สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน มุกได้ไปเที่ยวภูเก็ตในช่วงต้นเดือนมกรา 2017 ที่ผ่านมา ทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกมากๆเลยค่ะ
และวันนี้มุกจะมารีวิวประสบการณ์
พายเรือแคนนูแบบ 1 Day Trip กับ John Gray's Sea Canoe บอกก่อนนะคะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมุกในการพายเรือแคนนูในทะเลใต้ แต่บอกได้เลยว่าการพายเรือครั้งนี้กับ John Gray's Sea Canoe แตกต่างจากครั้งก่อนๆมากกก จะเป็นยังไงมารออ่านกันนน
John Gray's Sea Canoe เป็นบริษัทที่ให้บริการการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์และผจญภัยที่มีชื่อเสียง มีการเปิดบริการในเกือบทั่วภูมิภาคของโลก ทั้งภูเก็ต หมู่เกาะโคลอนในฟิลิปปินส์ อ่าวฮาลองในเวียดนาม หรือ หมู่เกาะฮาวาย จริงๆมีอีกนะ แต่มุกจำได้แค่นี้
หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นที่มันทำให้มุกดูมีความรู้ไปแล้ว เรามาเริ่มทริปกันเล้ยย
มุกไปทริปที่ชื่อว่า Day Trip – Hong By Starlight
เวลาประมาณ 10.45 รถตู้มาพอดี ตรงเวลาเป๊ะ! มาภูเก็ตครั้งนี้มุกพักแถว Old town ค่ะ พอขึ้นรถมาก็เจอฝรั่งสองคนที่ไปทริปเดียวกับเรา หลังจากนั้นพี่คนขับก็ขับรถยาววไปถึงท่าเรืออ่าวปอเลย ตอนแรกมุกก็งงว่า อ่าว! มีแค่นี้หรอ แต่พอถึงร้านค้าบริเวณท่าเรือแล้วก็ถึงบางอ้อว่า สงสัยรถคันนี้เค้าคงรับส่งผู้โดยสารเฉพาะในเมือง พอมาถึงท่าเรือแล้วคนเต็มเลย
บริเวณที่รถตู้มาจอดนี้ก็เป็นร้านค้าของคนในท้องถิ่นค่ะ มีจำหน่ายทั้ง น้ำ ขนม หรือพวกอุปกรณ์ว่ายน้ำ มีหมด เรียกได้ว่าถ้าลืมอะไรมา ไม่ต้องกลัว สามารถแวะซื้อที่นี่ก่อนได้
หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว ประมาณ 12.00 ก็ได้เวลาขึ้นเรือ โดยมีฟรีบริการถสองแถวรับส่งจากร้านค้าไปที่ท่าเรืออ่าวปอค่ะ ไม่ต้องเดินให้เมื่อยเลย ผู้ลงเรือลำเดียวกันกับมุก(มาเป็นสุภาษิต555) มีทั้งหมด 30 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด กลุ่มคนไทยค่อนข้างน้อยมากๆ
เรือที่ใช้โดยสารในครั้งนี้เป็นเรือแบบ Escort Boats เป็นเรือที่ชาวบ้านดัดแปลงมาจากเรือประมงที่ใช้หาปลาเพื่อมาใช้เป็นเรือทัวร์ โดยเรือทัวร์ของที่นี่จะเป็นเรือที่เช่าจากชาวประมงทั้งหมดเลยค่ะ เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลย และภายในเรือมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นที่เก็บเรือแคนนูและห้องน้ำ ชั้นสองคือชั้นที่พวกเรานั่งโดยสาร และชั้นสามเป็นดาดฟ้าเรือค่ะ เรือมีขนาดค่อนข้างใหญ่ นั่งแล้วไม่รู้สึกแออัด กำลังพอดี
