สวัสดีค่าทุกคน^^ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่านี่เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ย ซึ่งก็คิดอยู่นานว่าจะรีวิวเรื่องอะไรดี
ติ๊กต๊อกๆ สุดท้ายก็มาลงเอยที่เรื่องการทำเลสิคนี่ล่ะ เพราะว่าเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องนึงในชีวิตที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก็คือ การทำเลสิค!! นั่นเองค่า
ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ _/l\_
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่า จขกท เป็นคนสายตาสั้นตั้งแต่ ม.3 โดยเริ่มแรกก็สั้นแค่ 150 ซึ่งก็เริ่มมองกระดานดำไม่เห็นล่ะ คุณแม่ก็เลยพาไปตัดแว่น แต่พอใส่แว่นไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าดั้งอิชั้นมันเริ่มแหนบยังไงก็มะรู้ T_T ก็เลยเริ่มหาทางเลือกใหม่เพื่อให้หน้าตาเรากลับมาสวยเหมือนเดิมให้จงได้ อิอิ
เพื่อนที่น่ารักก็เลยแนะนำให้ใส่คอนแทคเลนส์ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการใส่คอนแทคเลนส์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..
แต่หลายๆคนคงทราบปัญหาของการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ นั้นก็คืออาการตาแห้งนั่นเองค่ะ ซึ่งมันก็เกิดกับ จขกท เช่นกัน เพราะว่าใส่มานานมากเป็นสิบๆ ปีเห็นจะได้ (คงไม่ต้องบอกอายุกันนะคะ แหะๆ) ซึ่งอาการตาแห้งนี่มันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆเลย และ จขกท ก็เป็นคนไม่ชอบหยอดน้ำตาเทียม ประกอบกับเป็นคนชอบแต่งหน้าทาอายแชโดว์และกรีดอายไลน์เนอร์ไปทำงานทุกวันจ้า ซึ่งพอนานๆเข้ามันก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ตาเราแห้งกันไปใหญ่ เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆจะบอกนะคะว่ามันเป็นเพราะอะไร
เอ้า..เกริ่นมานานแระ มาเข้าเรื่องเลสิคกันเลยนะคะ เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนึงได้ไปเจอเพื่อน แล้วนางก็มาอัพเดทว่าตอนนี้ที่ศูนย์รักษาตาท๊อปเจริญมีโปรโมชั่นทำเลสิคราคาประมาณ 4 หมื่นๆก่าๆเอ้งงง ไอเราก็ตาโตขึ้นมาเลยค่ะ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นราคาการทำเลสิคแต่ละ ร.พ.จะค่อนข้างสูงบางที่เกือบแสนเลยทีเดียว แล้วนางก็ไปทำมาแล้วด้วย โลกนางสดใสขึ้นมาก ฮ่าๆๆ
จขกท เลยปรึกษาแฟนพร้อมได้รับการอนุมัติโลด ^^ จากนั้นก็โทรนัดตรวจทันทีจ้า พอถึงวันตรวจซึ่งไม่ขอเล่าขั้นตอนการตรวจนะคะ เพราะมีหลายขั้นตอนมากก ปรากฎว่าสภาพตาของเรานั้นแห้งมากกกกกก และกระจกตาค่อนข้างบาง ถ้าเราทำเลสิคแล้วตาเราจะยิ่งแห้งและกระจกตาก็จะบางลงไปอี้กก
ทางพยาบาลเลยสอบถามว่าทางเราจะทำมั้ย ถ้าทำก็ต้องยอมรับกับผลกระทบที่จะตามมาให้ได้นะคะ ตอนนั้นรู้สึกเซ็งมาก เพราะเราตั้งใจมากว่าอยากทำ
เลสิคให้ทันก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้านี้เคยไปญี่ปุ่นมาแล้วตาแห้งมากเพราะอากาศหนาวเลยทำให้เที่ยวไม่หนุกเลย แต่ๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน!!!
คุณพยาบาลก็ทำให้ความหวังเราเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนางบอกว่ายังมีการทำเลสิคอีกแบบหนึ่งที่เหมาะกับคนกระจกตาบางและตาแห้งมากๆ อย่างเรา นั่นก็คือการทำเลสิคแบบสไมล์ หรือเรียกเต็มๆว่า ReLex Smile นั่นเองจ้า ^^และราคาของการทำเลสิคด้วยวิธีนี้ค่อนข้างสูงกว่าแบบทั่วไปด้วย แต่ๆๆๆ ตอนนี้ทางท๊อปเจริญของเรายังไม่มีเครื่องรุ่นนี้นะคะ แป่ว!! คุณพยาบาลกล่าว...
