มะนิลา ฟิลิปินส์ เมืองที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงในการไปท่องเที่ยวมากนัก
แต่เป็นเมืองนึง ที่เป็น Destination ในแพลนที่ผมเคยคิดว่าอยากมีโอกาสไปซักครั้งมาหลายปีแล้ว
จนในที่สุดก็สบโอกาสอันดี ที่จะได้มีโอกาศไปเที่ยวที่นี่จนได้ ส่วนวัตถุประสงค์หลักในการไปครั้งนี้ คืออะไร เดี๋ยวจะมาเฉลยในกระทู้นะครับ
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันเยอะแยะ ขึ้นเครื่องบินกันเลยดีกว่าครับ
การเดินทางครั้งนี้ ผมบินกับการบินไทย ใช้เวลาเดินทางสบายๆ เพียง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพ ก็ถึงมะนิลาแล้ว
วิวเมืองมะนิลาก่อนแลนด์ดิ้งไม่ถึง 2 นาที เครื่องแทบเฉียดหลังคาบ้านกันเลยทีเดียว
เนื่องจากสนามบิน Ninoy Aquino International Airport นั้นเป็นสนามบินที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมาก
อารมณ์เดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเรานั่นหละครับ
หลังจากแลนด์เรียบร้อย การผ่าน ตม. ก็เป็นภารกิจต่อมา ซึ่งวันที่ผมออกเดินทาง คือ วันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นวันที่จะมี Event พิเศษงานหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่วันนี้ ตม. สนามบินจะต้องทำงานหนักกันเป็นพิเศษ
เพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ครับ
เมื่อสามารถผ่านฝูงชนออกมาได้แล้ว ก็ถึงเวลาเคลื่อนตัวเข้าที่พักครับ โดยที่พักที่ผมพักครั้งนี้ ติดอยู่กับอ่าวมะนิลา
ถือว่าได้มีโอกาสเทควิวสวยๆ ได้สบายๆ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาเอนหลังซักหน่อย เพราะเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาสนามบิน
กว่าจะมาถึงที่นี่ ก็ล่อเข้าไปบ่ายแก่ๆ แล้วครับ ต้องแอบเก็บแรงไว้นิดนึงเพราะเย็นนี้ ผมจะต้องไปร่วม Event สำคัญที่ผมได้เกริ่นไป
เอาละ เฉลยกันตั้งแต่ต้นเรื่องเลยแล้วกันน่ะครับ
สาเหตุที่ทำให้ผมได้มาฟิลิปินส์ในครั้งนี้ ก็เพราะว่า ในปีนี้ ฟิลิปินส์ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประกวด Miss Universe
หรือนางงามจักรวาลขึ้น ซึ่งจากการที่ผมได้มีโอกาสไปชมมาแล้วครั้งหนึ่งในปีที่แล้วที่ลาส เวกัส ประกอบกับความเป็นแฟนเวทีนี้
ก็อดไม่ได้ครับ ที่จะขอเดินทางมาเชียร์ติดขอบเวทีอีกครั้ง เนื่องจากทั้งใกล้ ประหยัดค่าใช้จ่าย และอยากมาเที่ยวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
และวันนี้ (วันที่เดินทาง) คือวันที่ 26 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่กองประกวดนางงามจักรวาล จะจัดการประกวดรอบเก็บคะแนน (Preliminary) ครับ
โดยการประกวดทั้งรอบเก็บคะแนน และรอบวันตัดสินจะจัดขึ้นทีนี่ครับ MOA หรือ Mall of Asia Arena อารมณ์มันก็คือ Impact บ้านเรานั่นแหละครับ
