สำหรับคนที่คิดว่าผมกำลังเขียนถึงคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็คงต้องผิดหวัง เพราะผู้หญิงที่ผมกำลังจะเขียนถึงคือ "
เอเล่นอร์ แห่งอควิเทน” ในยุคกลางของอังกฤษ เธอคือผู้หญิงที่เรียกได้ว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องอิจฉา เธอใช้ชีวิตคุ้มค่าที่สุดในสายตาผม ในช่วงระยะเวลาหกสิบกว่าที่มีชีวิตอยู่บนพื้นโลกใบนี้ แทบจะเรียกได้ไม่มีอะไรที่เธอไม่ได้ทำ ผมลองลิสต์แซมเปิ้ลๆ ให้ดูคร่าวๆ นะครับ :-
๑. เธอเป็นพระราชินีแห่งฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่7
๒. หลังจากหย่ากับพระเจ้าหลุยส์แล้วเธอก็แต่งงานกับเจ้าชายเฮนรี่ สองปีต่อมาเจ้าชายเฮนรี่ก็ได้ขึ้นเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ แห่งอังกฤษ เธอกลายเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษหลังจากสละตำแหน่งพระราชินีแห่งฝรั่งเศสเพียงไม่นาน
๓. เธอใส่ชุดเกราะเยี่ยงชายออกสู่สนามรบในสงครามครูเสดครั้งที่สอง(สงครามศาสนาระหว่างคริสต์กับมุสลิมที่กินเวลาถึง200ปี)
๔. เมื่ออายุ ๑๕ บิดาของเธอเสียชีวิต และทิ้งมรดกที่เป็นดินแดนทางใต้ของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Aquitane ที่มีเนื้อที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของฝรั่งเศสในปัจจุบัน
๕. เธอลอบมีชู้ (เธอบ่นว่าแต่งงานกับพระเจ้าหลุยส์ที่7 ก็เหมือนแต่งงานกับพระ)
๖. เธอสนับสนุนราชโอรสของเธอที่เกิดกับพระเจ้าเฮนรี่๒ แห่งอังกฤษ ก่อกบฏเพื่อแย่งราชบัลลังก์จากพระเจ้าเฮนรี่
๗. เธอเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระมหากษัตริย์(ลูกชาย คือพระเจ้าริชาร์ด)
๘. เธอเป็นพระราชมารดาของกษัตริย์ถึงสองพระองค์ (พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ กับพระเจ้าจอห์น)
๙. เธอถูกพระราชสวามี(พระเจ้าเฮนรี่ที่๒ จับขังคุกเป็นเวลาสิบห้าปี โทษฐานที่ยุยงลูกชายทั้งสามก่อกบฏแย่งราชบัลลังก์) เผอิญว่าพระสวามีสิ้นพระชนม์ก่อนเธอจึงได้รับอิสระภาพ
๑๐. เธอใช้บั้นปลายชีวิตในโบสถ์โดยบวชเป็นแม่ชี(คริสต์)และสิ้นชีวิตที่นั่น
ทั้งหมดข้างบนนี้เป็นลิสต์สำคัญๆ ของ “รสชาด” ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกได้ว่า เป็นกุลสตรี นักรบ นักรัก นักวางแผน คนคุก นักบวช และเชื่อว่าคงจะหาใครมาเทียบเธอได้ยากเรื่อง "รสชาดของชีวิต"....แต่ละหัวข้อของลิสต์ข้างบนมีรายละเอียดและปลีกย่อยเยอะแยะ โดยทั่วๆ ไป...หนังสือประวัติศาสตร์ยุโรปหรือหนังสือส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะเริ่มต้นเขียนถึงเธอในแนวคล้ายๆ กันว่า
“เอเล่นอร์แห่งอ่ะควิเทน” ผู้หญิงที่เรืองอำนาจ ทรงบารมีที่สุดคนหนึ่งในยุคยุโรปยุคกลาง คือผู้หญิงที่นอกจากร่ำรวยมหาศาลและเธอยังสวยสดงดงามที่สุดของผู้หญิงในยุคนั้น