กว่าเครื่องจะมาต้องรออีกประมาณ 6 เดือน ช่วงนี้คุณหมอก็เลยให้เลิกใส่คอนแทคฯ เด็ดขาดโดยใส่ได้แต่แว่นอย่างเดียว พร้อมกับหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพื่อปรับสภาพตาให้แห้งน้อยลงพร้อมทำเลสิคสไมล์ได้
แต่ด้วยความที่เราใจร้อนอยากทำไวๆ ก็เลยโทรสอบถามตาม ร.พ. ต่างๆ ปรากฎว่าไปเจอ 2 ที่ที่มีเครื่องเลสิคสไมล์ ได้แก่
1.TRSC ราคาอยู่ที่แสนกว่าๆ
2.ร.พ.จุฬา ราคา 86,000 บาท แต่มีช่วงนึงที่ทางจุฬาฯเคยจัดโปรฯ ราคาจะเหลือแค่ 6 หมื่นก่าๆเอง เพื่อนๆลองเชคดูเป็นระยะๆ นะคะ
*แต่ตอนนี้ที่อัพเดทล่าสุดทางท๊อปเจริญได้นำเข้าเครื่อง ReLex Smile เข้ามาให้บริการแล้วนะคะ ราคาอยู่ที่ 9 หมื่นกว่าๆ และก็ยังมี ร.พ.อื่นด้วย เพื่อนๆลองเชคดูตามกูเกิ้ลได้เลยค่ะ
พอดูราคาแล้วก็มองหน้ากับแฟนและบอกว่างั้นเราไปที่ ร.พ.จุฬากันเถอะ เพราะราคาก็พอรับไหว ถูกกว่าที่อื่นนะ อิอิ ^^ จากนั้นก็นัดตรวจสายตาอีกตามเคย ปรากฎว่าผลตรวจเหมือนเดิมเป๊ะ คือตายังแห้งมากกกกกถึงขึดสุดอยู่ คุณหมอก็เลยให้ใส่แว่นต่อไป ซึ่งเราใส่แว่นนานมากถึง 6 เดือนกว่าจะได้ทำ โดยช่วง 6 เดือนที่ใส่แว่นนี้คุณหมอจะนัดตรวจเราเป็นระยะๆ ทุกเดือนเพื่อเชคอัพและเท่าที่ดูก็เห็นจะมีเรานี่แหละที่ใส่แว่นนานมากกกกก แต่คุณพยาบาลก็ปลอบใจว่ายังมีคนใส่แว่นนานกว่าเราอีกนะ ใจเย็นๆเดี๋ยวก็ได้ทำ เหอๆๆ
ปล.ขอบอกก่อนว่าการที่จะได้ทำช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสภาพตาของเรานะคะ บางคนตรวจปุ๊ป อาทิตย์ต่อไปนัดทำเลยก็มี เพราะฉะนั้นใครที่ตั้งใจว่า
จะทำเลสิคแน่ๆ ขอแนะนำให้ดูแลดวงตาให้ดีนะคะ จะได้ไม่เสียเวลาแบบ จขกท ค่ะ
โอเค...ก่อนจะไปถึงวันทำเลสิค ขอแนะนำการดูแลรักษาดวงตาตามที่คุณหมอบอกมาในช่วงที่เรารอจะทำเลสิคดังนี้นะคะ
1.ควรเช็ดทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาด้วยสบู่อาบน้ำเด็กหรือจะเป็นเจลที่ใช้ทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาโดยเฉพาะ ทุกวันเช้า-เย็น
*โดยสบู่อาบน้ำเด็กที่คุณหมอแนะนำคือจอห์นสัน top to toe ขวดสีเหลือง หรือ baby mild ขวดสีเขียวก็ได้ค่ะ