พอขึ้นเรือได้สักพัก ก็จะมีพี่ไกด์มาอธิบายถึงตารางทริปของเราว่าจะไปที่ไหนบ้าง มีกิจกรรมอย่างไร นอกจากนั้นยังเล่าถึงข้อมูลต่างๆของสถานที่ที่เราจะอีกด้วย รับรองกลับจากทริปนี้ความรู้แน่นแน่นอน
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารมื้อเที่ยงกันแล้ว เย้! อาหารมื้อนี้มีปอเปี๊ยะทอด ผัดหมี่เหลือง สลัดผัก และ ผลไม้ต่างๆค่ะ รสชาติใช้ได้เลย ผลไม้หวานฉ่ำมากก แต่อาหารจะรสชาติไม่จัดมากนะคะ เพราะ ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ
เวลา 13.30 ก็มาถึงจุดแรกที่เราจะลงเรือกันแล้ว ซึ่งก็คือ Bat Cave หรือ ถ้ำค้างคาว โดยเราจะลงเรือแคนนูเข้าไปในถ้ำนี้กันค่ะ สามารถนั่งเรือได้ 2 – 3 คนต่อลำ และแต่ละลำก็จะมีพี่ไกด์คอยบริการพายเรือให้ทุกลำเลย สบายล่ะคราวนี้ ฮ่าๆ
หลังจากลงเรือแคนนูไปเรียบร้อยแล้วก็มุ่งเข้าสู่ถ้ำกันเลยค่ะ บรรยากาศในถ้ำค่อนข้างมืด ต้องใช้ไฟฉาย (พี่ไกด์ได้ให้เราก่อนลงเรือ) ในการส่องดูค้างคาวด้านบนผนังถ้ำ ซึ่งเห็นชัดและเยอะมาก เห็นค้างคาวครั้งแรก ตื่นเต้น55555 พอหลุดจากบริเวณถ้ำค้างคาวไปแล้ว เราก้จะเข้าในลากูนแรกค่ะ อยากบอกว่า โอ้ยยสวยงามมากกกก ถึงน้ำจะไม่ใสมาก เพราะเป็นโคลน แต่บรรยากาศมันสงบและรู้สึกถึงธรรมชาติจริงๆค่ะ ระหว่างที่นั่งเรือวนรอบลากูนนั้นก็จะได้ยินเสียงนกและเสียงสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่ในนี้เป็นระยะๆชอบมากก
ต่อจากนั้นก็ไปลากูนต่อไปเลยค่ะ ลากูนนี้บรรยากาศก็จะคล้ายกับลากูนแรก แต่ไฮไลท์เด็ดคือ พอแหงนหน้ามองด้านบนนั้น มันเป็นรูปหัวใจพอดีเลยค่ะ น่ารักกกก เป็นความบังเอิญของธรรมชาติที่มุ้งมิ้งมาก5555
เมื่อถึงเวลา 15.00 ก็ได้เวลาขึ้นเรือเพื่อไปจุดต่อไป โดยบนเรือมีบริการเสริฟ์อาหารว่างแบบบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเป็น ชา กาแฟ และ เค้กกล้วยหอม อร่อยดีค่ะ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ต่อไป ซึ่งก็คือนั่งเรือไปเกาะห้อง โดยพี่ไกด์ก็จะพายเรือรอบเกาะห้อง ไปเรื่อยๆ ชิวๆ เสพธรรมชาติไปเต็มๆเลยทีเดียว แล้วพี่เค้าก็พาแวะไปดูถ้ำฮันนีมูนค่ะ ซึ่งชื่อนี้มีที่มานะ มีเรื่องเล่ามาว่า มีคู่รักมาฮันนีมูนที่นี่แล้วพวกเขาทำผิดกฏ โดยแอบพายเรือมาในถ้ำนี้ พอถึงเวลามืดค่ำ น้ำก็ขึ้นสูงจนพวกเขาไม่สามารถพายเรือออกมาจากถ้ำนั้นได้ เลยต้องติดอยู่ในนั้น 1 คืนเต็มๆเลยค่ะ ต้องรอถึงเวลาเช้า ให้น้ำลดลงถึงสามารถพายเรือออกมาได้ เลยเป็นที่มาของถ้ำอันนีมูนนั่นเอง ลองนึกภาพว่าเราติดอยู่ในถ้ำนั้นข้ามคืนก็กลัวแล้วว แค่ขนาดพายเรือเข้าไปในตอนกลางวันยังมืดมากก ตอนกลางคืนจะมืดขนาดไหน เพราะฉะนั้นอย่าแหกกฏกันเลยนะคะ
หลังจากกลับขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เวลาประมาณ 16.30 เป็นเวลา Free Time ค่ะ โดยพี่ๆเค้าจะให้เวลาเราสามารถพายเรือแคนนูเล่นได้ จะโดดน้ำ จะว่ายน้ำไปที่ชายหาดก็ได้ค่ะ มุกกับพี่สาวเลยไปพายเรือแคนนูเล่นกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นที่แวะลากูนที่ต่างๆก็แอบขอพี่ไกด์พายเรือเล่นกันมาแล้ว สนุกดีค่ะ คิดว่าถ้าพายแบบนี้ทุกวัน กล้ามแขนขึ้นแน่นอน5555
หลังจากสนุกกับการพายเรือวนเป็นวงกลมมาแล้ว เพราะ พายกันไม่เก่ง555 ก็ได้เวลาขึ้นเรือ ต่อมามีกิจกรรมทำกระทง Handmade ค่ะ มีอุปกรณ์ ใบตองให้พร้อมเลย โดยจะมีพี่ๆไกด์สอนทำกระทงให้แต่ละกลุ่ม ตอนแรกมั่นใจมากค่ะว่ากระทงเราต้องสวยที่สุดแน่ๆ (อิอิ) เพราะ เป็นคนไทยไม่กี่กลุ่มบนเรือ แต่ที่ไหนได้ พอทำเสร็จต้องแอบเอามาหลบไว้อย่างเงียบๆ
หลังจากทำกระทงกันเสร็จ ถึงเวลาเวลารับประทานอาหารเย็น มื้อนี้ดีงามมากกกกก เพราะเป็น บุฟเฟ่ย์ซีฟู้ด!! เมนูอาหารหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นปลานึ่งมะนาว กุ้งบาร์บีคิว ต้มข่าไก่ หรือ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นี่ยังไม่หมด ยังมีอีก อร่อยมากก เติมข้าวไป 3 รอบเลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เวลา 18.30 ก็ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกด้านบนดาดฟ้าเรือ ลมเย็น โรแมนติ๊ก โรแมนติก
พอถึงเวลาประมาณ 19.00 ก็ได้เวลาเข้าถ้ำไปลอยกระทง โดยเรากลับไปลอยกันในถ้ำแรกก็คือถ้ำค้างคาว บรรยากาศด้านในสงบและมืดมากก จนไม่สามารถเก็บบรรยากาศมาให้ชมได้จริงๆค่ะ พวกเราเข้าไปในถ้ำกันเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดที่พอเหมาะแล้วก็ลอยกระทงได้เลย! นี่เป็นครั้งแรกของการลอยกระทงในถ้ำของมุกค่ะ ค่อนข้างแปลกใหม่และตื่นเต้นดี เพราะมืดมากจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่าทางบริษัทจะทิ้งกระทงเราให้เป็นขยะ หลังจากลอยเสร็จก็จะมีการเก็บกระทงขึ้นมา ไม่ทิ้งไว้เป็นภาระของสิ่งแวดล้อมแน่นอน
หลังจากนั้นก็พายเรือเข้าไปในถ้ำอีกสักระยะเพื่อเข้าไปดูแพลงก์ตอนค่ะ
ขอเสริมเกร็ดความรู้นิดนึงนะคะ พี่ไกด์ได้บอกพวกเราว่า จริงๆแล้ว แพลงก์ตอนที่เราจะได้ไปดูนั้น มันไม่ใช่ แพลงก์ตอน แต่มันคือ พรายน้ำ ซึ่งก็คือ Bioluminescent Plankton ชนิดนึงที่มีชื่อว่า Dinoflagellate ที่แปลจากภาษาละตินว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ค่ะ โอ้โห! ชีววิทยาก็มา กระทู้นี้นี่เรียกได้ว่าความรู้แน่น55555 (มีความอวยตัวเอง) ดังนั้นหลังจากนี้มุกขอเรียก แพลงก์ตอน ว่า พรายน้ำ นะคะ ชื่อไทยดี อิอิ