ชีวิตคร่าวๆ ของเธอ...เธอเกิดในตระกูลที่เรียกได้ว่า “ผู้ดี” ทุกกระเบียดนิ้ว เรียนขี่ม้า เย็บปักถักร้อย ดนตรี เต้นรำ เมื่อพี่ชายเธอเสียชีวิตเธอกลายเป็นลูกคนเดียวของตระกูลและได้รับมรดกคือแคว้นอ่ะควิเทนที่เป็นดินแดนทางใต้ของฝรั่งเศสเกือบจะทั้งหมด เจ้าชายจากแคว้นอื่นๆ ทั่งฝรั่งยุโรปและฝั่งอังกฤษต่างก็หมายปองเธอ เพราะนั่นหมายความว่าดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลก็จะถูกรวบเข้าเป็นอาณาจักรของตน โดยไม่ต้องไปสู้รบปรบมือให้เสียเลือดเสียเนื้อ ประมาณว่าคนหนึ่งเป็นกำนัน อีกคนก็เป็นกำใน และด้วยเหตุผลทางการเมือง เธอจึงได้ตกลงแต่งงานกับเจ้าชายหลุยส์แห่งปารีส และต่อมาเจ้าชายหลุยส์ก็ขึ้นเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่๗ แห่งฝรั่งเศส ส่วนเธอก็เป็นสมเด็จพระราชินีไป ระหว่างนำทัพทหารฝรั่งเศสออกไปร่วมสงครามครูเสดที่สอง ก็เกิดข่าวลือหนาหูว่าเธอแอบมีกิ๊กกับญาติคือลุงของเธอ(ช่วงนี้เขียนรายละเอียดได้อีกหลายหน้า) พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ค่อยพอใจ สุดท้าย...ทั้งสองจึงหย่าขาดจากกัน พระเจ้าหลุยส์ที่๗ เบื่อหน่ายเธอที่ไม่มีลูกชายเพื่อสืบราชบัลลังก์(แต่มีลูกสาวสองคน) ส่วนเอเล่นอร์ก็บ่นว่า พระเจ้าหลุยส์บ่มีไก๊ด์
ถอดมงกุฏพระราชินีแห่งฝรั่งเศสได้สองเดือนกว่าๆ เธอก็ไปแต่งงานกับเจ้าชายอีกแคว้นซึ่งอีกสองปีต่อมาเจ้าชายนั้นก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษคือพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ คราวนี้เธอมีลูกกับพระเจ้าเฮนรี่ถึงแปดพระองค์ เล่นเอาพระเจ้าหลุยส์ที่๗แห่งฝรั่งเศสถึงอึ้ง(อิจฉา) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศสที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็ขเกลียวขึ้นอีก และในระหว่างที่เอเลนอร์ตั้งครรภ์พระราชโอรสองค์สุดท้าย(ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้าจอห์น) พระเจ้าเฮนรี่ที่๒ ก็ไปแอบมีกิ๊ก...จริงๆ แล้วพระองค์ก็ทรงมีกิ๊กอยู่หลายคน แต่ที่บาดใจพระราชินีเอเล่นอร์เห็นจะเป็นกิ๊กคนนี้ที่ชื่อ Rosamund(โรสมันด์) Clifford เธอสวยไม่แพ้พระราชินีเอเล่นนอร์และสดกว่าด้วย เพราะความงามของเธอ ใครต่อใครก็ขนานนามเธอว่า “Rose of the world” กุหลาบของโลก เหตุการณ์ช่วงนี้มีเรื่องราวเล่าไว้หลายแง่หลายมุม แต่ผมจะนำมุม “ดราม่า” มาเสนอล่ะกัน จะได้ฟินกัน 5555 เพราะเรื่องกิ๊กของพระสวามีนั้นชาวบ้านชาวช่องเขาลือกันกระฉ่อน พระราชินีเอเล่นอร์ถึงทนไม่ได้ “เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร” ประมาณนี้.......เธอเรียกให้ Rosamund มาให้เข้าเฝ้า และตรัสถาม “กุหลาบของโลก” ว่าให้เลือกระหว่างมีดคว้านท้องตัวเองกับดื่มยาพิษ Rosamund เลือกอย่างหลังคือดื่มยาพิษ
ภาพวาดตอนพระราชินีเอเล่นอร์กำลังเตรียมยาพิษให้ Rosamund
