" ถ้าคุณไม่กล้าที่จะก้าวเดินก้าวแรก คุณก็จะไม่กล้าก้าวเดินก้าวต่อไป" ผมเคยได้ยินคำนี้มานาน จนเพิ่งจะเข้าใจกับตัวก็วันนี้แหละ
ชีวิตคนเรา ต้องมีแรงกระตุ้นบางอย่างให้เราสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปในชีวิตให้ได้ จากความรักที่ชอกช้ำ เลยคิดว่าจะหนีจากความรัก ไปไกลๆ ยังไง ต้องทำยังไงมันถึงจะหยุดความเจ็บช้ำได้ จึงเป็นที่มาของทริปนี้ครับ "Love Escape" หนีรักไปพักใจ
ซึ่งจุดประสงค์จริงๆแล้ว ผมแค่ต้องการออกไปพักผ่อน ออกไปถ่ายรูป จะได้ไม่ฟุ้งซ่านแค่นั้นเอง แหละครับ ประจวบเหมาะกับ เจอโปรตั๋วเครื่องบิน Air asia ไป มาเลเซีย ราคาถูกพอดี เลย เกิด ทริปนี้ขึ้นมา
เอาหละ เกริ่มมาพอละ 55 เพ้อเจ้อใหญ่ ละ นี่เป็นการ backpack แบกเป้เที่ยวครั้งแรกของผม และเป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัย มานะที่นี้ด้วยนะ ครับ ^ ^
1. เริ่มจาก การจองตั๋วเครื่องบินครับ ทริปนี้ ผมได้ ตั๋วครื่องบินไปกลับ DMK-KUL ไปกลับ เพียงแค่ 2300 บาทโดยประมาณ จาก สายการบิน Airasia
เรื่องรายละเอียดการจอง คงไม่ขอพูดถึงนะครับ โดยได้ดีเดย์ คือวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ 2560 (กลับวันวาเลนไทน์พอดี T_T ช้ำใจหนักอีก)
2. การเตรียมของจัดกระเป๋า ไปมาเลเซีย สำหรับคนเดินทางคนเดียว หรือหลายคนก็แล้วแต่นะ เอาที่สะดวก 55
1. Plug Adapter หรือหัวแปลง นั่นเองครับเพราะ มาเลใช้ปลั๊กแบบ 3 หัว ( ผมลืมเอาไปต้องไปซื้อใหม่ที่นู่นอีก T_T )
2. ผ้าเช็ดตัว ครับ ถ้าคนจะไปแบบ Backpack ไปนอน hostel สมควรที่จะพกติดตัวไปนะ (รร. มีให้เช่าแหละ แต่จะเสียตังทำไม)
3. แม่กุญแจ สำหรับ lock Locker ครับ อันนี้ก็พกไปด้วยก็ดี ( ทาง รร. มีให้เช่าอีกเหมือนกัน แต่พกไปเหอะ )
4. รองเท้าแตะ ไว้ใส่อาบน้ำ ใส่เดินเล่น (แล้วแต่ จะพกไปเหลือไม่ ก็แล้วแต่)
5. เสื้อคลุมกันหนาว (กันแดดก็ได้) สำหรับคนที่จะไปเที่ยว เกนติ้งครับพกเผื่อไปไว้ก็ดี
6. อื่นๆ แล้วแต่เลย อยากพกไรไปก็พก ไม่ผิดกฎพอ
สรุป ข้อ 2-4 ถ้าคุณไปพักโรงแรมไม่ได้ไปพัก Hostel แบบ Backpacker ไม่ต้องเอาไปก็ได้ครับ
3. แผนการเดินทาง
ผมมีแผนในหัวตามนี้ครับ วันแรก>>>> เที่ยว มะละกา
วันที่สอง >>> กลับมานอน กัวลาลัมเปอร์ เรื่องที่เที่ยวค่อยว่ากัน
วันที่สาม >>> ไป Genting Highland
วันที่ สี่ >>>> กลับมากัวลาลัมเปอร์ ที่เที่ยวค่อยว่ากัน
วันที่ ห้า >>>> เที่ยวใน KL แล้วก็กลับมาเดินเล่นสนามบิน แล้วก็กลับบ้าน