เมื่อพายเรือถึงจุดที่เหมาะสมแล้ว เราต้องใช้มือในการตีน้ำเบาๆเพื่อให้เห็นพรายน้ำและห้ามมีไฟส่องเด็ดขาด เพราะ การที่จะมองเห็นได้นั้น สถานที่ต้องมืดมากจริงๆ หลังจากนั้นมุกกับพี่สาวตีน้ำกันสนุกเลยค่ะ5555 พรายน้ำในถ้ำนี้มีเยอะเลย เห็นชัดเจน แสงสวยมากก ถึงจะพายเรือไปที่จุดอื่นในถ้ำก็ยังมีพรายน้ำเต็มไปหมด เรียกได้ว่าไม่ต้องไปดูพรายน้ำไกลถึงที่มัลดีฟส์เลยค่ะ ทะเลไทยนี่แหละ มีครบทุกอย่าง
หลังจากดูแพลงก์ตอนกันจนเต็มอิ่มไปแล้ว เราก็กลับขึ้นเรือกัน โดยเรือก็จะพาพวกเราไปส่งที่ท่าเรืออ่าวปอเหมือนเดิม และมีรถตู้คันเดิมรอรับไปส่งที่โรงแรมค่ะ
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกและเปิดประสบการณ์มุกมากๆ มันทำให้มุกรู้ว่า ทะเลไทยมีสถานที่สวยๆ ที่เกิดจากธรรมชาติที่แท้จริง เต็มไปหมดเลย ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส อย่าลืมแวะมาเที่ยวทะเลใต้กันนะคะ กิจกรรมเยอะ ไม่น่าเบื่อแน่นอน!!
รีวิวแบบวีดีโอก็มีนะ ลองกดดูกันได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพอาจจะสั่นเหมือนแผ่นดินไหวนะคะ ความจริงไม่ใช่ ฮ่าๆ มือใหม่ เพิ่งลองหัดถ่ายค่ะ
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการออกทริปพายเรือแคนนูที่ภูเก็ต สามารถดูข้อมูลได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้John Gray's Sea Canoe
http://www.johngray-seacanoe.com/
https://www.facebook.com/JohnGraySeaCanoe/
ส่วนเพื่อนๆที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน มาติดตามทริปสนุกๆของมุกในครั้งต่อไปได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Page HowToGoThere : https://www.facebook.com/HTGTplanning/
[CR] รีวิว พายเรือแคนนู ดูแพลงก์ตอนที่ภูเก็ต กับ John Gray's Sea Canoe
และวันนี้มุกจะมารีวิวประสบการณ์ พายเรือแคนนูแบบ 1 Day Trip กับ John Gray's Sea Canoe บอกก่อนนะคะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมุกในการพายเรือแคนนูในทะเลใต้ แต่บอกได้เลยว่าการพายเรือครั้งนี้กับ John Gray's Sea Canoe แตกต่างจากครั้งก่อนๆมากกก จะเป็นยังไงมารออ่านกันนน
John Gray's Sea Canoe เป็นบริษัทที่ให้บริการการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์และผจญภัยที่มีชื่อเสียง มีการเปิดบริการในเกือบทั่วภูมิภาคของโลก ทั้งภูเก็ต หมู่เกาะโคลอนในฟิลิปปินส์ อ่าวฮาลองในเวียดนาม หรือ หมู่เกาะฮาวาย จริงๆมีอีกนะ แต่มุกจำได้แค่นี้
หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นที่มันทำให้มุกดูมีความรู้ไปแล้ว เรามาเริ่มทริปกันเล้ยย