กล่าวกันว่า กิ๊กของพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ คือ Rosamund เป็น “ชนวน” ให้พระราชากับพระราชินีต้องเหินห่างกัน สุดท้ายก็ถึงกับแยกห้องพระบรรทมกัน เลวร้ายสุดก็คือพระราชินีเอเล่นอร์เสด็จกลับไปฝรั่งเศส วางแผนให้ลูกชายคือวิลเลี่ยม ริชาร์ด และจอห์นทำรัฐประหารต่อบิดา กษัตริย์ฝรั่งเศสก็คอยให้ท้ายแบ่งกำลังทหารให้แผนการครานี้(จ้องคอยที่จะเล่นงานอังกฤษอยู่แล้ว) แต่สุดท้ายพระเจ้าเฮนรี่ก็ปราบลงได้ และจับพระราชินีเอเล่นอร์ขังคุกเอาไว้จนตัวเองตายเป็นเวลาสิบห้าปี
หลังจากนั้นพระราชินีเอเล่นอร์ก็ได้รับอิสระ โดยลูกชายได้ขึ้นเป็นพระเจ้าริชาร์ด หรือที่เรารู้จักกันดีคือ “พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์” พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำสงครามคือสงครามครูเสดครั้งที่สาม และพระราชินีเอเล่นอร์ก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายพระเจ้าริชาร์ดก็ถูกยิงด้วยลูกธนูและสิ้นพระชนม์ น้องชายคือพระเจ้าจอห์นก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษแทน และในรัชสมัยของพระเจ้าจอห์นก็ปกครองอังกฤษด้วยความโหดร้าย เกิดความโกลาหลในหมู่ขุนนาง และเกิดการแข็งข้อ สุดท้ายเหล่าขุนนางพระจอห์นถูกจับให้บังคับเซ็น “กฏบัตรแมคน่าคาตาร์” เพื่อลดอำนาจพระมหากษัตริย์ลงในปีคศ.1215
หรือจะเรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” ฉบับแรกและฉบับเดียวที่ยังใช้กันมาอยู่ทุกวันนี้อังกฤษรวมเวลาเจ็ดร้อยกับอีกสองปี น่าจะตรงกับสมัยสุโขทัยของเรา
ส่วนพระราชินีเอเล่นอร์.....ก็เสด็จกลับไปฝรั่งเศสและหันหน้าเข้าโบสถ์บวชเป็นชีจนวาระสุดท้าย
รูปปั้นของพระนางบนหลุมฝังศพ
ปล. ต้องขออภัยด้วยที่ผมเขียนเล่าในสไตส์บ้านๆ ใช้ราชาศัพท์บ้างไม่ใช้บ้าง
..."ผู้หญิงกับการเมือง" หนึ่งเดียวในโลกที่ยังหาคนอื่นมาทาบเธอรัศมีได้ยาก และคงน่าจะไม่มีใครอีกแล้ว....
๑. เธอเป็นพระราชินีแห่งฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่7
๒. หลังจากหย่ากับพระเจ้าหลุยส์แล้วเธอก็แต่งงานกับเจ้าชายเฮนรี่ สองปีต่อมาเจ้าชายเฮนรี่ก็ได้ขึ้นเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ แห่งอังกฤษ เธอกลายเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษหลังจากสละตำแหน่งพระราชินีแห่งฝรั่งเศสเพียงไม่นาน
๓. เธอใส่ชุดเกราะเยี่ยงชายออกสู่สนามรบในสงครามครูเสดครั้งที่สอง(สงครามศาสนาระหว่างคริสต์กับมุสลิมที่กินเวลาถึง200ปี)
๔. เมื่ออายุ ๑๕ บิดาของเธอเสียชีวิต และทิ้งมรดกที่เป็นดินแดนทางใต้ของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Aquitane ที่มีเนื้อที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของฝรั่งเศสในปัจจุบัน
๕. เธอลอบมีชู้ (เธอบ่นว่าแต่งงานกับพระเจ้าหลุยส์ที่7 ก็เหมือนแต่งงานกับพระ)
๖. เธอสนับสนุนราชโอรสของเธอที่เกิดกับพระเจ้าเฮนรี่๒ แห่งอังกฤษ ก่อกบฏเพื่อแย่งราชบัลลังก์จากพระเจ้าเฮนรี่
