[CR] เที่ยวอยุธยาเมืองเก่าด้วยงบไม่ถึง 200 บาท

"ตอนเด็ก มีเวลา มีแรง ไม่มีเงิน
พอโตมา มีแรง มีเงิน ไม่มีเวลา
ยามแก่ชรา มีเวลา มีเงิน แต่ไม่มีแรง"

ทุกคนคงจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้วเนาะ
ซึ่งนี่ว่ามันก็จริงนะตอนนี้เรามีทั้งแรงมีทั้งเวลาแต่ดันไม่มีเงินซะงั้น
อย่าพึ่งกังวลไปนะวัยรุ่นนี่จะมารีวิวการท่องเที่ยวโดยรถไฟที่สุดแสนจะประหยัดให้ได้ลองไปผจญภัยกัน
ซึ่งสถานที่ที่นี่เลือกที่จะไปก็คืออยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อนนั่นเองงงงงงง
สาเหตุที่เลือกไปอยุธยาก็เพราะอยู่ใกล้กลับกรุงเทพแล้วสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ก็ไม่ไกลกันมาก

นี่จะไล่ตั้งแต่การเดินทางออกมาจากหอพักของนี่เลยนะ นี่พักอยู่ที่แถวๆ บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้าปากเกร็ด
ออกมาจากหอประมาณ 09.00น. กะเวลาเผื่อรถติดสุดๆ กลัวไปไม่ทันรถไฟฟรีเที่ยว 10.23น.
นี่ก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์จากหน้าหอมารอรถที่หน้าปากซอย ค่าวิน 15 บาท

พอถึงหน้าปากซอยก็รอรถที่ฝั่งตรงข้ามกับบิ๊กซีจะขึ้นรถเมล์สาย52หรือรถตู้สายจตุจักรก็ได้ ค่ารถเมล์ 9 บาท รถตู้ 20 บาท
แต่นี่ขึ้นรถตู้เพราะรถเมล์ยังไม่มา (ที่จริงอยากขึ้นรถเมล์มากว่าเพราะค่ารถถูกดีเข้าคอนเซปเที่ยวแบบประหยัด 5555555)

นี่นั่งรถมาลงที่ป้ายไอทีหลักสี่แล้วเดินย้อนกลับมาข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟหลักสี่
จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องขายตั๋วแล้วบอกเขาว่า “รถไฟฟรีไปอยุธยาที่นึงค่ะ”


เย่ๆ ได้ตั๋วมาแล้ววววววว จากนั้นก็รอเวลาที่รถไฟจอดเทียบชานชาลาที่ 2
นี่นั่งรถขบวนที่ 201 กรุงเทพ-พิษณุโลก พอขึ้นรถก็จับจองหาที่นั่งกันได้เลย
โชคดีที่มาวันธรรมดาถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์นะมีหวังต้องยืนจนไปถึงอยุธยาแน่ๆ

พอรถออกจากสถานีหลักสี่ก็จะได้ยินเสียง “น้ำไหมครับๆ” “แหนมทอด แหนมหมูทอดจ้าาาาาา”
นั่งมาถึงสถานีดอนเมืองก็จะได้ยินเสียงแกร๊กๆ ของพนักงานตรวจตั๋วบนรถไฟ

บรรยากาศระหว่างทางดีมากเลยมีทุ่งนาเต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง บรรยากาศแบบนี้ในเมืองหาไม่ได้นะจ๊ะ

ผ่านไปประมาณ 1 ชม.ครึ่ง รถไฟก็มาจอดที่สถานีอยุธยา ก็เดินข้ามถนนเพื่อที่จะไปขึ้นเรือข้ามฟากค่าเรือ 5 บาท

ระหว่างทางที่เดินไปขึ้นเรือจะมีร้านให้เช่ารถจักรยานและรถมอเตอร์ไซค์ ค่าเช่าจักรยานคันละ 40 บาท มอเตอร์ไซค์ 150-200 บาท

แต่นี่ไม่ได้เช่านะคือกะว่าจะเดินอย่างเดียวเลยเพราะอยากประหยัดเงินพอข้ามไปถึงฝั่งแล้วก็เริ่มปฏิบัติการ Google Maps
คือต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปที่กะทันหันมาก ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยแผนที่ก็ไม่มีแถมยังมาคนเดียวอีก
เรียกได้ว่าเป็นทริปไปตายเอาดาบหน้าแท้ๆ
แต่ก็นะพอไม่ได้เตรียมตัวความหายนะก็บังเกิดนี่ตั้งใจว่าจะไปตลาดน้ำอโยธยาเป็นที่แรกเลยเดินไปถามทางที่ร้านค้า
เค้าก็บอกว่าต้องนั่งเรือกลับไปเพราะตลาดอยู่อีกฝั่งนึง นี่ก็เลยตัดใจไม่ไปแล้วตลาดน้ำก็เลยถามเค้าว่าแถวนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง
เค้าก็บอกว่าเดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีเมืองโบราณแล้วก็วัดอยู่นี่ก็เลยเดินไปตามที่เค้าบอกมา แต่ใจนึงก็ยังอยากไปตลาดน้ำอยู่ก็เลยไปถามวินมอเตอร์ไซค์ว่าไปตลาดน้ำเท่าไรพี่วินก็บอกว่า 40 บาท ในใจเริ่มคิดละว่าจะกลับไปเช่าจักรยานดีไหมแต่ก็เดินมาไกลมากแล้วก็เลยนั่งวินไปตลาดน้ำ (เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายจริงๆ)

