ และอาจารย์บางท่านก็สอนทั้งอินเตอร์และภาคไทย หนังสือก็ใช้เหมือนกันหลายเล่ม ถ้าจะดูจริงๆ ก็ลองไปสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยดีกว่าค่ะว่าอัตราส่วนอาจารย์กับนักศึกษาเป็นอย่างไร อาจารย์มีเวลาให้นักศึกษามากน้อยแค่ไหน ยิ่งเราสามารถได้ใกล้ชิดอาจารย์และสอบถามเรื่องที่สงสัยได้มากเท่าไหร่ นักศึกษาก็ยิ่งได้ประโยชน์มากเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าพูดเรื่องคุณภาพอาจารย์ ส่วนตัวเมย์เชื่อจริงๆว่าทุกมหาวิทยาลัยก็พยายามให้ดีที่สุดที่จะนำผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีมาสอนค่ะ
ส่วนเรียนอินเตอร์ดีไหม เอาเป็นว่าถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ จบไปมีโอกาสที่จะได้เงินเดือนสูงกว่าคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันและพูค่ะ และโอกาสในชีวิตก็จะมากกว่าด้วย เมย์ไม่ได้เรียนอินเตอร์ แต่ก็หัดภาษาอังกฤษเอาข้างนอกค่ะ อยากจะบอกว่า ขนาดตอนเรียนหนังสือภาษาอังกฤษของเมย์ก็ไม่ได้ไก่กาอะไร ไปทำงานกับคนต่างชาติช่วงแรกๆยังมึนเลยค่ะเพราะว่าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ คิดว่าถ้าได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยขึ้นก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวเยอะเท่านั้นก็ได้นะคะ
ข้อดีอีกอย่างของการที่เราสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษคือสามารถเข้าถึงความรู้ได้เยอะและเร็วกว่าคนอื่น เมย์สามารถฟัง youtube โดยที่ไม่ต้องรอคนแปลซับให้ได้ มีเรื่องใหม่ๆไปโม้ให้เด็กฟังเยอะเลยค่ะ (ฮา) โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคเนี่ยภาษาไทยมีน้อยค่ะเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ
สรุปก็คือคนที่ฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ได้เปรียบกว่าค่ะ แต่จะไปเรียนอินเตอร์หรือจะไปหัดเอาข้างนอกก็ได้ และคนที่ได้โอกาสฝึกภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอจะได้เปรียบกว่ามาก มันจะคล่องแคล่วไม่ขัดเขินกว่ากันเยอะเลย
ส่วนคนที่กลัวการอ่านภาษาอังกฤษแต่อยากเรียนวิศวะ ก็จะบอกว่าหนังสือวิศวะส่วนมากนี่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ เหอๆๆๆ แม้จะไม่ได้เรียนอินเตอร์ก็ตาม หนังสือที่เฉพาะเจาะจงมากๆ บ้านเรายังแปลได้ไม่เยอะ แต่ภาษาอังกฤษในหนังสือก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรค่ะ เป็น grammar ที่ไม่ได้ซับซ้อนแบบนิยาย ศัพท์ที่ใช้ก็เป็นศัพท์เทคนิคที่เราคุ้นเคยกันอยู่ นอกนั้นศัพท์อื่นๆก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรค่ะ
การเข้ามหาวิทยาลัยนั้น หลายคนคงทราบว่าแอดมิชชั่นจะไม่มีแล้วในปี 61 เปลี่ยนเป็นสอบเอ็นทรานซ์แทน แต่ก็ยังมีโควต้าและการสอบตรงอยู่และหลายที่ก็รับหลายรอบนะคะ
ดังนั้นในช่วงเปลี่ยนแปลงระบบนี้ ใครอยากจะเข้าคณะอะไรช่วงนี้ก็ติดตามประกาศจากทางมหาวิทยาลัยสม่ำเสมอนะคะ มีประกาศอยู่ตลอดเลย
ตอนนี้หลายๆที่ประกาศรับผลไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังเรียนอยู่ลองเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นทางเลือกกันดูค่ะและก็เป็นไอเดียด้วยว่า วิศวะอินเตอร์ที่มีคนเคยถามๆถึงแต่ละที่เค้าเรียนอะไรบ้าง จ่ายกันกี่บาทค่ะ ก็จะทำไว้ให้ผู้ปกครองบางท่านดูด้วย อาจจะลงได้ไม่ครบนะคะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็บอกกันได้นะคะ โดยเฉพาะค่าเทอม บางอันก็หาค่าใช้จ่ายของหลักสูตรไปต่อเมืองนอกไม่เจอค่ะ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยลัย
สาขาที่เปิด
Automotive design and manufacturing Engineering
Aerospace Engineering
Information and Communication Engineering
Nano Engineering
Exchange program :
หลายประเทศในยุโรป อเมริกา และเอเชีย
ค่าเทอม
เทอมละ 91,000 บาท
ภาคฤดูร้อน 40,250 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ise.eng.chula.ac.th
------------------------------------------------
มหาวิทยาลัยมหิดล
สาขาที่เปิด
Computer Engineering
ค่าใช้จ่าย
4ปี 715,600 บาท
Exchange Program
มีทุกทวีปเลย ยกเว้นอาฟริกา
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.muic.mahidol.ac.th/
---------------------------------------------
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
สาขาที่เปิด
Software Engineering
Exchange program
บางประเทศในยุโรป
ค่าเทอม
เทอมละ 75,000 บาท
ไปเรียนต่อที่ University of Glasgow ประมาณ GBP 15,600 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ic.kmitl.ac.th/
----------------------------------------------
จัดหน้าแล้วมันเป็นพรืดๆเลย เดี๋ยวไปต่อใน comment ละกันนะคะ
ถ้าอยากเข้าวิศวะอินเตอร์ มีที่ไหนให้เลือกบ้างและข้อดีการเรียนอินเตอร์
ช่วงนี้ยังเป็นฤดูกาลเข้ามหาวิทยาลัยอยู่เลย แต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ..จริงๆม.ปลายเรียนกับหนักแต่ดูเหมือนว่าแป๊บๆก็ใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว มีทั้งคุณแม่และนักเรียนมาถามเมย์หลายคนว่าจะเรียนอะไรดี .. เมย์เองรู้จักจริงๆไม่กี่วิชาชีพนะคะ แต่ที่รู้เยอะหน่อยก็จะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ และก็มีคำถามอีกว่าจะเรียนอินเตอร์หรือไม่อินเตอร์ดี และเรียนภาคอินเตอร์แล้วมันจะอ่อนกว่าภาคไทยไหม
เรื่องอ่อนไม่อ่อนนี่พูดลำบากนะคะ ส่วนตัวเมย์จากการที่คุยกับอาจารย์ที่สอนอินเตอร์ที่เป็นเพื่อนกันหลายๆท่าน อาจารย์ที่เมย์คุยดีมากและเอาใจใส่จริงๆ และอาจารย์บางท่านก็สอนทั้งอินเตอร์และภาคไทย หนังสือก็ใช้เหมือนกันหลายเล่ม ถ้าจะดูจริงๆ ก็ลองไปสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยดีกว่าค่ะว่าอัตราส่วนอาจารย์กับนักศึกษาเป็นอย่างไร อาจารย์มีเวลาให้นักศึกษามากน้อยแค่ไหน ยิ่งเราสามารถได้ใกล้ชิดอาจารย์และสอบถามเรื่องที่สงสัยได้มากเท่าไหร่ นักศึกษาก็ยิ่งได้ประโยชน์มากเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าพูดเรื่องคุณภาพอาจารย์ ส่วนตัวเมย์เชื่อจริงๆว่าทุกมหาวิทยาลัยก็พยายามให้ดีที่สุดที่จะนำผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีมาสอนค่ะ
ส่วนเรียนอินเตอร์ดีไหม เอาเป็นว่าถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ จบไปมีโอกาสที่จะได้เงินเดือนสูงกว่าคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันและพูค่ะ และโอกาสในชีวิตก็จะมากกว่าด้วย เมย์ไม่ได้เรียนอินเตอร์ แต่ก็หัดภาษาอังกฤษเอาข้างนอกค่ะ อยากจะบอกว่า ขนาดตอนเรียนหนังสือภาษาอังกฤษของเมย์ก็ไม่ได้ไก่กาอะไร ไปทำงานกับคนต่างชาติช่วงแรกๆยังมึนเลยค่ะเพราะว่าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ คิดว่าถ้าได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยขึ้นก็อาจจะไม่ต้องปรับตัวเยอะเท่านั้นก็ได้นะคะ