ซึ่งการเดินทางคนเดียวมันก็ดีแบบนี้แหละครับ คือผมสามารถเปลี่ยนแผนได้ทุกเมื่อ 55 อยากจะไปใหนก็ไป ตามใจตัวเอง
4. การจองโรงแรม >> หลัก ๆ แล้วผมก็จองผ่าน อะโกด้า แหละครับ เดี๋ยวไปลุ้นกันว่า โรงแรมอะไรกันบ้าง
เอาละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ๊ย เวลา ตึกโป๊ะ (กล้าเล่นมาก)
เมื่อวันเวลามาถึงก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ
1. ออกเริ่มเดินทาง >> ที่พัก ผมอยู่ใกล้สนามบิน สุวรรณภูมินะครับในคราวนี้ ผมจะเริ่มการเดินทางโดยการขึ้นรถ Shuttle bus ของ AOT เพื่อไปส่งที่สนามบินดอนเมือง. ซึ่งในการเดินทางนั้น เราต้องมีตั๋วและเที่ยวบินที่จะออกที่ดอนเมืองนะ เค้าถึงจะให้ขึ้น (ขากลับถ้าไม่มีตั๋วขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิเค้าไม่ให้นั่งกลับด้วยแหละ)
รถรับส่งจะจอดที่ประตูทางออก หมายเลข 3 มั้งครับ ซึ่งผม บิน รอบ 9 โมง ก็เลยต้องไปขึ้นรถเช้าหน่อย
เค้าเตอร์ตรวจตั๋ว
ตารางการเดินรถครับ
ขึ้นรถแล้ว ใช่เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม
ผมเช็คอินผ่านตู้ Kios เอานะครับสะดวกดี หลังจากนั้นก็เข้ามานั่งรอด้านใน นั่งดูเครื่องบินเล่น อิอิ
หลังจากเครื่องขึ้น ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน KLIA2 จนได้
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
เดินตามทางไปเรื่อยครับ เพื่อไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง (เคล็ดลับ เดินตามคนหมู่มากเข้าไว้ อิอิ )
ระหว่างทาง ก็จะมีร้านขาย SIm เน็ตนะครับ ก็เราจะซื้อเลย หรือว่าจะรอผ่าน ตม ก่อนแล้วออกไปซื้อข้างนอกก็ได้
เดินไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเดินลงไปเรื่อยๆ แล้วลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอละตรวจคนเข้าเมือง
ที่มาเลไม่ต้องเขียนใบเข้าเมืองนะครับ แต่เราต้อง สแกนนิ้วเข้าประเทศ
เย่ ออกมาละ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดนี่ก่อนเลยครับ Texas Chicken มื้อนี้ 16 Rmb - -
อ่อ พูดถึง Internet Sim ผมซื้อของ DIGIT มาใช้นะครับ ราคา 20 RMB Net 500MB Video 500MB Music 500 MB รวมเป็น 1.5 GB ใช้ Net ได้ 7 วัน ไม่ต้องกลัวว่าเน็ตจะไม่พอครับ มันเปลี่ยน แพคเกตได้ เดี๋ยวจะสอน ตอนหลังนะครับ
