มีใครหลายๆคนเคยบอกกับเราไว้ว่า “ถ้าได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วรอบนึง รอบต่อๆก็จะมีตามมา”
สงสัยคงจะเป็นเรื่องจริง 5555 เป็นกระทู้ครั้งแรกผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ ก่อนอื่นเลยออกตัวก่อนเลยว่านี้เป็นการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 แต่ทำไมชื่อทริปรีวิวเป็น 1.5 เพราะก่อนหน้านี้1.0 ไปมาแล้วไม่ได้ตั้งกระทู้ และทริป1.5นี้เป็นทริปย่อยของครอบครัวแฟนพอดีแฟนอยากพาพ่อไปเที่ยว บวกกับอยากตามรอยหนังเรื่องแฟนเดย์ อยากเป็นคุณนุ้ยไปดูเทศกาลน้ำแข็ง 5555555 ด้วยเลยทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา มันอาจจะไม่ละเอียดมาก แต่ก็เผื่อเป็นไอเดียในการจัดทริปของใครหลายๆคนในที่นี่
เดินทางระหว่างวันที่ 4 - 13 กุมภาพันธ์ นะคะ
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรานะคะ เราเริ่มที่หาดใหญ่ค่ะ โดยที่เราจะจากสนามบินหาดใหญ่ไปขึ้นสู่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียค่ะ เราช่วงเวลาที่รอขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นอยู่หลายชั่วโมงเลยถือโอกาสเที่ยวไปเที่ยวที่ปุตราจายาเราก็เอากระเป๋าฝากไว้ที่สนามบินแล้วออกเดินทางกันอยากจะบอกว่าสำหรับค่าฝากกระเป๋าที่สนามบินแพงมาก
สำหรับเมืองปุตราจายาก็เป็นเมืองที่พึ่งเปิดใหม่ในประเทศมาเลเซีย " ปุตราจายา ศูนย์ราชการแห่งใหม่ ของประเทศมาเลเซีย" เค้าว่ากันแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ศูนย์ราชการเค้าจะรวมกันอยู่ในเมืองนี้ สำหรับที่นี้เราขอไม่ลงรายละเอียดอะไรมากนะคะ เพราะได้เที่ยวแค่ไม่กี่ที่
จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับสนามบินเพื่อไปเอากระเป๋าเช็คอินกัน
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการของสายการบิน Air Asia เดินทางจากสนามบิน ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ สู่ สนามบิน นิว-ชิโทเสะ ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 7-8 ชั่วโมง ก็นอนเอาแรงกันบนเครื่องเลยจ้า
วันที่1
ถึงสนามบินเรียบร้อยอากาศก็กำลัง แดดจ้าแต่อุณหภูมิประมาณ 0-2 องศา ตอนแรกก็ต้องภายด้าน ตม. ก่อน ก็ไม่มีอะไรมากมาย ไม่ได้ถามอะไรเลย แปบเดียวมาก เข้ามาก็มาเอากระเป๋าและก็จัดการตัวเองซะเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะไปเผชิญความหนาวเหน็บจับใจ
ขั้นตอนแรกก็ต้องไปซื้อตั๋ว JR PASS ที่ซื้อตั๋วอยู่ชั้นล่างนะ เราซื้อแบบ 7 วัน ราคาก็อยู่ที่ ประมาณราวๆ 7,000บาท อยากจะบอกว่าต่อคิวนานมากกว่าจะได้ เกือบชั่วโมง หลังจากที่ได้ JR PASS พร้อมตารางรถไฟซึ่งจะบอกเวลารถไฟแต่ละขบวบเราก็ใช้ตัวนี้แหล่ะเป็นตัววางแผนการเดินทางในแต่ละวันซึ่งมันจะทำให้เราไม่เสียเวลาในการไปยืนรอรถไฟเลยแถมจองตั๋วได้ที่นั่งตลอดไม่ต้องยืนด้วย **โปรดรักษายิ่งชีพ 5555**