เวลาประมาณ 10.45 รถตู้มาพอดี ตรงเวลาเป๊ะ! มาภูเก็ตครั้งนี้มุกพักแถว Old town ค่ะ พอขึ้นรถมาก็เจอฝรั่งสองคนที่ไปทริปเดียวกับเรา หลังจากนั้นพี่คนขับก็ขับรถยาววไปถึงท่าเรืออ่าวปอเลย ตอนแรกมุกก็งงว่า อ่าว! มีแค่นี้หรอ แต่พอถึงร้านค้าบริเวณท่าเรือแล้วก็ถึงบางอ้อว่า สงสัยรถคันนี้เค้าคงรับส่งผู้โดยสารเฉพาะในเมือง พอมาถึงท่าเรือแล้วคนเต็มเลย
บริเวณที่รถตู้มาจอดนี้ก็เป็นร้านค้าของคนในท้องถิ่นค่ะ มีจำหน่ายทั้ง น้ำ ขนม หรือพวกอุปกรณ์ว่ายน้ำ มีหมด เรียกได้ว่าถ้าลืมอะไรมา ไม่ต้องกลัว สามารถแวะซื้อที่นี่ก่อนได้
หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว ประมาณ 12.00 ก็ได้เวลาขึ้นเรือ โดยมีฟรีบริการถสองแถวรับส่งจากร้านค้าไปที่ท่าเรืออ่าวปอค่ะ ไม่ต้องเดินให้เมื่อยเลย ผู้ลงเรือลำเดียวกันกับมุก(มาเป็นสุภาษิต555) มีทั้งหมด 30 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด กลุ่มคนไทยค่อนข้างน้อยมากๆ
เรือที่ใช้โดยสารในครั้งนี้เป็นเรือแบบ Escort Boats เป็นเรือที่ชาวบ้านดัดแปลงมาจากเรือประมงที่ใช้หาปลาเพื่อมาใช้เป็นเรือทัวร์ โดยเรือทัวร์ของที่นี่จะเป็นเรือที่เช่าจากชาวประมงทั้งหมดเลยค่ะ เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลย และภายในเรือมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นที่เก็บเรือแคนนูและห้องน้ำ ชั้นสองคือชั้นที่พวกเรานั่งโดยสาร และชั้นสามเป็นดาดฟ้าเรือค่ะ เรือมีขนาดค่อนข้างใหญ่ นั่งแล้วไม่รู้สึกแออัด กำลังพอดี
พอขึ้นเรือได้สักพัก ก็จะมีพี่ไกด์มาอธิบายถึงตารางทริปของเราว่าจะไปที่ไหนบ้าง มีกิจกรรมอย่างไร นอกจากนั้นยังเล่าถึงข้อมูลต่างๆของสถานที่ที่เราจะอีกด้วย รับรองกลับจากทริปนี้ความรู้แน่นแน่นอน
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารมื้อเที่ยงกันแล้ว เย้! อาหารมื้อนี้มีปอเปี๊ยะทอด ผัดหมี่เหลือง สลัดผัก และ ผลไม้ต่างๆค่ะ รสชาติใช้ได้เลย ผลไม้หวานฉ่ำมากก แต่อาหารจะรสชาติไม่จัดมากนะคะ เพราะ ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ
เวลา 13.30 ก็มาถึงจุดแรกที่เราจะลงเรือกันแล้ว ซึ่งก็คือ Bat Cave หรือ ถ้ำค้างคาว โดยเราจะลงเรือแคนนูเข้าไปในถ้ำนี้กันค่ะ สามารถนั่งเรือได้ 2 – 3 คนต่อลำ และแต่ละลำก็จะมีพี่ไกด์คอยบริการพายเรือให้ทุกลำเลย สบายล่ะคราวนี้ ฮ่าๆ
หลังจากลงเรือแคนนูไปเรียบร้อยแล้วก็มุ่งเข้าสู่ถ้ำกันเลยค่ะ บรรยากาศในถ้ำค่อนข้างมืด ต้องใช้ไฟฉาย (พี่ไกด์ได้ให้เราก่อนลงเรือ) ในการส่องดูค้างคาวด้านบนผนังถ้ำ ซึ่งเห็นชัดและเยอะมาก เห็นค้างคาวครั้งแรก ตื่นเต้น55555 พอหลุดจากบริเวณถ้ำค้างคาวไปแล้ว เราก้จะเข้าในลากูนแรกค่ะ อยากบอกว่า โอ้ยยสวยงามมากกกก ถึงน้ำจะไม่ใสมาก เพราะเป็นโคลน แต่บรรยากาศมันสงบและรู้สึกถึงธรรมชาติจริงๆค่ะ ระหว่างที่นั่งเรือวนรอบลากูนนั้นก็จะได้ยินเสียงนกและเสียงสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่ในนี้เป็นระยะๆชอบมากก