เป้าหมายต่อไปของเราคือ การมุ่งหน้าสู่ มะละกา เพื่อไปหามะละกอกิน เอ๊ย ไม่ใช่ละ 55 ก็เดินออกมาทางข้างหน้าเรื่อยๆ ครับจะเจอกับ ป้าย Bus counter ก็ให้ลง บันไดเลื่อนไปด้านล่างครับ (อยู่ใกล้ทางออกเลยครับ จำง่ายๆ ครับ ถ้าคำว่า KELUA แปลว่าทางออก MASUK แปลว่าทางเข้า)
เดินลงมาเลย
จะเจอ Counter ตามนี้เลยครับ
ผมเลือกเข้าช่องแรก บอกเค้า ว่า “โก ทู มะละกา “ ครับ ส่วนราคาค่าตั๋วก็ 24.30 RMB ต่อคน ผมโชคดีได้รอบ 2.30 PM แต่ตอนนั้นเวล 2.22 PM ละ พนักงานบอก bus NOW อ้าว ชิหายละกู นึกว่ารถบัส มาแล้ว รีบวิ่งออกไปหาเลยครับ แต่ คันใหนวะ 55 วิ่งออกไปถาม คันที่จอดแถวนั้นก่อนเลย “เอ๊กคิ๊วมี ดิส บัส โก ทู มะละกา” พวกตอบมาเลย Noooo เวรละทีนี้คนใหนหว่า ก็เลย ถาม ต่อ “ คูล ยัว เฮลป์ แวร์ อิส บัส พอยน์ ทู มะละกา” ละก็ยื่นตั๋วให้เค้าดู. เค้าก็ชี้ไปที่ ช่อง A1 ซึ่งๆๆๆๆ รถยังไม่มาเลย โด่วเอ๊ยยยย
ตั๋ว ครัสส จะระบุ เลขที่นั่ง ประตูทางออก แล้วก็ Platform ที่รถ บัส จะจอด
นั่งรอจนเปื่อย รถก็ยังไม่มา (ตอนมันมาก็ลืมถ่ายรูป 55)
นั่งรอไปซักพักรถก็มาครับ รถนั่งสบาย แอร์เย็น. แต่ที่เจ๋งคือ เบาะ สามารถนวดได้ เพียงแค่เรากดปุ่มมหัศจรรย์ปุ่มนี้
ใช้เวลาในการเดินทางราวๆ 2 ชม นะครับ ก็จะมาถึง MELAKA SENTRAL
ถึงแว้ว
ทีนี้เราต้องต่อรถเข้าไปในเมือง ซึ่งวิธีคือต้องนั่งสาย 17 เพื่อเข้าไปยังเมืองนะครับ
เมื่อเราลงจากรถ แล้ว ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา จะเจอ MC Donal อยู่นะครับ
ตามนี้ แล้วเลี้ยวซ้าย ตามป้าย DOSMETIC BUS ไปเลยครับ
เดินผ่านช่องนี้ไปช่องนู้น
จะเดินผ่านโซนที่เป็นเหมือน ศูนย์การค้า แล้วทะลุไปอีกด้าน จะมีรถบัส จอดเยอะๆ ก็เดินหาเลยครับ สาย 17
เจอรถแล้ว ด้วยความไม่ชัว กด กูเกิ้ลแมพ ถามคนขับ 55 “ ดิส บัส โก ทู ดิส พอยน์ “ ชี้ไปที่ Chris crunch แล้วคุณลุงก็กวักมือเรียกขึ้นรถเลย ครับ ค่าเสียหาย 2 RMB ตลอดสาย
นั่งรถไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงนี่ครับ Chris crunch เราก็ลงตรงนี้แหละ
อ่อ ผมมาถ่ายรูปเล่นครัส เลยไม่ค่อยรู้ประวัติอะไร กับสถานที่มาก 55 เดี๋ยวไปศึกษามาละจะเล่าให้ฟังใหม่นะ
เดินถ่ายรูปไปเรื่อย
เริ่มหนักครับ เดินหาที่พักที่จองไว้ดีกว่า เดินข้ามสะพานที่คนเดินผ่านเยอะๆ ตามเค้ามาเลยครับ เราจะเจอ ถนน Jonker Streeth
เห็นเค้าบอกว่าจะมีถนนคนเดินทุกวันเสาร์ อาทิตย์ แต่วันที่ผมไปเป็นวันศุกร์ ครับ เหมือนจะมีงานพวกตรุษจีนไรด้วย คนเลยคึกคักมาก
คนเยอะไปใหน