เรื่องของเรื่องคือรถไฟที่นี่จะมีที่นั่งแบบ2แบบ คือแบบจองระบุบที่นั่งกับจองแบบไม่ระบุบที่นั่ง การจองแบบระบุบที่นั่งคือเราใช้JR PASS + พาสปอร์ต ไปติดต่อที่เค้าเตอร์ เพื่อบอกว่าจะจองรถไฟไปที่ไหนขบวนไหน ไปที่ไหน เค้าก็จะให้ตั๋วใบเล็กๆมา1ใบ/1คน เพื่อแสดงต่อคนที่ตรวจตั๋วบนรถไฟ **ไม่เสียตังค์เพิ่มนะจ๊ะ เพื่อมีคนสงสัย**
แบบที่สองคือแบบไม่จองที่นั่ง เราจะใช้ JR PASS อย่างเดียวสำหรับขึ้นรถไป ไปยังโบกี้ non reserved คือที่นั่งไม่ได้จองจะนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจคุณ แต่!!! อย่าวางใจเชี่ยวว่าไปแล้วที่จะวางนะคะ ส่วนใหญ่บอกเลยว่าเต็ม เต็มแล้วไม่มีที่นั่ง ก็ยืนวนไปค่ะ จนกว่าจะมีที่วางให้นั่ง จากประสบการณ์ ยืนมาแล้ว 1 ชั่วโมง บอกเลยตู้นี่แล้วแต่บุญแต่กรรม ฮาาา
ลักษณะตั๋วก็จะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่ามีหลายใบเพราะเดินทางเยอะจริงๆ ซื้อ pass เลยคุ้มค่าไง
เส็ดธุระเรียบร้อยแล้วก็ลากกระเป๋าไปรอรถไฟกันจ้าาา สำหรับที่แรกที่เราจะไปก็คือฮาโกะดาเตะ ใช่เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมง เราลงเครื่องมาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก็เลยซื้อข้าวกล้องคุณยายที่สถานนีรถไฟนั้นแหล่ะกิน รสชาติก็พอให้อิ่มแล้วได้นอนหลับ นอนเก็บแรงไว้เที่ยว อิอิ
ถึงแล้ววววฮาโกะกาเตะ
เข้าที่พักเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกไปเดินเล่นชมเมืองกัน
ถนนเส้นนี้ไงที่คุณนุ้นกับเด่นชัยมาเดินกัน อิอิ
สำหรับจุดเด่นที่ไม่ควรลาดเลยสำหรับที่นี้ คือการขึ้นกอนโดล่า ไปชมวิวที่บนยอดเขาฮอาโกดาเตะ ตั๋วราคา 1280 เยน เป็นแบบ Round trip
มากดตั๋วที่ตู้นะจ๊ะ
ตั๋วเอาไว้โชว์ตอนขึ้นกอนโดล่า โชว์ทั้งขาขึ้นขาลงนะ อย่าพึ่งทิ้ง ฮาาา
เหล่านักท่องเที่ยวที่มา
ราคาหลักร้อย วิวหลักล้านบอกเลย
ตอนเราไปก็จะเป็นช่วงกลางคืนแล้วก็จะได้วิวที่สวยไปอีกแบบ ลมบนเขาแรงบอกเลย แล้วอยากจะบอกว่าช่วงที่เราไปเราเจอกรุ๊ปทัวร์ลงพอดี ยืนรอคิวขึ้นลิฟ ลงลิฟยาวไปเลยจ้าาา นานมากกก คนเยอะมาก
ที่นี่มาเรื่องของกินบ้าง ทริปเราอาจจะไม่เน้นของกินมากเท่าไร เน้นบ้างเป็นบางวัน ร้านที่แนะนำก็เป็นร้านชื่อว่า ร้านเบอร์เกอร์ลักกี้พิเอโระ เรามากินข้าวแกงกระหรี่ อร่อยชาติอร่อย ราคาไม่แพง แต่ติดใจคือเสียงคุณป้าที่มาต้อนรับ เสียงน่ารักมาก
เป็นข้าวแกงกระหรี่หมูทอดเพิ่มชีททททททท~~ ดูว่าจะน้อยนะจริงๆเยอะนะ กินไม่หมด อิ่มท้องจะแตก