ต่อจากนั้นก็ไปลากูนต่อไปเลยค่ะ ลากูนนี้บรรยากาศก็จะคล้ายกับลากูนแรก แต่ไฮไลท์เด็ดคือ พอแหงนหน้ามองด้านบนนั้น มันเป็นรูปหัวใจพอดีเลยค่ะ น่ารักกกก เป็นความบังเอิญของธรรมชาติที่มุ้งมิ้งมาก5555
เมื่อถึงเวลา 15.00 ก็ได้เวลาขึ้นเรือเพื่อไปจุดต่อไป โดยบนเรือมีบริการเสริฟ์อาหารว่างแบบบุฟเฟ่ย์ ซึ่งเป็น ชา กาแฟ และ เค้กกล้วยหอม อร่อยดีค่ะ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ต่อไป ซึ่งก็คือนั่งเรือไปเกาะห้อง โดยพี่ไกด์ก็จะพายเรือรอบเกาะห้อง ไปเรื่อยๆ ชิวๆ เสพธรรมชาติไปเต็มๆเลยทีเดียว แล้วพี่เค้าก็พาแวะไปดูถ้ำฮันนีมูนค่ะ ซึ่งชื่อนี้มีที่มานะ มีเรื่องเล่ามาว่า มีคู่รักมาฮันนีมูนที่นี่แล้วพวกเขาทำผิดกฏ โดยแอบพายเรือมาในถ้ำนี้ พอถึงเวลามืดค่ำ น้ำก็ขึ้นสูงจนพวกเขาไม่สามารถพายเรือออกมาจากถ้ำนั้นได้ เลยต้องติดอยู่ในนั้น 1 คืนเต็มๆเลยค่ะ ต้องรอถึงเวลาเช้า ให้น้ำลดลงถึงสามารถพายเรือออกมาได้ เลยเป็นที่มาของถ้ำอันนีมูนนั่นเอง ลองนึกภาพว่าเราติดอยู่ในถ้ำนั้นข้ามคืนก็กลัวแล้วว แค่ขนาดพายเรือเข้าไปในตอนกลางวันยังมืดมากก ตอนกลางคืนจะมืดขนาดไหน เพราะฉะนั้นอย่าแหกกฏกันเลยนะคะ
หลังจากกลับขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เวลาประมาณ 16.30 เป็นเวลา Free Time ค่ะ โดยพี่ๆเค้าจะให้เวลาเราสามารถพายเรือแคนนูเล่นได้ จะโดดน้ำ จะว่ายน้ำไปที่ชายหาดก็ได้ค่ะ มุกกับพี่สาวเลยไปพายเรือแคนนูเล่นกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นที่แวะลากูนที่ต่างๆก็แอบขอพี่ไกด์พายเรือเล่นกันมาแล้ว สนุกดีค่ะ คิดว่าถ้าพายแบบนี้ทุกวัน กล้ามแขนขึ้นแน่นอน5555
หลังจากสนุกกับการพายเรือวนเป็นวงกลมมาแล้ว เพราะ พายกันไม่เก่ง555 ก็ได้เวลาขึ้นเรือ ต่อมามีกิจกรรมทำกระทง Handmade ค่ะ มีอุปกรณ์ ใบตองให้พร้อมเลย โดยจะมีพี่ๆไกด์สอนทำกระทงให้แต่ละกลุ่ม ตอนแรกมั่นใจมากค่ะว่ากระทงเราต้องสวยที่สุดแน่ๆ (อิอิ) เพราะ เป็นคนไทยไม่กี่กลุ่มบนเรือ แต่ที่ไหนได้ พอทำเสร็จต้องแอบเอามาหลบไว้อย่างเงียบๆ
หลังจากทำกระทงกันเสร็จ ถึงเวลาเวลารับประทานอาหารเย็น มื้อนี้ดีงามมากกกกก เพราะเป็น บุฟเฟ่ย์ซีฟู้ด!! เมนูอาหารหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นปลานึ่งมะนาว กุ้งบาร์บีคิว ต้มข่าไก่ หรือ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นี่ยังไม่หมด ยังมีอีก อร่อยมากก เติมข้าวไป 3 รอบเลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เวลา 18.30 ก็ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกด้านบนดาดฟ้าเรือ ลมเย็น โรแมนติ๊ก โรแมนติก