เจอแล้วววววว. คืนนี้ ผมจองที่ NO map Flashpacker ครับ เป็น Hostel ราคาประหยัด แต่ทำเล และความอาร์ตไม่ธรรมดาเลย
ราคาต่อคืนที่ป้ายหน้า Hostel อยู่ที่. 70 RMB แต่ผมจองผ่าน Agoda มาราคาอยู่ที่ 400 กว่าบาทเองครับ อ่อ ต้องมัดจำคีย์การ์ดกับกุญแจ 20 RMB นะครับ จะได้คืนตอนเช็คเอ้า แล้วก็ต้องกรอกประวัติด้วย ว่าเราจะไปที่ใหนต่อ แล้วก็ อีเมลล์
อันนี้ประตูด้านหลังนะ เข้าทางนี้ได้กดกริ่งเดี๋ยวเค้ามาเปิดให้
ด้านใน
ด้านหน้า
เอาหละ หลังจากเอาของเก็บทำให้ตัวเบาขึ้นก็ออกไปเดินแรด ได้แล้ว
บอกเลยผมกด Google Map แล้วเดินมั่วมากเลยคือ ตั้งใจจะไปหาวิวสวยๆ ถ่ายแสงเย็น อะครับ เดินไปเรื่อยๆเลย
วิวริมคลองครับน้ำใสดี
เรือรบๆ
เดินไปเดินมามาโผล่ มะละกาาสามร้อยยยหกสิบ องศาา(ทำเสียงด้วย) เป็นหอคอยแหละครับขึ้นไปแล้วก็จะหมุนให้เราเห็นวิว รอบเมืองมะละกาแบบ 360 องศา
ซื้อตั๋วทางนี้
ราคาตั๋ว 23 RMB ได้นำมาฟรี 1 ขวด
วิว เมืองมะละกา
สิ่งที่เราจะเห็นได้เยอะในมะละกา คือจะมีคน มาเปิดหมวก เล่นดนตรี กันเยอะครับ ทั้งในมะละกา และ กัวลาลัมเปอร์
อันนี้มาเป็นแบนด์
ขากลับเดินผ่านพิพิธภัณธ์ ต่างๆ
วิวแสงเย็นระหว่างทางครับ
นั่งเหงาคนเดียวไม่มีแล้วคนที่อยู่ข้างๆ T_T
LoveEsCape หนีรักไปพักร้อน กับการตะลุยเดี่ยวเที่ยวมาเล มะละกา เก้นติ้ง Putrajaya 5 วัน 4 คืน
ชีวิตคนเรา ต้องมีแรงกระตุ้นบางอย่างให้เราสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปในชีวิตให้ได้ จากความรักที่ชอกช้ำ เลยคิดว่าจะหนีจากความรัก ไปไกลๆ ยังไง ต้องทำยังไงมันถึงจะหยุดความเจ็บช้ำได้ จึงเป็นที่มาของทริปนี้ครับ "Love Escape" หนีรักไปพักใจ
ซึ่งจุดประสงค์จริงๆแล้ว ผมแค่ต้องการออกไปพักผ่อน ออกไปถ่ายรูป จะได้ไม่ฟุ้งซ่านแค่นั้นเอง แหละครับ ประจวบเหมาะกับ เจอโปรตั๋วเครื่องบิน Air asia ไป มาเลเซีย ราคาถูกพอดี เลย เกิด ทริปนี้ขึ้นมา
เอาหละ เกริ่มมาพอละ 55 เพ้อเจ้อใหญ่ ละ นี่เป็นการ backpack แบกเป้เที่ยวครั้งแรกของผม และเป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัย มานะที่นี้ด้วยนะ ครับ ^ ^
1. เริ่มจาก การจองตั๋วเครื่องบินครับ ทริปนี้ ผมได้ ตั๋วครื่องบินไปกลับ DMK-KUL ไปกลับ เพียงแค่ 2300 บาทโดยประมาณ จาก สายการบิน Airasia
เรื่องรายละเอียดการจอง คงไม่ขอพูดถึงนะครับ โดยได้ดีเดย์ คือวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์ 2560 (กลับวันวาเลนไทน์พอดี T_T ช้ำใจหนักอีก)