ส่วนเจลทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาโดยเฉพาะที่คุณหมอแนะนำคือยี่ห้อ lid clean mac ใครนึกภาพไม่ออกเดี๋ยวแปะรูปไว้ให้นะคะ โดยวิธีการคือ ให้ใช้คอตตอนบัดชุบน้ำที่ผสมกับสบู่อาบน้ำเด็กมาเช็ดบริเวณไรขนตา โดยเปิดเปลือกตาบนและล่าง เช็ดเบาๆ จนกว่าคราบสกปรก และพวกอายไลน์เนอร์จะหมดไปจนเห็นคอตตอนบัตเป็นสีขาวสะอาดดังเดิม... ซึ่งจะบอกว่าเจ้าพวกอายไลน์เนอร์นี่ล่ะที่เป็นตัวการทำให้ตาเราแห้ง เพราะเมื่อเราทำความสะอาดออกไม่หมด มันจะไปอุดตันตามโคนขนตาและไปปิดกั้นการผลิตน้ำตาของเราออกมา และนั่นจะทำให้ตาเราแห้งนั่นเอง ซึ่งตอนที่ จขกท ไปตรวจนั้น คุณหมอถึงกับบอกว่าดวงตาของอิชั้นนั้นสกปรกมากกกเพราะมีคราบอายไลน์เนอร์ติดอยู่เพียบเลยจ้า คืออยากบอกว่าอายฝุดๆ เบย TT
2.หยอดน้ำตาเทียมให้ได้ทุกๆครึ่ง ช.ม. หรือทุกเวลาที่นึกออก อันนี้ในกรณีที่เราตาแห้งมากๆ นะคะ แต่โดยทั่วไปอาจจะหยอดทุกครึ่ง ช.ม. หรือทุก ช.ม.ก็ได้ค่ะ
3.พยายามไม่ใส่คอนแทคเลนส์ และใส่แว่นแทนเพราะจะช่วยให้ดวงตาเราแห้งน้อยลง เนื่องจากคอนแทคฯ จะไปปิดกั้นการไหลเวียนของอ๊อกซิเจนในดวงตาเรา ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเราแห้งค่ะ นอกนั้นก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ
^^ วันนี้ขอรีวิวเท่านี้ก่อนเน้อ ขอไปทำงานแพรพ เดี๋ยวคราวหน้ามาดูวันจริงว่าต้องเตรียมตัวยังไงนะคะ บ๊ายบาย[/ce
[CR] ประสบการณ์ทำเลสิคสไมล์ที่ ร.พ.จุฬาฯ ค่ะ @-@
ติ๊กต๊อกๆ สุดท้ายก็มาลงเอยที่เรื่องการทำเลสิคนี่ล่ะ เพราะว่าเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องนึงในชีวิตที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก็คือ การทำเลสิค!! นั่นเองค่า
ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ _/l\_
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่า จขกท เป็นคนสายตาสั้นตั้งแต่ ม.3 โดยเริ่มแรกก็สั้นแค่ 150 ซึ่งก็เริ่มมองกระดานดำไม่เห็นล่ะ คุณแม่ก็เลยพาไปตัดแว่น แต่พอใส่แว่นไปนานๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าดั้งอิชั้นมันเริ่มแหนบยังไงก็มะรู้ T_T ก็เลยเริ่มหาทางเลือกใหม่เพื่อให้หน้าตาเรากลับมาสวยเหมือนเดิมให้จงได้ อิอิ
เพื่อนที่น่ารักก็เลยแนะนำให้ใส่คอนแทคเลนส์ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการใส่คอนแทคเลนส์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..