ซึ่ง ณ จุดนี้ บรรยากาศในการชมรอบเก็บคะแนนนั้น กองเชียร์ก็จากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าภาพ ก็มากันล้นหลามพอสมควร
โดยการประกวดนั้น จะแบ่งออกเป็น การประกวดรอบชุดว่ายน้ำ ชุดราตรี และ ชุดประจำชาติ
ผมก็ขอเอารูปชุดประจำชาติมาฝากก็แล้วกันน่ะครับ
ชุด Jewel of Thailand กับน้องน้ำตาลคนสวยของเรา
ชุด Moulin Rouge กับนางงามจักรวาลคนล่าสุดจากประเทศฝรั่งเศส
และชุดนางหุ่นกระบอกเชิด จากประเทศพม่า ซึ่งได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมจากการประกวดปีนี้ครับ
เอาละครับ คราวนี้เราก็มาพักเรื่องคนสวย คนงามกันไปยาวๆ ก่อน เพราะในวันที่ 2-4 ของการเดินทางมาที่นี่
จะเป็นวันที่ผมใช้ออกเที่ยวเมืองมะนิลาแห่งนี้ แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาดูคนสวยกันอีกทีในช่วงท้ายๆ นะครับ
วันที่ 2 ของการเดินทาง ผมเลือกไป คือ การไปยังเขต Makati ซึ่ง ชาวปินอยภาคภูมิใจกันอย่างถึงที่สุด
ถึงกับเรียกบริเวณนี้ว่านิวยอร์คแห่งเอเชียกันเลยทีเดียว
เนื่องด้วยว่าย่านมากาตินี้ จะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศ เต็มไปด้วยตึกสูง สำนักงาน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ถนน 8 เลน
เรียกได้ว่าทุกความไฮโซหรูหราจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครับ
อีกทั้งระแวกนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวทั้งหลาย เรียกได้ว่าใจริง ก็ต้องมาอยู่กันแถวๆ นี้แหละครับ
เดินชมตึกได้ซักพัก ก็เดินมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ชื่อ Ayala Triangle
สวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่โต ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงกลางเมืองมะนิลา
ที่นี่ หนุ่มสาวชาวปินส์ จะมาใช้เวลาว่างๆ เดินเล่น ถ่ายรูป หาอาหารทาน และทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ชมคอนเสริต ถ่ายรูป อ่านหนังสือ นอนเล่น
อารมณ์มันก็คล้ายๆ สวนลุมบ้านเรา แต่เล็กกว่า และแอบมีร้านอาหารเก๋ๆ ให้นั่ง
Ayala Triangle เป็นสวนที่ขนาดไม่ใหญ่ครับ เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว
เราก็ออกเดินกันต่อเพื่อจะไปเดินห้างหาไรทานครับ ซึ่งจะต้องมีการข้ามถนน ในโซนนี้มีอุโมงค์ให้ข้าม
ขนาดภายในยังมีความเก๋เลย แต่ในโซนอื่นๆ ที่ได้มีโอกาสลอด ไม่สะอาดเท่านี้นะฮะ
Sky Walk ก็มีไม่น้อยหน้าสยามบ้านเราครับ แถมเชื่อมต่อไปยังบรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งหลายที่ตั้งอยู่บริเวณนี้เหมือนกันด้วย
ลัดๆ เลาะๆ มาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็มาถึง Glorrieta Mall Makati City ที่นี่ เราได้มาเจอกับร้านฟรอซเซ่นโยเกิร์ต
ที่เราสามารถเลือกผลไม้ และซอส ใส่เข้าไป ซึ่งร้านนี้เรียกมันว่า SANUM ราคา 200 เปโซ