พอมาถึงตลาดน้ำนี่ก็เดินเล่นถ่ายรูปนู่นนี่นั่นไปเรื่อยในตลาดจะมีการแสดงโชว์ต่างๆ ให้ดูด้วยแต่นี่มาไม่ทันการแสดงก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป
มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า ของที่ระลึก ขนมในสมัยก่อนก็มีให้เราได้ย้อนความหลังในวัยเยาว์

เมื่อเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามของตลาดน้ำก็จะเจอกับหมู่บ้านช้าง ที่นี่จะมีการแสดงโชว์สัตว์แสนรู้ให้อาหารช้าง ป้อนนมแพะ
มีซุ้มปาโป่งให้เราได้เล่นกันด้วยนะ ซึ่งนี่ก็ไม่พลาดเพราะอยากได้ตุ๊กตามินเนี่ยนแต่ด้วยความห่วยก็เลยเสียเงินฟรีไป 40 บาท

หลังจากที่เจ็บใจจากปาโป่งไปแล้วนี่ก็เดินออกมาจากหมู่บ้านช้าง เดินตรงไปจนเจอกับถนนใหญ่แล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอกับวัดสมณโกฏฐาราม

หลังจากที่เดินดูรอบๆวัดและถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว นี่ก็เดินย้อนกลับไปที่ทางเข้าตลาดน้ำเพื่อหารถไปเที่ยวต่อแต่ก็ไม่พ้นพี่วินอีกแล้วครับท่าน
ตอนแรกกะว่าจะเดินไปวัดใหญ่ชัยมงคลแต่พี่วินก็บอกว่าก็ไกลกันพอสมควรนะถ้าจะนั่งวินไปก็ 40 บาท
นี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นไปลงที่วันมหาธาตุเพราะจ่ายค่ารถ 40 บาทเท่ากันแต่ในระแวกนั้นมีวัดที่ใกล้กันสามารถเดินไปได้
ระหว่างทางที่ไปวัดมหาธาตุต้องผ่านวงเวียนเจดีย์ด้วยก็เลยเก็บภาพมาฝาก

ถึงแล้ววัดมหาธาตุ แต่ก่อนที่จะเข้าไปชมวัดได้จะต้องเสียค่าเข้าชมก่อน 10 บาท ราคาคนไทย แต่ชาวต่างชาติ 50 บาท
ซึ่งความตลกมันอยู่ที่คนขายบัตรคิดว่านี่เป็นคนจีนเลยยื่นบัตรสำหรับชาวต่างชาติมาให้นี่พอบอกว่าเป็นคนไทยเค้าก็ทำหน้างงแล้วหยิบบัตรคนไทยให้

หลังจากที่เราได้บัตรเข้าชมมาแล้วก็เดินเข้าไปชื่นชมความงามของโบราณสถาน โชคดีมากที่วันนี้อากาศค่อนข้างดีลมเย็นแถมแดดยังไม่แรงด้วย นี่เลยมีแรงเดินถ่ายรูปจนทั่ววัดเลย

จุดนี้ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของวัดมหาธาตุเลยก็ว่าได้

พอเดินออกมาจากวัดมหาธาตุแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับวัดราชบูรณะสองวัดนี้อยู่ใกล้กันแค่ข้ามถนนไปก็ถึงละ วัดนี้ก็ต้องเสียค่าเข้าชมนะราคาเดียวกับวัดมหาธาตุเลย

ตอนที่กำลังเดินถ่ายรูปเพลินก็ได้ยินเสียงนกร้องก็เลยมองหาว่าอยู่ที่ไหน จนไปเจอกับนกสีขาวตัวนี้เกาะอยู่บนองค์พระที่ชำรุด
แต่แปลกที่ต่อให้คนเดินผ่านไปผ่านมาใกล้แค่ไหนก็ไม่บินหนีเลย ยังยืนเกาะอยู่บนองค์พระแล้วยืนคอด้วยท่าทางที่สง่ามาก