๗. เธอเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระมหากษัตริย์(ลูกชาย คือพระเจ้าริชาร์ด)
๘. เธอเป็นพระราชมารดาของกษัตริย์ถึงสองพระองค์ (พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ กับพระเจ้าจอห์น)
๙. เธอถูกพระราชสวามี(พระเจ้าเฮนรี่ที่๒ จับขังคุกเป็นเวลาสิบห้าปี โทษฐานที่ยุยงลูกชายทั้งสามก่อกบฏแย่งราชบัลลังก์) เผอิญว่าพระสวามีสิ้นพระชนม์ก่อนเธอจึงได้รับอิสระภาพ
๑๐. เธอใช้บั้นปลายชีวิตในโบสถ์โดยบวชเป็นแม่ชี(คริสต์)และสิ้นชีวิตที่นั่น
ทั้งหมดข้างบนนี้เป็นลิสต์สำคัญๆ ของ “รสชาด” ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกได้ว่า เป็นกุลสตรี นักรบ นักรัก นักวางแผน คนคุก นักบวช และเชื่อว่าคงจะหาใครมาเทียบเธอได้ยากเรื่อง "รสชาดของชีวิต"....แต่ละหัวข้อของลิสต์ข้างบนมีรายละเอียดและปลีกย่อยเยอะแยะ โดยทั่วๆ ไป...หนังสือประวัติศาสตร์ยุโรปหรือหนังสือส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะเริ่มต้นเขียนถึงเธอในแนวคล้ายๆ กันว่า “เอเล่นอร์แห่งอ่ะควิเทน” ผู้หญิงที่เรืองอำนาจ ทรงบารมีที่สุดคนหนึ่งในยุคยุโรปยุคกลาง คือผู้หญิงที่นอกจากร่ำรวยมหาศาลและเธอยังสวยสดงดงามที่สุดของผู้หญิงในยุคนั้น
ชีวิตคร่าวๆ ของเธอ...เธอเกิดในตระกูลที่เรียกได้ว่า “ผู้ดี” ทุกกระเบียดนิ้ว เรียนขี่ม้า เย็บปักถักร้อย ดนตรี เต้นรำ เมื่อพี่ชายเธอเสียชีวิตเธอกลายเป็นลูกคนเดียวของตระกูลและได้รับมรดกคือแคว้นอ่ะควิเทนที่เป็นดินแดนทางใต้ของฝรั่งเศสเกือบจะทั้งหมด เจ้าชายจากแคว้นอื่นๆ ทั่งฝรั่งยุโรปและฝั่งอังกฤษต่างก็หมายปองเธอ เพราะนั่นหมายความว่าดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลก็จะถูกรวบเข้าเป็นอาณาจักรของตน โดยไม่ต้องไปสู้รบปรบมือให้เสียเลือดเสียเนื้อ ประมาณว่าคนหนึ่งเป็นกำนัน อีกคนก็เป็นกำใน และด้วยเหตุผลทางการเมือง เธอจึงได้ตกลงแต่งงานกับเจ้าชายหลุยส์แห่งปารีส และต่อมาเจ้าชายหลุยส์ก็ขึ้นเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่๗ แห่งฝรั่งเศส ส่วนเธอก็เป็นสมเด็จพระราชินีไป ระหว่างนำทัพทหารฝรั่งเศสออกไปร่วมสงครามครูเสดที่สอง ก็เกิดข่าวลือหนาหูว่าเธอแอบมีกิ๊กกับญาติคือลุงของเธอ(ช่วงนี้เขียนรายละเอียดได้อีกหลายหน้า) พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ค่อยพอใจ สุดท้าย...ทั้งสองจึงหย่าขาดจากกัน พระเจ้าหลุยส์ที่๗ เบื่อหน่ายเธอที่ไม่มีลูกชายเพื่อสืบราชบัลลังก์(แต่มีลูกสาวสองคน) ส่วนเอเล่นอร์ก็บ่นว่า พระเจ้าหลุยส์บ่มีไก๊ด์