ขอบอกเลยว่าต้องลองน่ะครับ มันอร่อยโพดๆ
อ่อ ไหนๆ ก็พูดเรื่องของกิน อีก 1 อย่างที่เมื่อมามะนิลาแล้วควรจะหาโอกาสชิม ก็คือร้านฟาสต์ฟูดที่ชื่อ Jolli Bee
เพราะมันเป็นร้าน Fast Food ชื่อดังในประเทศนี้ ที่หาได้แทบจะทุกมุมเมือง ที่สำคัญราคาถูกกว่าหลายๆ ยี่ห้อด้วย
ส่วนตัวอาหารมันก็คือแมคโดนัล ผสมกับ เคเอฟซี นั่นแหละครับ แต่ที่แปลกหน่อยก็คือ ที่นี่เค้าจะเสิร์ฟอาหาร
โดยเฉพาะพวกไก่ทอดกับข้าวสวยอัดแน่นๆ เป็นก้อนๆ ครับ
ส่วนอาหารฟิลิปินส์จริงๆ ก็คล้ายๆ กับอาหารไทยนี่แหละครับ แต่ว่าบอกเลยว่ารสชาติค่อนข้างเค็มจัดจริงๆ ครับ
ไม่ว่าจะร้านถูก ร้านแพง เค็มพอกันหมดครับ
ค่ำคืนนี้ เราก็เลือกที่จะเสพบรรยากาศยามค่ำคืนของบริเวณ Makati กันไปเรื่อยๆ ครับ
สำหรับผม ผมรู้สึกว่าย่านมากาติแห่งนี้สวยมากนะ คือมันไม่สวยด้วยรูปถ่ายของผม แต่ว่าถ้าใครได้ลองขับรถวนไป วนมาในบริเวณนี้
จะรู้สึกเลยว่ามันเป็นเมืองที่ดูมีความเจริญมาก การวางผังเมือง ผังตึกต่างๆ สวยงามคล้ายกับสิงคโปร์ ผสมนิวยอร์คจริงๆ อย่างที่เค้าอวดอ้างกัน
ไหนๆ ก็อยู่กันจนค่ำมืดแล้ว ก็อดไม่ได้ครับที่จะต้องแวะดูซักหน่อย กับคลับ บาร์ ของเมืองมะนิลา
คำแนะนำของผมก็คือ คนแพ้บุหรี่ ควรงดเข้าทุกกรณี เพราะที่นี่ เค้าเหมือนกับที่มาเลเซียเลย คือ ดูดบุหรีได้ตามสะดวกในร้าน
ดังนั้นการเข้าไปในร้านเนี่ย ก็คือการเข้าไปรมควันดีๆ นี่เอง
ร้านที่นี่ เท่าที่ผมไปมา 2 ร้าน จะมีการคิดค่าเข้าร้าน แล้วสามารถเอาไปแลกเป็นเครื่องดืมได้ภายในนะครับ
แต่ว่าเป็นแบบนี้ทุกร้านรึป่าว อันนี้ก็ไม่แน่ใจจริงๆ
วันที่ 3 วันนี้ (29 มกราคม) นอกจากจะเป็นวันตรุษจีนแล้ว สำหรับทริปนี้ ก็จะเป็นวันที่ผมได้มีโอกาศในการเดินทางเที่ยวเยอะหน่อย
เพราะจะเข้าไปในเขต Intramuros หรือว่าเขตเมืองเก่าในบริเวณกำแพงเมืองเดิม ของมะนิลา
แต่ว่าก่อนการไปที่นั่น ผมเลือกที่จะเลยเขต Intramuros ออกมานิดนึงก่อน
ชมวิวระหว่างทางกันไปครับ
ระหว่างทางก็ผ่าน National Museum (อาคารขาว) และ Manila City Hall (อาคารแดงครับ)
มะนิลา ก็มีแม่น้ำผ่ากลางเมืองน่ะครับ ชื่อว่าแม่น้ำปาซิก (Pasik River)
ส่วนสะพานที่เรากำลังข้ามกันนี้ชื่อสะพาน Quezon ครับ
อย่างที่หลายท่านคงทราบดีว่าที่ฟิลิปินส์นั่น นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกกันเป็นหลัก
หากท่านใดนับถือศาสนาคริสต์ ก็คงจะเคยได้ยินเสียงลือ เสียงเล่าอ้างถึงชื่อเสียงของรูปปั้น พระเยซูองค์ดำ หรือ Black Nazarene กันมาบ้างน่ะครับ
ซึ่ง ที่นี่จึงเป็น 1 ในเป้าหมายที่ผมอยากจะมาชมด้วยตัวเอง ซึ่งรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ในเขต Quiapo ซึ่งติดๆ กับ Intramuros เพียงแค่ข้ามแม่น้ำมาครับ
ที่เห็นอยู่ด้านซ้ายมือนั่นแหละครับ Quiapo Church - Minor Basilica of the Black Nazarene.