2. การเตรียมของจัดกระเป๋า ไปมาเลเซีย สำหรับคนเดินทางคนเดียว หรือหลายคนก็แล้วแต่นะ เอาที่สะดวก 55
1. Plug Adapter หรือหัวแปลง นั่นเองครับเพราะ มาเลใช้ปลั๊กแบบ 3 หัว ( ผมลืมเอาไปต้องไปซื้อใหม่ที่นู่นอีก T_T )
2. ผ้าเช็ดตัว ครับ ถ้าคนจะไปแบบ Backpack ไปนอน hostel สมควรที่จะพกติดตัวไปนะ (รร. มีให้เช่าแหละ แต่จะเสียตังทำไม)
3. แม่กุญแจ สำหรับ lock Locker ครับ อันนี้ก็พกไปด้วยก็ดี ( ทาง รร. มีให้เช่าอีกเหมือนกัน แต่พกไปเหอะ )
4. รองเท้าแตะ ไว้ใส่อาบน้ำ ใส่เดินเล่น (แล้วแต่ จะพกไปเหลือไม่ ก็แล้วแต่)
5. เสื้อคลุมกันหนาว (กันแดดก็ได้) สำหรับคนที่จะไปเที่ยว เกนติ้งครับพกเผื่อไปไว้ก็ดี
6. อื่นๆ แล้วแต่เลย อยากพกไรไปก็พก ไม่ผิดกฎพอ
สรุป ข้อ 2-4 ถ้าคุณไปพักโรงแรมไม่ได้ไปพัก Hostel แบบ Backpacker ไม่ต้องเอาไปก็ได้ครับ
3. แผนการเดินทาง
ผมมีแผนในหัวตามนี้ครับ วันแรก>>>> เที่ยว มะละกา
วันที่สอง >>> กลับมานอน กัวลาลัมเปอร์ เรื่องที่เที่ยวค่อยว่ากัน
วันที่สาม >>> ไป Genting Highland
วันที่ สี่ >>>> กลับมากัวลาลัมเปอร์ ที่เที่ยวค่อยว่ากัน
วันที่ ห้า >>>> เที่ยวใน KL แล้วก็กลับมาเดินเล่นสนามบิน แล้วก็กลับบ้าน
ซึ่งการเดินทางคนเดียวมันก็ดีแบบนี้แหละครับ คือผมสามารถเปลี่ยนแผนได้ทุกเมื่อ 55 อยากจะไปใหนก็ไป ตามใจตัวเอง
4. การจองโรงแรม >> หลัก ๆ แล้วผมก็จองผ่าน อะโกด้า แหละครับ เดี๋ยวไปลุ้นกันว่า โรงแรมอะไรกันบ้าง
เอาละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ๊ย เวลา ตึกโป๊ะ (กล้าเล่นมาก)
เมื่อวันเวลามาถึงก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ
1. ออกเริ่มเดินทาง >> ที่พัก ผมอยู่ใกล้สนามบิน สุวรรณภูมินะครับในคราวนี้ ผมจะเริ่มการเดินทางโดยการขึ้นรถ Shuttle bus ของ AOT เพื่อไปส่งที่สนามบินดอนเมือง. ซึ่งในการเดินทางนั้น เราต้องมีตั๋วและเที่ยวบินที่จะออกที่ดอนเมืองนะ เค้าถึงจะให้ขึ้น (ขากลับถ้าไม่มีตั๋วขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิเค้าไม่ให้นั่งกลับด้วยแหละ)
รถรับส่งจะจอดที่ประตูทางออก หมายเลข 3 มั้งครับ ซึ่งผม บิน รอบ 9 โมง ก็เลยต้องไปขึ้นรถเช้าหน่อย
เค้าเตอร์ตรวจตั๋ว
ตารางการเดินรถครับ
ขึ้นรถแล้ว ใช่เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม
ผมเช็คอินผ่านตู้ Kios เอานะครับสะดวกดี หลังจากนั้นก็เข้ามานั่งรอด้านใน นั่งดูเครื่องบินเล่น อิอิ