ข้อดีอีกอย่างของการที่เราสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษคือสามารถเข้าถึงความรู้ได้เยอะและเร็วกว่าคนอื่น เมย์สามารถฟัง youtube โดยที่ไม่ต้องรอคนแปลซับให้ได้ มีเรื่องใหม่ๆไปโม้ให้เด็กฟังเยอะเลยค่ะ (ฮา) โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคเนี่ยภาษาไทยมีน้อยค่ะเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ
สรุปก็คือคนที่ฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ได้เปรียบกว่าค่ะ แต่จะไปเรียนอินเตอร์หรือจะไปหัดเอาข้างนอกก็ได้ และคนที่ได้โอกาสฝึกภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอจะได้เปรียบกว่ามาก มันจะคล่องแคล่วไม่ขัดเขินกว่ากันเยอะเลย
ส่วนคนที่กลัวการอ่านภาษาอังกฤษแต่อยากเรียนวิศวะ ก็จะบอกว่าหนังสือวิศวะส่วนมากนี่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ เหอๆๆๆ แม้จะไม่ได้เรียนอินเตอร์ก็ตาม หนังสือที่เฉพาะเจาะจงมากๆ บ้านเรายังแปลได้ไม่เยอะ แต่ภาษาอังกฤษในหนังสือก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรค่ะ เป็น grammar ที่ไม่ได้ซับซ้อนแบบนิยาย ศัพท์ที่ใช้ก็เป็นศัพท์เทคนิคที่เราคุ้นเคยกันอยู่ นอกนั้นศัพท์อื่นๆก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรค่ะ
การเข้ามหาวิทยาลัยนั้น หลายคนคงทราบว่าแอดมิชชั่นจะไม่มีแล้วในปี 61 เปลี่ยนเป็นสอบเอ็นทรานซ์แทน แต่ก็ยังมีโควต้าและการสอบตรงอยู่และหลายที่ก็รับหลายรอบนะคะ
ดังนั้นในช่วงเปลี่ยนแปลงระบบนี้ ใครอยากจะเข้าคณะอะไรช่วงนี้ก็ติดตามประกาศจากทางมหาวิทยาลัยสม่ำเสมอนะคะ มีประกาศอยู่ตลอดเลย
ตอนนี้หลายๆที่ประกาศรับผลไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังเรียนอยู่ลองเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นทางเลือกกันดูค่ะและก็เป็นไอเดียด้วยว่า วิศวะอินเตอร์ที่มีคนเคยถามๆถึงแต่ละที่เค้าเรียนอะไรบ้าง จ่ายกันกี่บาทค่ะ ก็จะทำไว้ให้ผู้ปกครองบางท่านดูด้วย อาจจะลงได้ไม่ครบนะคะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็บอกกันได้นะคะ โดยเฉพาะค่าเทอม บางอันก็หาค่าใช้จ่ายของหลักสูตรไปต่อเมืองนอกไม่เจอค่ะ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยลัย
สาขาที่เปิด
Automotive design and manufacturing Engineering
Aerospace Engineering
Information and Communication Engineering
Nano Engineering
Exchange program :
หลายประเทศในยุโรป อเมริกา และเอเชีย
ค่าเทอม
เทอมละ 91,000 บาท
ภาคฤดูร้อน 40,250 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ise.eng.chula.ac.th
------------------------------------------------
มหาวิทยาลัยมหิดล
สาขาที่เปิด
Computer Engineering
ค่าใช้จ่าย
4ปี 715,600 บาท
Exchange Program
มีทุกทวีปเลย ยกเว้นอาฟริกา
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.muic.mahidol.ac.th/
---------------------------------------------
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
สาขาที่เปิด
Software Engineering
Exchange program
บางประเทศในยุโรป
ค่าเทอม
เทอมละ 75,000 บาท
ไปเรียนต่อที่ University of Glasgow ประมาณ GBP 15,600 ต่อปี
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://www.ic.kmitl.ac.th/
----------------------------------------------
จัดหน้าแล้วมันเป็นพรืดๆเลย เดี๋ยวไปต่อใน comment ละกันนะคะ