Mabuhay Philippines .. เที่ยวมะนิลา ที่ๆนึกว่ากรุงเทพ พัทยา และสิงคโปร์มารวมตัวกัน
มะนิลา ฟิลิปินส์ เมืองที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงในการไปท่องเที่ยวมากนัก
แต่เป็นเมืองนึง ที่เป็น Destination ในแพลนที่ผมเคยคิดว่าอยากมีโอกาสไปซักครั้งมาหลายปีแล้ว
จนในที่สุดก็สบโอกาสอันดี ที่จะได้มีโอกาศไปเที่ยวที่นี่จนได้ ส่วนวัตถุประสงค์หลักในการไปครั้งนี้ คืออะไร เดี๋ยวจะมาเฉลยในกระทู้นะครับ
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันเยอะแยะ ขึ้นเครื่องบินกันเลยดีกว่าครับ
การเดินทางครั้งนี้ ผมบินกับการบินไทย ใช้เวลาเดินทางสบายๆ เพียง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพ ก็ถึงมะนิลาแล้ว
วิวเมืองมะนิลาก่อนแลนด์ดิ้งไม่ถึง 2 นาที เครื่องแทบเฉียดหลังคาบ้านกันเลยทีเดียว
เนื่องจากสนามบิน Ninoy Aquino International Airport นั้นเป็นสนามบินที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมาก
อารมณ์เดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเรานั่นหละครับ
หลังจากแลนด์เรียบร้อย การผ่าน ตม. ก็เป็นภารกิจต่อมา ซึ่งวันที่ผมออกเดินทาง คือ วันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นวันที่จะมี Event พิเศษงานหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่วันนี้ ตม. สนามบินจะต้องทำงานหนักกันเป็นพิเศษ
เพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ครับ
เมื่อสามารถผ่านฝูงชนออกมาได้แล้ว ก็ถึงเวลาเคลื่อนตัวเข้าที่พักครับ โดยที่พักที่ผมพักครั้งนี้ ติดอยู่กับอ่าวมะนิลา
ถือว่าได้มีโอกาสเทควิวสวยๆ ได้สบายๆ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาเอนหลังซักหน่อย เพราะเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาสนามบิน
กว่าจะมาถึงที่นี่ ก็ล่อเข้าไปบ่ายแก่ๆ แล้วครับ ต้องแอบเก็บแรงไว้นิดนึงเพราะเย็นนี้ ผมจะต้องไปร่วม Event สำคัญที่ผมได้เกริ่นไป
เอาละ เฉลยกันตั้งแต่ต้นเรื่องเลยแล้วกันน่ะครับ
สาเหตุที่ทำให้ผมได้มาฟิลิปินส์ในครั้งนี้ ก็เพราะว่า ในปีนี้ ฟิลิปินส์ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประกวด Miss Universe
หรือนางงามจักรวาลขึ้น ซึ่งจากการที่ผมได้มีโอกาสไปชมมาแล้วครั้งหนึ่งในปีที่แล้วที่ลาส เวกัส ประกอบกับความเป็นแฟนเวทีนี้
ก็อดไม่ได้ครับ ที่จะขอเดินทางมาเชียร์ติดขอบเวทีอีกครั้ง เนื่องจากทั้งใกล้ ประหยัดค่าใช้จ่าย และอยากมาเที่ยวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
และวันนี้ (วันที่เดินทาง) คือวันที่ 26 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่กองประกวดนางงามจักรวาล จะจัดการประกวดรอบเก็บคะแนน (Preliminary) ครับ
โดยการประกวดทั้งรอบเก็บคะแนน และรอบวันตัดสินจะจัดขึ้นทีนี่ครับ MOA หรือ Mall of Asia Arena อารมณ์มันก็คือ Impact บ้านเรานั่นแหละครับ
