มาทำ DIY whitening cream ที่ไม่อันตรายต่อผิวหน้ากันดีกว่า

วันนี้ผมมาชวนทำ Whitening cream สำหรับ "ผิวหน้า" กันดีกว่าครับ 55555 ซึ่งตัวผมก็คงไม่ลงลึกถึงการทำเบสครีมนะครับ เพราะยุ่งยากเกินไป

โดยที่วัสดุอุปกรณ์มีดังนี้

1.) เบสครีม ซึ่งผมจะใช้ Physiogel cream ขนาด 75 ml น่ะครับ (ราคาประมาณ 400-500 บาทแล้วแต่ร้าน) เนื่องจากว่าเหมาะกับคนผิวแห้งอย่างผม แต่ถ้าเป็นเบสครีมยี่ห้ออื่นก็ได้นะครับ แล้วแต่ว่าใครใช้ยี่ห้อไหนประจำ แต่ห้ามใช้ครีมที่เป็นพวกครีมที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ หรือครีมที่มี AHA นะครับ เพราะ Whitening ตัวที่เราใส่ลงไปจะไม่คงทนต่อกรดน่ะครับ ^^

2.) อัลฟาอาร์บูติน (Alpha arbutin) 0.75 g (1% active) ซึ่งจริงๆก็สามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 2% นะครับถ้าต้องการความขาวที่มากจริงๆ ตัวนี้ผมซื้อมา 10 g ราคาประมาณ 500 บาท

3.) โซเดียม แอสคอร์บิล ฟอสเฟต (Sodium ascorbyl phosphate : SAP) 0.75 g (1% active) ซึ่งก็สามารถใช้ได้ประมาณ 1% สูงสุดนะครับ ตัวนี้ผมซื้อมา 25 กรัม ราคาประมาณ 300 บาท

4.) กระปุกใส่น้ำพริกที่มีลักษณะกลม (ความจุประมาณ 150 ml) ทำให้กวนเข้าได้ง่ายกว่าแบบสี่เหลี่ยมนะครับ

5.) แท่งแก้วสำหรับคน

6.) ตาชั่งละเอียดทศนิยม 2 ตำแหน่ง

7.) แอลกอฮอลล์ทาแผลที่เป็น 70% Ethyl alcohol ใช้สำหรับเช็ดกระปุกน้ำพริกเผาและแท่งแก้วก่อนที่จะนำมากวน whitening cream นะครับ ซึ่งการเช็ดนั้นทำเพื่อฆ่าเชื้อและทำให้น้ำที่หลงเหลือในภาชนะและแท่งแก้วคนนั้นระเหยจนหมดสิ้นด้วย

ซึ่งเจ้าอัลฟาอาร์บูตินนี้ (Alpha arbutin) เป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ที่สามารถละลายน้ำได้ ทำหน้าที่ในการปรับผิวให้ขาว และทำให้สีผิวมีโทนเดียวกัน โดยเหมาะสำหรับผิวทุกประเภท มีความปลอดภัยสูงและ ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนสารไฮโดรคิวโนน (Hydroquinone) และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ราคาสูงกว่าไฮโดรคิวโนนมาก

โดยอัลฟาอาร์บูตินสามารถลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เซลล์ผิวหนังได้ด้วยการไปยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเจ้า Tyrosinase นี้เป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทมากที่สุดในการสังเคราะห์เมลานินที่สร้างสีผิวน่ะครับ

ส่วนเจ้าโซเดียม แอสคอร์บิล ฟอสเฟต (Sodium ascorbyl phosphate : SAP) นั่นก็คือ Vitamin C ที่มีความคงตัวสูงไม่เสื่อมสภาพเร็วเหมือนตัววิตามินซีที่อยู่ในรูปของ L-Ascorbic Acid และเป็นสาร antioxidant ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มันจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวและปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

และนอกจากนั้นด้วยความว่าเจ้า SAP นี้สามารถคงตัวในสภาวะที่เป็นกลาง และตัวมันเองก็เป็นกลางด้วย ทำให้ไม่จำเป็นต้องปรับ pH ก่อนการใช้งานทำให้สะดวกในการใช้งานมากครับ