จากนั้นกลับที่พักนอน จบแล้วสำหรับวันแรก
รีวิว Japan Trip V1.5 : Hokkaido Exploration
สงสัยคงจะเป็นเรื่องจริง 5555 เป็นกระทู้ครั้งแรกผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ ก่อนอื่นเลยออกตัวก่อนเลยว่านี้เป็นการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 2 แต่ทำไมชื่อทริปรีวิวเป็น 1.5 เพราะก่อนหน้านี้1.0 ไปมาแล้วไม่ได้ตั้งกระทู้ และทริป1.5นี้เป็นทริปย่อยของครอบครัวแฟนพอดีแฟนอยากพาพ่อไปเที่ยว บวกกับอยากตามรอยหนังเรื่องแฟนเดย์ อยากเป็นคุณนุ้ยไปดูเทศกาลน้ำแข็ง 5555555 ด้วยเลยทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา มันอาจจะไม่ละเอียดมาก แต่ก็เผื่อเป็นไอเดียในการจัดทริปของใครหลายๆคนในที่นี่
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรานะคะ เราเริ่มที่หาดใหญ่ค่ะ โดยที่เราจะจากสนามบินหาดใหญ่ไปขึ้นสู่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียค่ะ เราช่วงเวลาที่รอขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นอยู่หลายชั่วโมงเลยถือโอกาสเที่ยวไปเที่ยวที่ปุตราจายาเราก็เอากระเป๋าฝากไว้ที่สนามบินแล้วออกเดินทางกันอยากจะบอกว่าสำหรับค่าฝากกระเป๋าที่สนามบินแพงมาก
สำหรับเมืองปุตราจายาก็เป็นเมืองที่พึ่งเปิดใหม่ในประเทศมาเลเซีย " ปุตราจายา ศูนย์ราชการแห่งใหม่ ของประเทศมาเลเซีย" เค้าว่ากันแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ศูนย์ราชการเค้าจะรวมกันอยู่ในเมืองนี้ สำหรับที่นี้เราขอไม่ลงรายละเอียดอะไรมากนะคะ เพราะได้เที่ยวแค่ไม่กี่ที่
จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับสนามบินเพื่อไปเอากระเป๋าเช็คอินกัน
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการของสายการบิน Air Asia เดินทางจากสนามบิน ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ สู่ สนามบิน นิว-ชิโทเสะ ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 7-8 ชั่วโมง ก็นอนเอาแรงกันบนเครื่องเลยจ้า
วันที่1
ถึงสนามบินเรียบร้อยอากาศก็กำลัง แดดจ้าแต่อุณหภูมิประมาณ 0-2 องศา ตอนแรกก็ต้องภายด้าน ตม. ก่อน ก็ไม่มีอะไรมากมาย ไม่ได้ถามอะไรเลย แปบเดียวมาก เข้ามาก็มาเอากระเป๋าและก็จัดการตัวเองซะเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะไปเผชิญความหนาวเหน็บจับใจ
ขั้นตอนแรกก็ต้องไปซื้อตั๋ว JR PASS ที่ซื้อตั๋วอยู่ชั้นล่างนะ เราซื้อแบบ 7 วัน ราคาก็อยู่ที่ ประมาณราวๆ 7,000บาท อยากจะบอกว่าต่อคิวนานมากกว่าจะได้ เกือบชั่วโมง หลังจากที่ได้ JR PASS พร้อมตารางรถไฟซึ่งจะบอกเวลารถไฟแต่ละขบวบเราก็ใช้ตัวนี้แหล่ะเป็นตัววางแผนการเดินทางในแต่ละวันซึ่งมันจะทำให้เราไม่เสียเวลาในการไปยืนรอรถไฟเลยแถมจองตั๋วได้ที่นั่งตลอดไม่ต้องยืนด้วย **โปรดรักษายิ่งชีพ 5555**