ซึ่ง ณ จุดนี้ บรรยากาศในการชมรอบเก็บคะแนนนั้น กองเชียร์ก็จากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าภาพ ก็มากันล้นหลามพอสมควร
โดยการประกวดนั้น จะแบ่งออกเป็น การประกวดรอบชุดว่ายน้ำ ชุดราตรี และ ชุดประจำชาติ
ผมก็ขอเอารูปชุดประจำชาติมาฝากก็แล้วกันน่ะครับ
ชุด Jewel of Thailand กับน้องน้ำตาลคนสวยของเรา
ชุด Moulin Rouge กับนางงามจักรวาลคนล่าสุดจากประเทศฝรั่งเศส
และชุดนางหุ่นกระบอกเชิด จากประเทศพม่า ซึ่งได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมจากการประกวดปีนี้ครับ
เอาละครับ คราวนี้เราก็มาพักเรื่องคนสวย คนงามกันไปยาวๆ ก่อน เพราะในวันที่ 2-4 ของการเดินทางมาที่นี่
จะเป็นวันที่ผมใช้ออกเที่ยวเมืองมะนิลาแห่งนี้ แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาดูคนสวยกันอีกทีในช่วงท้ายๆ นะครับ
วันที่ 2 ของการเดินทาง ผมเลือกไป คือ การไปยังเขต Makati ซึ่ง ชาวปินอยภาคภูมิใจกันอย่างถึงที่สุด
ถึงกับเรียกบริเวณนี้ว่านิวยอร์คแห่งเอเชียกันเลยทีเดียว
เนื่องด้วยว่าย่านมากาตินี้ จะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศ เต็มไปด้วยตึกสูง สำนักงาน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ถนน 8 เลน
เรียกได้ว่าทุกความไฮโซหรูหราจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ครับ
อีกทั้งระแวกนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวทั้งหลาย เรียกได้ว่าใจริง ก็ต้องมาอยู่กันแถวๆ นี้แหละครับ
เดินชมตึกได้ซักพัก ก็เดินมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ชื่อ Ayala Triangle
สวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่โต ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงกลางเมืองมะนิลา
ที่นี่ หนุ่มสาวชาวปินส์ จะมาใช้เวลาว่างๆ เดินเล่น ถ่ายรูป หาอาหารทาน และทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ชมคอนเสริต ถ่ายรูป อ่านหนังสือ นอนเล่น
อารมณ์มันก็คล้ายๆ สวนลุมบ้านเรา แต่เล็กกว่า และแอบมีร้านอาหารเก๋ๆ ให้นั่ง
Ayala Triangle เป็นสวนที่ขนาดไม่ใหญ่ครับ เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้ว
เราก็ออกเดินกันต่อเพื่อจะไปเดินห้างหาไรทานครับ ซึ่งจะต้องมีการข้ามถนน ในโซนนี้มีอุโมงค์ให้ข้าม
ขนาดภายในยังมีความเก๋เลย แต่ในโซนอื่นๆ ที่ได้มีโอกาสลอด ไม่สะอาดเท่านี้นะฮะ
Sky Walk ก็มีไม่น้อยหน้าสยามบ้านเราครับ แถมเชื่อมต่อไปยังบรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งหลายที่ตั้งอยู่บริเวณนี้เหมือนกันด้วย
ลัดๆ เลาะๆ มาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็มาถึง Glorrieta Mall Makati City ที่นี่ เราได้มาเจอกับร้านฟรอซเซ่นโยเกิร์ต