ซึ่งสรรพคุณของสาร whitening ผมก็ได้เอามาจากลิงก์นี้นะครับ
https://www.facebook.com/textile.phys.and.chem/photos/a.507291945975911.112460.506996079338831/1410270142344749/?type=3&theater

และลิงก์นี้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/textile.phys.and.chem/photos/a.507291945975911.112460.506996079338831/1411175252254238/?type=3&theater

โดยที่วิธีการทำก็ทำได้โดย
1.) นำแอลกอฮอลล์ทาแผลนั้นเช็ดกระปุกที่จะกวนครีมและแท่งแก้วจนทั่วเป็นการ swap ฆ่าเชื้อให้เสร็จสรรพ หลังจากที่ล้างภาชนะดังกล่าวจนสะอาดด้วยน้ำ อีกทั้งยังเป็นการไล่น้ำที่ตกค้างให้ระเหยไปหมดด้วย

2.) ชั่งอัลฟาอาร์บูติน และ SAP อย่างละ 0.75 กรัม (ในรูปนี่ผมชั่ง SAP เป็น 0.76 กรัมครับ เพราะขี้เกียจตักออกแล้ว 5555) ไว้ที่ก้นกระปุกที่ฆ่าเชื้อแล้ว

3.) บีบครีมเบสอย่าง Physiogel cream 75 ml ลงไปจนหมดเกลี้ยง โดยที่ต้องตัดหลอดปาดเอาครีมออกมาให้หมดไม่เหลือเลยนะครับ ^^

4.) จัดการกวนไปเรื่อยๆจนอัลฟาอาร์บูตินและ SAP ละลายจนหมด (สังเกตจากเสียงกวนที่ไม่มีเสียงเสียดสีของแท่งแก้วกับผงที่กระจายตัวอยู่ที่ก้นกระปุกน่ะครับ 5555) ก็กวนไปเรื่อยๆ ซึ่งผมใช้เวลากวนนานถึง 10 นาทีเลยครับ ในขั้นตอนนี้ความหนืดของครีมจะลดลงจนมีลักษณะคล้ายโลชัน เนื่องจากว่าสารให้ความหนืด (thickener) เมื่อเจอสารที่ละลายน้ำแตกตัวให้ประจุอย่าง SAP นั้นจะสูญเสียความหนืดลงไปบ้าง

5.) พอกวนจนแน่ใจว่าละลายหมดแล้ว ก็ปิดฝาให้สนิท ปล่อยให้ไล่ฟองออกสัก 1 คืน ก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ^^

แค่นี้เราก็จะได้ whitening cream ที่มีความปลอดภัย และมีสาร active ingredient ที่เราแน่ใจได้ว่ามันมีสรรพคุณจริงๆแล้วน่ะครับ

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า อ้าวแล้วครีมที่ได้อยู่ในกระปุกแบบนี้จะเน่าเสียได้มั้ย อันนี้ผมลองเช็คการติดเชื้อแล้วก็ไม่พบนะครับ แม้ว่าจะเปิดใช้ทุกวันเป็นระยะเวลา 2 เดือนล่วงมาแล้ว แต่ถ้านานกว่านั้นผมก็ไม่แน่ใจนะครับ เพราะปกติก็ใช้ไม่เคยเกิน 2 เดือนซักทีต่อ 75 ml ครีมน่ะครับ ^^

นอกจากนั้นการเก็บ whitening cream ที่มีองค์ประกอบของ alpha arbutin ว่าควรเก็บไว้ในที่ทึบแสงด้วยนะครับ เนื่องจาก alpha arbutin จะถูกแสงทำลาย เกิดเป็นสารข้างเคียงที่มีอันตรายต่อผิวหนังได้ ดังนั้นถ้าไม่ได้เปลี่ยนถ่ายลงในภาชนะอื่น ก็ควรจะห่อด้วย aluminium foil ที่ภาชนะด้วยนะครับ ^^

ส่วนสถานที่ซื้อสารเหล่านี้ก็มีชื่อร้านในป้ายในรูปถ่ายแล้วนะครับ ได้โปรดอย่าถามอีกนะครับ 555 เพราะคาดว่าต้องเป็นคำถามยอดฮิตแน่ๆ ถ้าใครถามใน comment เนี่ย ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ในการเงียบมึนเลยนะครับ 555 ไม่ตอบเด็ดขาด ^^

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่