เรื่องของเรื่องคือรถไฟที่นี่จะมีที่นั่งแบบ2แบบ คือแบบจองระบุบที่นั่งกับจองแบบไม่ระบุบที่นั่ง การจองแบบระบุบที่นั่งคือเราใช้JR PASS + พาสปอร์ต ไปติดต่อที่เค้าเตอร์ เพื่อบอกว่าจะจองรถไฟไปที่ไหนขบวนไหน ไปที่ไหน เค้าก็จะให้ตั๋วใบเล็กๆมา1ใบ/1คน เพื่อแสดงต่อคนที่ตรวจตั๋วบนรถไฟ **ไม่เสียตังค์เพิ่มนะจ๊ะ เพื่อมีคนสงสัย**
แบบที่สองคือแบบไม่จองที่นั่ง เราจะใช้ JR PASS อย่างเดียวสำหรับขึ้นรถไป ไปยังโบกี้ non reserved คือที่นั่งไม่ได้จองจะนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจคุณ แต่!!! อย่าวางใจเชี่ยวว่าไปแล้วที่จะวางนะคะ ส่วนใหญ่บอกเลยว่าเต็ม เต็มแล้วไม่มีที่นั่ง ก็ยืนวนไปค่ะ จนกว่าจะมีที่วางให้นั่ง จากประสบการณ์ ยืนมาแล้ว 1 ชั่วโมง บอกเลยตู้นี่แล้วแต่บุญแต่กรรม ฮาาา
ลักษณะตั๋วก็จะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่ามีหลายใบเพราะเดินทางเยอะจริงๆ ซื้อ pass เลยคุ้มค่าไง
เส็ดธุระเรียบร้อยแล้วก็ลากกระเป๋าไปรอรถไฟกันจ้าาา สำหรับที่แรกที่เราจะไปก็คือฮาโกะดาเตะ ใช่เวลานั่งรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมง เราลงเครื่องมาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ก็เลยซื้อข้าวกล้องคุณยายที่สถานนีรถไฟนั้นแหล่ะกิน รสชาติก็พอให้อิ่มแล้วได้นอนหลับ นอนเก็บแรงไว้เที่ยว อิอิ
ถึงแล้ววววฮาโกะกาเตะ
เข้าที่พักเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกไปเดินเล่นชมเมืองกัน
ถนนเส้นนี้ไงที่คุณนุ้นกับเด่นชัยมาเดินกัน อิอิ
สำหรับจุดเด่นที่ไม่ควรลาดเลยสำหรับที่นี้ คือการขึ้นกอนโดล่า ไปชมวิวที่บนยอดเขาฮอาโกดาเตะ ตั๋วราคา 1280 เยน เป็นแบบ Round trip
มากดตั๋วที่ตู้นะจ๊ะ
ตั๋วเอาไว้โชว์ตอนขึ้นกอนโดล่า โชว์ทั้งขาขึ้นขาลงนะ อย่าพึ่งทิ้ง ฮาาา
เหล่านักท่องเที่ยวที่มา
ราคาหลักร้อย วิวหลักล้านบอกเลย
ตอนเราไปก็จะเป็นช่วงกลางคืนแล้วก็จะได้วิวที่สวยไปอีกแบบ ลมบนเขาแรงบอกเลย แล้วอยากจะบอกว่าช่วงที่เราไปเราเจอกรุ๊ปทัวร์ลงพอดี ยืนรอคิวขึ้นลิฟ ลงลิฟยาวไปเลยจ้าาา นานมากกก คนเยอะมาก
ที่นี่มาเรื่องของกินบ้าง ทริปเราอาจจะไม่เน้นของกินมากเท่าไร เน้นบ้างเป็นบางวัน ร้านที่แนะนำก็เป็นร้านชื่อว่า ร้านเบอร์เกอร์ลักกี้พิเอโระ เรามากินข้าวแกงกระหรี่ อร่อยชาติอร่อย ราคาไม่แพง แต่ติดใจคือเสียงคุณป้าที่มาต้อนรับ เสียงน่ารักมาก
เป็นข้าวแกงกระหรี่หมูทอดเพิ่มชีททททททท~~ ดูว่าจะน้อยนะจริงๆเยอะนะ กินไม่หมด อิ่มท้องจะแตก
จากนั้นกลับที่พักนอน จบแล้วสำหรับวันแรก