ที่เราสามารถเลือกผลไม้ และซอส ใส่เข้าไป ซึ่งร้านนี้เรียกมันว่า SANUM ราคา 200 เปโซ
ขอบอกเลยว่าต้องลองน่ะครับ มันอร่อยโพดๆ
อ่อ ไหนๆ ก็พูดเรื่องของกิน อีก 1 อย่างที่เมื่อมามะนิลาแล้วควรจะหาโอกาสชิม ก็คือร้านฟาสต์ฟูดที่ชื่อ Jolli Bee
เพราะมันเป็นร้าน Fast Food ชื่อดังในประเทศนี้ ที่หาได้แทบจะทุกมุมเมือง ที่สำคัญราคาถูกกว่าหลายๆ ยี่ห้อด้วย
ส่วนตัวอาหารมันก็คือแมคโดนัล ผสมกับ เคเอฟซี นั่นแหละครับ แต่ที่แปลกหน่อยก็คือ ที่นี่เค้าจะเสิร์ฟอาหาร
โดยเฉพาะพวกไก่ทอดกับข้าวสวยอัดแน่นๆ เป็นก้อนๆ ครับ
ส่วนอาหารฟิลิปินส์จริงๆ ก็คล้ายๆ กับอาหารไทยนี่แหละครับ แต่ว่าบอกเลยว่ารสชาติค่อนข้างเค็มจัดจริงๆ ครับ
ไม่ว่าจะร้านถูก ร้านแพง เค็มพอกันหมดครับ
ค่ำคืนนี้ เราก็เลือกที่จะเสพบรรยากาศยามค่ำคืนของบริเวณ Makati กันไปเรื่อยๆ ครับ
สำหรับผม ผมรู้สึกว่าย่านมากาติแห่งนี้สวยมากนะ คือมันไม่สวยด้วยรูปถ่ายของผม แต่ว่าถ้าใครได้ลองขับรถวนไป วนมาในบริเวณนี้
จะรู้สึกเลยว่ามันเป็นเมืองที่ดูมีความเจริญมาก การวางผังเมือง ผังตึกต่างๆ สวยงามคล้ายกับสิงคโปร์ ผสมนิวยอร์คจริงๆ อย่างที่เค้าอวดอ้างกัน
ไหนๆ ก็อยู่กันจนค่ำมืดแล้ว ก็อดไม่ได้ครับที่จะต้องแวะดูซักหน่อย กับคลับ บาร์ ของเมืองมะนิลา
คำแนะนำของผมก็คือ คนแพ้บุหรี่ ควรงดเข้าทุกกรณี เพราะที่นี่ เค้าเหมือนกับที่มาเลเซียเลย คือ ดูดบุหรีได้ตามสะดวกในร้าน
ดังนั้นการเข้าไปในร้านเนี่ย ก็คือการเข้าไปรมควันดีๆ นี่เอง
ร้านที่นี่ เท่าที่ผมไปมา 2 ร้าน จะมีการคิดค่าเข้าร้าน แล้วสามารถเอาไปแลกเป็นเครื่องดืมได้ภายในนะครับ
แต่ว่าเป็นแบบนี้ทุกร้านรึป่าว อันนี้ก็ไม่แน่ใจจริงๆ
วันที่ 3 วันนี้ (29 มกราคม) นอกจากจะเป็นวันตรุษจีนแล้ว สำหรับทริปนี้ ก็จะเป็นวันที่ผมได้มีโอกาศในการเดินทางเที่ยวเยอะหน่อย
เพราะจะเข้าไปในเขต Intramuros หรือว่าเขตเมืองเก่าในบริเวณกำแพงเมืองเดิม ของมะนิลา
แต่ว่าก่อนการไปที่นั่น ผมเลือกที่จะเลยเขต Intramuros ออกมานิดนึงก่อน
ชมวิวระหว่างทางกันไปครับ
ระหว่างทางก็ผ่าน National Museum (อาคารขาว) และ Manila City Hall (อาคารแดงครับ)
มะนิลา ก็มีแม่น้ำผ่ากลางเมืองน่ะครับ ชื่อว่าแม่น้ำปาซิก (Pasik River)
ส่วนสะพานที่เรากำลังข้ามกันนี้ชื่อสะพาน Quezon ครับ
อย่างที่หลายท่านคงทราบดีว่าที่ฟิลิปินส์นั่น นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกกันเป็นหลัก
หากท่านใดนับถือศาสนาคริสต์ ก็คงจะเคยได้ยินเสียงลือ เสียงเล่าอ้างถึงชื่อเสียงของรูปปั้น พระเยซูองค์ดำ หรือ Black Nazarene กันมาบ้างน่ะครับ
ซึ่ง ที่นี่จึงเป็น 1 ในเป้าหมายที่ผมอยากจะมาชมด้วยตัวเอง ซึ่งรูปปั้นนี้ตั้งอยู่ในเขต Quiapo ซึ่งติดๆ กับ Intramuros เพียงแค่ข้ามแม่น้ำมาครับ
ที่เห็นอยู่ด้านซ้ายมือนั่นแหละครับ Quiapo Church - Minor Basilica of the Black Nazarene.