แต่หลายๆคนคงทราบปัญหาของการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ นั้นก็คืออาการตาแห้งนั่นเองค่ะ ซึ่งมันก็เกิดกับ จขกท เช่นกัน เพราะว่าใส่มานานมากเป็นสิบๆ ปีเห็นจะได้ (คงไม่ต้องบอกอายุกันนะคะ แหะๆ) ซึ่งอาการตาแห้งนี่มันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆเลย และ จขกท ก็เป็นคนไม่ชอบหยอดน้ำตาเทียม ประกอบกับเป็นคนชอบแต่งหน้าทาอายแชโดว์และกรีดอายไลน์เนอร์ไปทำงานทุกวันจ้า ซึ่งพอนานๆเข้ามันก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ตาเราแห้งกันไปใหญ่ เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆจะบอกนะคะว่ามันเป็นเพราะอะไร
เอ้า..เกริ่นมานานแระ มาเข้าเรื่องเลสิคกันเลยนะคะ เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนึงได้ไปเจอเพื่อน แล้วนางก็มาอัพเดทว่าตอนนี้ที่ศูนย์รักษาตาท๊อปเจริญมีโปรโมชั่นทำเลสิคราคาประมาณ 4 หมื่นๆก่าๆเอ้งงง ไอเราก็ตาโตขึ้นมาเลยค่ะ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นราคาการทำเลสิคแต่ละ ร.พ.จะค่อนข้างสูงบางที่เกือบแสนเลยทีเดียว แล้วนางก็ไปทำมาแล้วด้วย โลกนางสดใสขึ้นมาก ฮ่าๆๆ
จขกท เลยปรึกษาแฟนพร้อมได้รับการอนุมัติโลด ^^ จากนั้นก็โทรนัดตรวจทันทีจ้า พอถึงวันตรวจซึ่งไม่ขอเล่าขั้นตอนการตรวจนะคะ เพราะมีหลายขั้นตอนมากก ปรากฎว่าสภาพตาของเรานั้นแห้งมากกกกกก และกระจกตาค่อนข้างบาง ถ้าเราทำเลสิคแล้วตาเราจะยิ่งแห้งและกระจกตาก็จะบางลงไปอี้กก
ทางพยาบาลเลยสอบถามว่าทางเราจะทำมั้ย ถ้าทำก็ต้องยอมรับกับผลกระทบที่จะตามมาให้ได้นะคะ ตอนนั้นรู้สึกเซ็งมาก เพราะเราตั้งใจมากว่าอยากทำ
เลสิคให้ทันก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้านี้เคยไปญี่ปุ่นมาแล้วตาแห้งมากเพราะอากาศหนาวเลยทำให้เที่ยวไม่หนุกเลย แต่ๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน!!!
คุณพยาบาลก็ทำให้ความหวังเราเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนางบอกว่ายังมีการทำเลสิคอีกแบบหนึ่งที่เหมาะกับคนกระจกตาบางและตาแห้งมากๆ อย่างเรา นั่นก็คือการทำเลสิคแบบสไมล์ หรือเรียกเต็มๆว่า ReLex Smile นั่นเองจ้า ^^และราคาของการทำเลสิคด้วยวิธีนี้ค่อนข้างสูงกว่าแบบทั่วไปด้วย แต่ๆๆๆ ตอนนี้ทางท๊อปเจริญของเรายังไม่มีเครื่องรุ่นนี้นะคะ แป่ว!! คุณพยาบาลกล่าว...
กว่าเครื่องจะมาต้องรออีกประมาณ 6 เดือน ช่วงนี้คุณหมอก็เลยให้เลิกใส่คอนแทคฯ เด็ดขาดโดยใส่ได้แต่แว่นอย่างเดียว พร้อมกับหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพื่อปรับสภาพตาให้แห้งน้อยลงพร้อมทำเลสิคสไมล์ได้
แต่ด้วยความที่เราใจร้อนอยากทำไวๆ ก็เลยโทรสอบถามตาม ร.พ. ต่างๆ ปรากฎว่าไปเจอ 2 ที่ที่มีเครื่องเลสิคสไมล์ ได้แก่
1.TRSC ราคาอยู่ที่แสนกว่าๆ
2.ร.พ.จุฬา ราคา 86,000 บาท แต่มีช่วงนึงที่ทางจุฬาฯเคยจัดโปรฯ ราคาจะเหลือแค่ 6 หมื่นก่าๆเอง เพื่อนๆลองเชคดูเป็นระยะๆ นะคะ
