ขอเริ่มอธิบายตัวเองก่อนว่าเป็นเด็กจบใหม่ค่ะ แล้วสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ตอนนี้ได้มาบรรจุที่โรงเรียนมัธยมโรงเรียนหนึ่งเป็นเวลาหลายเดือนแล้วค่ะ การทำงานที่นี้ก็สนุกดีค่ะ พี่ๆ(คุณครู)ท่านอื่นๆ ก็น่ารักเป็นกันเอง และกล้าที่จะดุน้องๆอย่างเราเวลาที่เราทำเรื่องไม่ถูกต้องหรือเรื่องที่จะเกิดปัญหา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือเด็กติดโทรศัพท์ค่ะ เราก็พยายามว่าเด็กตรงๆ ว่า "คาบนี้เป็นเวลาเรียน ไม่ควรเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ถ้าไม่เรียนก็ออกไป" ตอนนั้นรู้สึกโกรธจริงๆค่ะ แต่ก็เข้าใจว่ากาลเวลาเปลี่ยน เทคโนโลยีก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเลยทำให้คนรุ่นใหม่ๆเกิดการเสพติดโทรศัพท์ ต้องยอมรับว่าเราให้ความสนิทสนมกับเด็กมากจนเกินไปจนแกล้งเราหลายๆ อย่าง ถามว่าโกรธไหม?? โกรธซิคะ ถึงขั้นเราฉีกกระดาษข้อสอบของเด็กคนนั้นทิ้งเลย แต่เจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่เคยขอโทษเรานะแถมยังว่าเราอีกว่า "ทีวันนั้นครูยังขึ้นเสียงใส่ผมเลย แล้วมันดีไหมล่ะ" ยอมรับเลยค่ะว่าที่ขึ้นเสียงตอนนั้นเพราะความโกรธแต่ก็มองย้อนกลับไปที่ตัวเด็กว่า "แล้วตัวเองไม่ผิดเลยหรือไง" จนถึงทุกวันนี้เด็กคนนั้นก็ไม่มาขอโทษและยังมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ เราคงสอนเขาไม่ได้จริงๆ ล่ะค่ะคงให้เขาต้องไปเผชิญโลกที่โหดร้ายด้วยตัวเอง (แอบมีปลงเบาๆ)
อีกเหตุการณ์นึงคือ เด็กถ่ายข้อสอบที่มีร่องรอยของการตรวจค่ะ พอจับได้เราก็สืบสาวไปเรื่อยๆจนเจอตัวคนถ่ายและคนเผยแพร่ ตอนนั้นโกรธมากค่ะเลยลั่นวาจากับเด็กไว้ว่า จะปรับตกยกห้องถ้าจับคนถ่ายรูปไม่ได้ แต่ใจจริงแล้วไม่ได้อยากปรับตกหรอกนะคะแค่ต้องการให้คนร้ายตัวจริงออกมายอมรับผิดเท่านั้น(มันเป็นเทคนิคที่เราจำเป็นต้องใช้จริงๆค่ะ เพราะเด็กสมัยนี้เป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่) ถามว่าใช้ไม้อ่อนเจ้าพวกนี้ก็แทบจะเล่นหัวเราอยู่แล้ว ยิ่งพ่อแม่ฟังความจากลูกข้างเดียวอีก ยิ่งไม่ต้อวพูดถึงค่ะ ตอนนี้เรื่องทุกเรื่องมันคลี่คลายแล้ว และเราก็ไม่ให้เด็กตกแต่อย่างใด(สบายใจไก้นะคะ ^^) รวมถึงคนที่ถ่ายรูปข้อสอบด้วย เพราะเด็กคงรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ยังไงเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ จริงไหมคะ???
ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วค่ะ ขอบคุณที่ให้เป็นที่ระบายความอัดอั้นตันใจนะคะ อยากฝากไปถึงผู้ปกครองด้วยว่า "อย่าฟังความแค่ฝ่ายเด็กข้างเดียวค่ะ ลองฟังในมุมมองของครูบ้าง" เพราะทุกคนต่างก็ไม่อธิบายข้อไม่ดีของตัวเองหรอกค่ะ
นักเรียนสมัยนี้เป็นกันขนาดนี้เลยเหรอ??
อีกเหตุการณ์นึงคือ เด็กถ่ายข้อสอบที่มีร่องรอยของการตรวจค่ะ พอจับได้เราก็สืบสาวไปเรื่อยๆจนเจอตัวคนถ่ายและคนเผยแพร่ ตอนนั้นโกรธมากค่ะเลยลั่นวาจากับเด็กไว้ว่า จะปรับตกยกห้องถ้าจับคนถ่ายรูปไม่ได้ แต่ใจจริงแล้วไม่ได้อยากปรับตกหรอกนะคะแค่ต้องการให้คนร้ายตัวจริงออกมายอมรับผิดเท่านั้น(มันเป็นเทคนิคที่เราจำเป็นต้องใช้จริงๆค่ะ เพราะเด็กสมัยนี้เป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่) ถามว่าใช้ไม้อ่อนเจ้าพวกนี้ก็แทบจะเล่นหัวเราอยู่แล้ว ยิ่งพ่อแม่ฟังความจากลูกข้างเดียวอีก ยิ่งไม่ต้อวพูดถึงค่ะ ตอนนี้เรื่องทุกเรื่องมันคลี่คลายแล้ว และเราก็ไม่ให้เด็กตกแต่อย่างใด(สบายใจไก้นะคะ ^^) รวมถึงคนที่ถ่ายรูปข้อสอบด้วย เพราะเด็กคงรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ยังไงเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ จริงไหมคะ???
ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วค่ะ ขอบคุณที่ให้เป็นที่ระบายความอัดอั้นตันใจนะคะ อยากฝากไปถึงผู้ปกครองด้วยว่า "อย่าฟังความแค่ฝ่ายเด็กข้างเดียวค่ะ ลองฟังในมุมมองของครูบ้าง" เพราะทุกคนต่างก็ไม่อธิบายข้อไม่ดีของตัวเองหรอกค่ะ