ในวัดราชบูรณะจะมีเจดีย์สูงตั้งอยู่ตรงกลางวัดซึ่งสามารถเดินขึ้นไปได้
นี่ก็เลยคิดว่าไหนๆ ก็มาแล้วต้องไปให้สุดตอนแรกกะว่าจะขึ้นไปแค่ถ่ายรูปวัดจากมุมสูง
แต่ภายในเจดีย์มีบันไดให้เดินลงไปอีกซึ่งภายในก็จะแบ่งเป็น 2 ชั้น
ชั้นแรกจะเป็นภาพวาดในสมัยก่อนนี่คิดว่าน่าจะเป็นรูปที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนนะเพราะในรูปมีตัวอักษรภาษาจีนอยู่ด้วย
และชั้นล่างจะเป็นคล้ายๆ กับห้องแคบที่มีเพดานสูง แต่จะมีรูปวาดอยู่บนเพดานและผนังทั้งสี่ดาน

แต่ต้องระวังกันหน่อยนะเพราะบันไดชันและแคบมาก

นี่เป็นรูปทางเข้าไปในห้องชั้นล่างสุดของเจดีย์ที่นี่บอกว่าเป็นคล้ายห้องแคบๆ

หลังจากที่เดินถ่ายรูปรอบๆ วัดจนน่องโป่งแล้วนี่ก็เดินกลับไปยังสถานีรถไฟซึ่งก็อยู่ไกลจากวัดพอสมควรนะ
ตอนแรกกะว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ แล้วรอกลับรถไฟฟรีเที่ยว 18.48น. แต่เหนื่อยมากบวกกับแบตโทรศัพท์จะหมดแล้วก็เลยตัดสินใจว่ากลับรถไฟเร็วเที่ยว 16.37น. เลยละกัน
ก่อนถึงสถานนีรถไฟต้องนั่งเรือข้ามฟากก่อนพอเดินมาถึงสถานีรถไฟก็รีบวิ่งไปซื้อตั๋วเพราะใกล้เวลาที่รถจะมาแล้ว

หลังจากที่ได้ตั๋วรถไฟมาแล้วนี่ก็นั่งรอรถแล้วถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย

ขากลับพระอาทิตย์กำลังตกดินพอดีแต่เสียดายที่แบตโทรศัพท์ดันหมดซะก่อนเลยไม่ได้ถ่ายรูปสวยๆ มาฝากเลย
พอรถไฟมาถึงสถานีหลักสี่นี่ก็เดินไปรอรถเมล์กลับหอที่หน้าTOTหลักสี่ นี่ยืนรอไปสักพักรถเมล์สาย52ก็มาจอดที่ป้าย
นี่นั่งไปลงที่หน้าบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้าปากเกร็ดค่ารถ 9 บาท แล้วนี่ก็ต่อรถสองแถวข้าหอค่ารถ 8 บาท

จบแล้วสำหรับทริปไปตายเอาดาบหน้าซึ่งถือว่าเป็นทริปแรกของปีนี้เลย แถมยังเป็นทริปแรกที่ไปคนเดียวอีก งานนี้ทั้งเหนื่อยทั้งสนุกเลย
สำหรับใครที่คิดว่าไปเมืองเก่าไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนุกเลย นี่อยากให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดแล้วลองมาสัมผัสดูจะได้รู้ว่าเมืองเก่าก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นมากมายนะ

*สรุปค่าใช้จ่าย*
ค่าวินมอเตอร์ไซค์ออกจากหอ 15 บาท
ค่ารถตู้ 20 บาท
ค่ารถไฟ 0 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก (ขาไป) 5 บาท
ค่าวินมอเตอร์ไซค์ 80 บาท
ค่าเข้าชมวัดมหาธาตุ 10 บาท
ค่าเข้าชมวัดราชบูรณะ 10 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก (ขากลับ) 5 บาท
ค่ารถไฟเร็ว 20 บาท
ค่ารถเมล์สาย52 9 บาท
ค่ารถสองแถว 8 บาท
รวม 182 บาท

เห็นไหมวัยรุ่นว่าเราสามารถเที่ยวได้ด้วยงบไม่ถึง 200 บาท
แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะรีบอออกไปหาประสบการณ์ก่อนจะถึงวัยที่มีแรงมีเงินแต่ไม่มีเวลาสิ

ปล.1 รูปทั้งหมดถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ Oppo A37
ปล.2 ไม่มีการแต่งรูปใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่อยากดัดแปลงความทรงจำ
ปล.3 นี่เป็นกระทู้แรกถ้ามีอะไรผิดพลาดขอโทษด้วยน้าาาาา
ชื่อสินค้า:   เที่ยวอยุธยาเมืองเก่าด้วยงบไม่ถึง 200 บาท
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่