*แต่ตอนนี้ที่อัพเดทล่าสุดทางท๊อปเจริญได้นำเข้าเครื่อง ReLex Smile เข้ามาให้บริการแล้วนะคะ ราคาอยู่ที่ 9 หมื่นกว่าๆ และก็ยังมี ร.พ.อื่นด้วย เพื่อนๆลองเชคดูตามกูเกิ้ลได้เลยค่ะ
พอดูราคาแล้วก็มองหน้ากับแฟนและบอกว่างั้นเราไปที่ ร.พ.จุฬากันเถอะ เพราะราคาก็พอรับไหว ถูกกว่าที่อื่นนะ อิอิ ^^ จากนั้นก็นัดตรวจสายตาอีกตามเคย ปรากฎว่าผลตรวจเหมือนเดิมเป๊ะ คือตายังแห้งมากกกกกถึงขึดสุดอยู่ คุณหมอก็เลยให้ใส่แว่นต่อไป ซึ่งเราใส่แว่นนานมากถึง 6 เดือนกว่าจะได้ทำ โดยช่วง 6 เดือนที่ใส่แว่นนี้คุณหมอจะนัดตรวจเราเป็นระยะๆ ทุกเดือนเพื่อเชคอัพและเท่าที่ดูก็เห็นจะมีเรานี่แหละที่ใส่แว่นนานมากกกกก แต่คุณพยาบาลก็ปลอบใจว่ายังมีคนใส่แว่นนานกว่าเราอีกนะ ใจเย็นๆเดี๋ยวก็ได้ทำ เหอๆๆ
ปล.ขอบอกก่อนว่าการที่จะได้ทำช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสภาพตาของเรานะคะ บางคนตรวจปุ๊ป อาทิตย์ต่อไปนัดทำเลยก็มี เพราะฉะนั้นใครที่ตั้งใจว่า
จะทำเลสิคแน่ๆ ขอแนะนำให้ดูแลดวงตาให้ดีนะคะ จะได้ไม่เสียเวลาแบบ จขกท ค่ะ
โอเค...ก่อนจะไปถึงวันทำเลสิค ขอแนะนำการดูแลรักษาดวงตาตามที่คุณหมอบอกมาในช่วงที่เรารอจะทำเลสิคดังนี้นะคะ
1.ควรเช็ดทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาด้วยสบู่อาบน้ำเด็กหรือจะเป็นเจลที่ใช้ทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาโดยเฉพาะ ทุกวันเช้า-เย็น
*โดยสบู่อาบน้ำเด็กที่คุณหมอแนะนำคือจอห์นสัน top to toe ขวดสีเหลือง หรือ baby mild ขวดสีเขียวก็ได้ค่ะ
ส่วนเจลทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาโดยเฉพาะที่คุณหมอแนะนำคือยี่ห้อ lid clean mac ใครนึกภาพไม่ออกเดี๋ยวแปะรูปไว้ให้นะคะ โดยวิธีการคือ ให้ใช้คอตตอนบัดชุบน้ำที่ผสมกับสบู่อาบน้ำเด็กมาเช็ดบริเวณไรขนตา โดยเปิดเปลือกตาบนและล่าง เช็ดเบาๆ จนกว่าคราบสกปรก และพวกอายไลน์เนอร์จะหมดไปจนเห็นคอตตอนบัตเป็นสีขาวสะอาดดังเดิม... ซึ่งจะบอกว่าเจ้าพวกอายไลน์เนอร์นี่ล่ะที่เป็นตัวการทำให้ตาเราแห้ง เพราะเมื่อเราทำความสะอาดออกไม่หมด มันจะไปอุดตันตามโคนขนตาและไปปิดกั้นการผลิตน้ำตาของเราออกมา และนั่นจะทำให้ตาเราแห้งนั่นเอง ซึ่งตอนที่ จขกท ไปตรวจนั้น คุณหมอถึงกับบอกว่าดวงตาของอิชั้นนั้นสกปรกมากกกเพราะมีคราบอายไลน์เนอร์ติดอยู่เพียบเลยจ้า คืออยากบอกว่าอายฝุดๆ เบย TT
2.หยอดน้ำตาเทียมให้ได้ทุกๆครึ่ง ช.ม. หรือทุกเวลาที่นึกออก อันนี้ในกรณีที่เราตาแห้งมากๆ นะคะ แต่โดยทั่วไปอาจจะหยอดทุกครึ่ง ช.ม. หรือทุก ช.ม.ก็ได้ค่ะ
3.พยายามไม่ใส่คอนแทคเลนส์ และใส่แว่นแทนเพราะจะช่วยให้ดวงตาเราแห้งน้อยลง เนื่องจากคอนแทคฯ จะไปปิดกั้นการไหลเวียนของอ๊อกซิเจนในดวงตาเรา ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเราแห้งค่ะ นอกนั้นก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ
^^ วันนี้ขอรีวิวเท่านี้ก่อนเน้อ ขอไปทำงานแพรพ เดี๋ยวคราวหน้ามาดูวันจริงว่าต้องเตรียมตัวยังไงนะคะ บ๊ายบาย[/ce