ถอดมงกุฏพระราชินีแห่งฝรั่งเศสได้สองเดือนกว่าๆ เธอก็ไปแต่งงานกับเจ้าชายอีกแคว้นซึ่งอีกสองปีต่อมาเจ้าชายนั้นก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษคือพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ คราวนี้เธอมีลูกกับพระเจ้าเฮนรี่ถึงแปดพระองค์ เล่นเอาพระเจ้าหลุยส์ที่๗แห่งฝรั่งเศสถึงอึ้ง(อิจฉา) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศสที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็ขเกลียวขึ้นอีก และในระหว่างที่เอเลนอร์ตั้งครรภ์พระราชโอรสองค์สุดท้าย(ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้าจอห์น) พระเจ้าเฮนรี่ที่๒ ก็ไปแอบมีกิ๊ก...จริงๆ แล้วพระองค์ก็ทรงมีกิ๊กอยู่หลายคน แต่ที่บาดใจพระราชินีเอเล่นอร์เห็นจะเป็นกิ๊กคนนี้ที่ชื่อ Rosamund(โรสมันด์) Clifford เธอสวยไม่แพ้พระราชินีเอเล่นนอร์และสดกว่าด้วย เพราะความงามของเธอ ใครต่อใครก็ขนานนามเธอว่า “Rose of the world” กุหลาบของโลก เหตุการณ์ช่วงนี้มีเรื่องราวเล่าไว้หลายแง่หลายมุม แต่ผมจะนำมุม “ดราม่า” มาเสนอล่ะกัน จะได้ฟินกัน 5555 เพราะเรื่องกิ๊กของพระสวามีนั้นชาวบ้านชาวช่องเขาลือกันกระฉ่อน พระราชินีเอเล่นอร์ถึงทนไม่ได้ “เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร” ประมาณนี้.......เธอเรียกให้ Rosamund มาให้เข้าเฝ้า และตรัสถาม “กุหลาบของโลก” ว่าให้เลือกระหว่างมีดคว้านท้องตัวเองกับดื่มยาพิษ Rosamund เลือกอย่างหลังคือดื่มยาพิษ
ภาพวาดตอนพระราชินีเอเล่นอร์กำลังเตรียมยาพิษให้ Rosamund
กล่าวกันว่า กิ๊กของพระเจ้าเฮนรี่ที่๒ คือ Rosamund เป็น “ชนวน” ให้พระราชากับพระราชินีต้องเหินห่างกัน สุดท้ายก็ถึงกับแยกห้องพระบรรทมกัน เลวร้ายสุดก็คือพระราชินีเอเล่นอร์เสด็จกลับไปฝรั่งเศส วางแผนให้ลูกชายคือวิลเลี่ยม ริชาร์ด และจอห์นทำรัฐประหารต่อบิดา กษัตริย์ฝรั่งเศสก็คอยให้ท้ายแบ่งกำลังทหารให้แผนการครานี้(จ้องคอยที่จะเล่นงานอังกฤษอยู่แล้ว) แต่สุดท้ายพระเจ้าเฮนรี่ก็ปราบลงได้ และจับพระราชินีเอเล่นอร์ขังคุกเอาไว้จนตัวเองตายเป็นเวลาสิบห้าปี
หลังจากนั้นพระราชินีเอเล่นอร์ก็ได้รับอิสระ โดยลูกชายได้ขึ้นเป็นพระเจ้าริชาร์ด หรือที่เรารู้จักกันดีคือ “พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์” พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำสงครามคือสงครามครูเสดครั้งที่สาม และพระราชินีเอเล่นอร์ก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายพระเจ้าริชาร์ดก็ถูกยิงด้วยลูกธนูและสิ้นพระชนม์ น้องชายคือพระเจ้าจอห์นก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษแทน และในรัชสมัยของพระเจ้าจอห์นก็ปกครองอังกฤษด้วยความโหดร้าย เกิดความโกลาหลในหมู่ขุนนาง และเกิดการแข็งข้อ สุดท้ายเหล่าขุนนางพระจอห์นถูกจับให้บังคับเซ็น “กฏบัตรแมคน่าคาตาร์” เพื่อลดอำนาจพระมหากษัตริย์ลงในปีคศ.1215
หรือจะเรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” ฉบับแรกและฉบับเดียวที่ยังใช้กันมาอยู่ทุกวันนี้อังกฤษรวมเวลาเจ็ดร้อยกับอีกสองปี น่าจะตรงกับสมัยสุโขทัยของเรา
ส่วนพระราชินีเอเล่นอร์.....ก็เสด็จกลับไปฝรั่งเศสและหันหน้าเข้าโบสถ์บวชเป็นชีจนวาระสุดท้าย
รูปปั้นของพระนางบนหลุมฝังศพ
ปล. ต้องขออภัยด้วยที่ผมเขียนเล่าในสไตส์บ้านๆ ใช้ราชาศัพท์บ้างไม่ใช้บ้าง