หลังจากเครื่องขึ้น ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน KLIA2 จนได้
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
เดินตามทางไปเรื่อยครับ เพื่อไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง (เคล็ดลับ เดินตามคนหมู่มากเข้าไว้ อิอิ )
ระหว่างทาง ก็จะมีร้านขาย SIm เน็ตนะครับ ก็เราจะซื้อเลย หรือว่าจะรอผ่าน ตม ก่อนแล้วออกไปซื้อข้างนอกก็ได้
เดินไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเดินลงไปเรื่อยๆ แล้วลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอละตรวจคนเข้าเมือง
ที่มาเลไม่ต้องเขียนใบเข้าเมืองนะครับ แต่เราต้อง สแกนนิ้วเข้าประเทศ
เย่ ออกมาละ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดนี่ก่อนเลยครับ Texas Chicken มื้อนี้ 16 Rmb - -
อ่อ พูดถึง Internet Sim ผมซื้อของ DIGIT มาใช้นะครับ ราคา 20 RMB Net 500MB Video 500MB Music 500 MB รวมเป็น 1.5 GB ใช้ Net ได้ 7 วัน ไม่ต้องกลัวว่าเน็ตจะไม่พอครับ มันเปลี่ยน แพคเกตได้ เดี๋ยวจะสอน ตอนหลังนะครับ
เป้าหมายต่อไปของเราคือ การมุ่งหน้าสู่ มะละกา เพื่อไปหามะละกอกิน เอ๊ย ไม่ใช่ละ 55 ก็เดินออกมาทางข้างหน้าเรื่อยๆ ครับจะเจอกับ ป้าย Bus counter ก็ให้ลง บันไดเลื่อนไปด้านล่างครับ (อยู่ใกล้ทางออกเลยครับ จำง่ายๆ ครับ ถ้าคำว่า KELUA แปลว่าทางออก MASUK แปลว่าทางเข้า)
เดินลงมาเลย
จะเจอ Counter ตามนี้เลยครับ
ผมเลือกเข้าช่องแรก บอกเค้า ว่า “โก ทู มะละกา “ ครับ ส่วนราคาค่าตั๋วก็ 24.30 RMB ต่อคน ผมโชคดีได้รอบ 2.30 PM แต่ตอนนั้นเวล 2.22 PM ละ พนักงานบอก bus NOW อ้าว ชิหายละกู นึกว่ารถบัส มาแล้ว รีบวิ่งออกไปหาเลยครับ แต่ คันใหนวะ 55 วิ่งออกไปถาม คันที่จอดแถวนั้นก่อนเลย “เอ๊กคิ๊วมี ดิส บัส โก ทู มะละกา” พวกตอบมาเลย Noooo เวรละทีนี้คนใหนหว่า ก็เลย ถาม ต่อ “ คูล ยัว เฮลป์ แวร์ อิส บัส พอยน์ ทู มะละกา” ละก็ยื่นตั๋วให้เค้าดู. เค้าก็ชี้ไปที่ ช่อง A1 ซึ่งๆๆๆๆ รถยังไม่มาเลย โด่วเอ๊ยยยย
ตั๋ว ครัสส จะระบุ เลขที่นั่ง ประตูทางออก แล้วก็ Platform ที่รถ บัส จะจอด
นั่งรอจนเปื่อย รถก็ยังไม่มา (ตอนมันมาก็ลืมถ่ายรูป 55)
นั่งรอไปซักพักรถก็มาครับ รถนั่งสบาย แอร์เย็น. แต่ที่เจ๋งคือ เบาะ สามารถนวดได้ เพียงแค่เรากดปุ่มมหัศจรรย์ปุ่มนี้
ใช้เวลาในการเดินทางราวๆ 2 ชม นะครับ ก็จะมาถึง MELAKA SENTRAL
ถึงแว้ว