พอถึงเวลาประมาณ 19.00 ก็ได้เวลาเข้าถ้ำไปลอยกระทง โดยเรากลับไปลอยกันในถ้ำแรกก็คือถ้ำค้างคาว บรรยากาศด้านในสงบและมืดมากก จนไม่สามารถเก็บบรรยากาศมาให้ชมได้จริงๆค่ะ พวกเราเข้าไปในถ้ำกันเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดที่พอเหมาะแล้วก็ลอยกระทงได้เลย! นี่เป็นครั้งแรกของการลอยกระทงในถ้ำของมุกค่ะ ค่อนข้างแปลกใหม่และตื่นเต้นดี เพราะมืดมากจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่าทางบริษัทจะทิ้งกระทงเราให้เป็นขยะ หลังจากลอยเสร็จก็จะมีการเก็บกระทงขึ้นมา ไม่ทิ้งไว้เป็นภาระของสิ่งแวดล้อมแน่นอน
หลังจากนั้นก็พายเรือเข้าไปในถ้ำอีกสักระยะเพื่อเข้าไปดูแพลงก์ตอนค่ะ
ขอเสริมเกร็ดความรู้นิดนึงนะคะ พี่ไกด์ได้บอกพวกเราว่า จริงๆแล้ว แพลงก์ตอนที่เราจะได้ไปดูนั้น มันไม่ใช่ แพลงก์ตอน แต่มันคือ พรายน้ำ ซึ่งก็คือ Bioluminescent Plankton ชนิดนึงที่มีชื่อว่า Dinoflagellate ที่แปลจากภาษาละตินว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่เก่าแก่กว่าไดโนเสาร์ค่ะ โอ้โห! ชีววิทยาก็มา กระทู้นี้นี่เรียกได้ว่าความรู้แน่น55555 (มีความอวยตัวเอง) ดังนั้นหลังจากนี้มุกขอเรียก แพลงก์ตอน ว่า พรายน้ำ นะคะ ชื่อไทยดี อิอิ
เมื่อพายเรือถึงจุดที่เหมาะสมแล้ว เราต้องใช้มือในการตีน้ำเบาๆเพื่อให้เห็นพรายน้ำและห้ามมีไฟส่องเด็ดขาด เพราะ การที่จะมองเห็นได้นั้น สถานที่ต้องมืดมากจริงๆ หลังจากนั้นมุกกับพี่สาวตีน้ำกันสนุกเลยค่ะ5555 พรายน้ำในถ้ำนี้มีเยอะเลย เห็นชัดเจน แสงสวยมากก ถึงจะพายเรือไปที่จุดอื่นในถ้ำก็ยังมีพรายน้ำเต็มไปหมด เรียกได้ว่าไม่ต้องไปดูพรายน้ำไกลถึงที่มัลดีฟส์เลยค่ะ ทะเลไทยนี่แหละ มีครบทุกอย่าง
หลังจากดูแพลงก์ตอนกันจนเต็มอิ่มไปแล้ว เราก็กลับขึ้นเรือกัน โดยเรือก็จะพาพวกเราไปส่งที่ท่าเรืออ่าวปอเหมือนเดิม และมีรถตู้คันเดิมรอรับไปส่งที่โรงแรมค่ะ
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกและเปิดประสบการณ์มุกมากๆ มันทำให้มุกรู้ว่า ทะเลไทยมีสถานที่สวยๆ ที่เกิดจากธรรมชาติที่แท้จริง เต็มไปหมดเลย ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส อย่าลืมแวะมาเที่ยวทะเลใต้กันนะคะ กิจกรรมเยอะ ไม่น่าเบื่อแน่นอน!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการออกทริปพายเรือแคนนูที่ภูเก็ต สามารถดูข้อมูลได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนเพื่อนๆที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน มาติดตามทริปสนุกๆของมุกในครั้งต่อไปได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้