ทีนี้เราต้องต่อรถเข้าไปในเมือง ซึ่งวิธีคือต้องนั่งสาย 17 เพื่อเข้าไปยังเมืองนะครับ
เมื่อเราลงจากรถ แล้ว ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา จะเจอ MC Donal อยู่นะครับ
ตามนี้ แล้วเลี้ยวซ้าย ตามป้าย DOSMETIC BUS ไปเลยครับ
เดินผ่านช่องนี้ไปช่องนู้น
จะเดินผ่านโซนที่เป็นเหมือน ศูนย์การค้า แล้วทะลุไปอีกด้าน จะมีรถบัส จอดเยอะๆ ก็เดินหาเลยครับ สาย 17
เจอรถแล้ว ด้วยความไม่ชัว กด กูเกิ้ลแมพ ถามคนขับ 55 “ ดิส บัส โก ทู ดิส พอยน์ “ ชี้ไปที่ Chris crunch แล้วคุณลุงก็กวักมือเรียกขึ้นรถเลย ครับ ค่าเสียหาย 2 RMB ตลอดสาย
นั่งรถไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงนี่ครับ Chris crunch เราก็ลงตรงนี้แหละ
อ่อ ผมมาถ่ายรูปเล่นครัส เลยไม่ค่อยรู้ประวัติอะไร กับสถานที่มาก 55 เดี๋ยวไปศึกษามาละจะเล่าให้ฟังใหม่นะ
เดินถ่ายรูปไปเรื่อย
เริ่มหนักครับ เดินหาที่พักที่จองไว้ดีกว่า เดินข้ามสะพานที่คนเดินผ่านเยอะๆ ตามเค้ามาเลยครับ เราจะเจอ ถนน Jonker Streeth
เห็นเค้าบอกว่าจะมีถนนคนเดินทุกวันเสาร์ อาทิตย์ แต่วันที่ผมไปเป็นวันศุกร์ ครับ เหมือนจะมีงานพวกตรุษจีนไรด้วย คนเลยคึกคักมาก
คนเยอะไปใหน
เจอแล้วววววว. คืนนี้ ผมจองที่ NO map Flashpacker ครับ เป็น Hostel ราคาประหยัด แต่ทำเล และความอาร์ตไม่ธรรมดาเลย
ราคาต่อคืนที่ป้ายหน้า Hostel อยู่ที่. 70 RMB แต่ผมจองผ่าน Agoda มาราคาอยู่ที่ 400 กว่าบาทเองครับ อ่อ ต้องมัดจำคีย์การ์ดกับกุญแจ 20 RMB นะครับ จะได้คืนตอนเช็คเอ้า แล้วก็ต้องกรอกประวัติด้วย ว่าเราจะไปที่ใหนต่อ แล้วก็ อีเมลล์
อันนี้ประตูด้านหลังนะ เข้าทางนี้ได้กดกริ่งเดี๋ยวเค้ามาเปิดให้
ด้านใน
ด้านหน้า
เอาหละ หลังจากเอาของเก็บทำให้ตัวเบาขึ้นก็ออกไปเดินแรด ได้แล้ว
บอกเลยผมกด Google Map แล้วเดินมั่วมากเลยคือ ตั้งใจจะไปหาวิวสวยๆ ถ่ายแสงเย็น อะครับ เดินไปเรื่อยๆเลย
วิวริมคลองครับน้ำใสดี
เรือรบๆ
เดินไปเดินมามาโผล่ มะละกาาสามร้อยยยหกสิบ องศาา(ทำเสียงด้วย) เป็นหอคอยแหละครับขึ้นไปแล้วก็จะหมุนให้เราเห็นวิว รอบเมืองมะละกาแบบ 360 องศา
ซื้อตั๋วทางนี้
ราคาตั๋ว 23 RMB ได้นำมาฟรี 1 ขวด
วิว เมืองมะละกา
สิ่งที่เราจะเห็นได้เยอะในมะละกา คือจะมีคน มาเปิดหมวก เล่นดนตรี กันเยอะครับ ทั้งในมะละกา และ กัวลาลัมเปอร์
อันนี้มาเป็นแบนด์
ขากลับเดินผ่านพิพิธภัณธ์ ต่างๆ
วิวแสงเย็นระหว่างทางครับ
นั่งเหงาคนเดียวไม่มีแล้วคนที่อยู่ข้างๆ T_T