สวัสดีครับ ผม Yod หรือ Yodster จาก Chinchilla เป็นธรรมดาครับที่พอรถถึงช่วงกลางอายุตลาดก็ต้องมีการ Minorchange เพื่อความสดใหม่ คราวนี้เป็นคิวของ Mazda 3 Skyactiv ซึ่งทำตลาดมา 3 ปีแล้ว ทาง Mazda ก็เลยจับมาแต่งหน้าทาปากใหม่แถมยังเพิ่มระบบ G-Vectoring Control (ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง) ในทุกรุ่นย่อยด้วยครับ แถมยังใส่ระบบ i-Activsense ชนิดที่เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้ด้วย ถือว่าใจป้ำจริงๆ ครับ ตัว Minorchange จะมาพร้อมกับคอนเซป Skyactiv-Vehicle Dynamics ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Mazda ที่ต้องการทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ มาดูกันเลยครับว่ามันจะเป็นหนึ่งเดียวกันรึเปล่า
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกส่วนที่ถูกเปลี่ยนไปจะมีกระจังหน้า, ไฟหน้าที่ดูผู้ใหญ่ขึ้น, เส้นไฟ Daytime Running Light ที่ทำเส้นให้หนาขึ้น, ไฟตัดหมอกที่ดวงเล็กลงแต่เป็นไฟ LED, กระจกมองข้างดีไซน์ใหม่, และล้อรมดำ โดยรวมแล้วดีไซน์ด้านหน้าจะถูกเปลี่ยนไปเยอะ แต่ด้านหลังจะคล้ายๆ ตัวก่อน Minorchange เส้นสายบนตัวถังก็เดิมๆ จะบอกว่าดีไซน์รถแบบนี้ดูได้นานนะ ขับไปซัก 10 ปีก็ยังดูดีอยู่นะ เชื่อดิ
ออพชั่นภายนอกจะมีไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิด Auto, ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟตัดหมอก LED, ไฟท้ายและไฟเบรก LED, ที่ปัดน้ำฝน Auto, ระบบ Smart Keyless Entry, เซนเซอร์ถอยหลัง, และกล้องมองหลัง
ภายใน
ดีไซน์ภายในดูหรูขึ้นอย่างชัดเจน พวงมาลัยดูสปอร์ตขึ้น หน้าปัดและจอกลางดูหรูขึ้น เบาะเป็นเบาะหนังสีดำตัดด้ายสีเทาจากเดิมที่ตัดด้ายสีแดง (จริงๆ ส่วนตัวผมชอบด้ายแดงมากกว่านะ) ช่องวางแก้วตรงกลางมีฝาปิดมาให้ อันนี้ดูดีขึ้นจริงๆ โดยรวมแล้วมันให้อารมณ์รถยุโรปนะ (ไม่ได้อวยนะครับ อันนี้รู้สึกจริงๆ) เบาะหน้ากระชับตัว นั่งสบายใช้ได้แต่พนักพิงหัวแอบดันหัวไปหน่อย (เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย) เบาะหลังจะสู้คู่แข่งไม่ได้ในเรื่องความสบาย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ วัสดุภายในถือว่าดีกว่าคู่แข่ง งานประกอบเนี๊ยบและให้อารมณ์พรีเมี่ยมมากกว่าเจ้าอื่น แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น
ออพชั่นภายในจะมีแอร์ Auto โซนเดียวแบบลูกบิด (น่าจะให้แอร์ Digital Dual-Zone มาได้แล้ว ราคาขนาดนี้), ปุ่ม Push Start, ระบบ i-Stop (จะบอกว่าไม่ว่าจะขับรถคันไหนที่มีระบบนี้ผมจะปิดตลอด คงรู้นะว่าเพราะอะไร), ภายในห้องโดยสารทู-โทน, เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำปรับมือ (อันนี้ผมว่าน่าเกลียด), เบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake, หน้าจอ Head-Up Display แบบสี (ดูดีขึ้นเยอะแต่ตัวเลขมันเล็กลงทำให้อ่านยากขึ้น), และ Paddle Shift
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment ใน Mazda 3 Minorchange จะใช้ระบบ Mzd Connect เช่นเดียวกับตัวก่อน Minorchange เล่นผ่านทางหน้าจอ Touch Screen 7 นิ้ว ซึ่งถ้าจะเอานิ้วไปแตะหน้าจอจะทำได้เฉพาะตอนที่ความเร็วรถไม่เกิน 9 กม./ชม. ถ้าเร็วกว่านั้นจะต้องใช้ปุ่ม Center Commander ตรงใกล้ๆ หัวเกียร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจาก iDrive ของ BMW รองรับการเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง, AUX, และ Bluetooth ฟีลลิ่งเครื่องเสียงถือว่าดีที่สุดในคลาส หนักแน่น เบสหนักตามสไตล์ Mazda เลย ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องเสียงเลย ใครเปลี่ยนคือพลาด
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 4,000 รอบต่อนาที ฟีลลิ่งเครื่องยนต์จะไม่ปรู๊ดปร๊าดมาก มันจะมาแบบเนิบๆ ประมาณว่าขับเพลินๆ แล้วถึง 180 โดยไม่รู้ตัว คือช่วงความเร็ว 60-180 จะขึ้นไวพอสมควร แต่ต้นจะหน่วงนิดนึง ตอนใช้โหมด Sport รอบกวาดไวสุดๆ สะใจมากแต่ก็ซดน้ำมันเห้ๆ เหมือนกัน ช่วงล่างหนึบ แน่น มั่นใจได้ในทุกย่านความเร็ว อัตราเร่ง 0-100 อยูที่ 9.5 วินาที ซึ่งถือว่าอยู่แถวหน้าของ Segment เลยในเรื่องอัตราเร่ง
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ Skyactiv-Drive 6 สปีดพร้อมโหมด Activematic (โหมด Manual นั่นแหละ) และโหมด Sport (Drive Selection Switch) จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก ไม่มีจังหวะไหนที่ทำให้รู้สึกเสียจังหวะ
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15.5 กม./ลิตร. ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยถ้าเทียบกับขนาดเครื่องยนต์และความแรงของมัน
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานใน Mazda 3 Minorchange ก็จะเป็นไปตามมาตรฐานรถยุคปัจจุบันซึ่งจะมีระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบช่วยเบรก BA, ระบบควบคุมเกียร์ AAS, ระบบควบคุมการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HLA, สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมม่านถุงลม Curtain Airbag, และระบบ G-Vectoring Control ที่ถือว่าเป็น Highlight เด่นเลย มันทำให้รู้สึกว่ารถขับมันส์และปลอดภัยขึ้นจริงๆ ครับ
จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ i-Activsense ที่ทาง Mazda จับมันมาใส่ใน Mazda 3 Minorchange ระบบต่างๆ มีดังนี้ครับ
• ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ALH
• ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
• ระบบเตือนขณะถอยหลังออกจากที่จอด RCTA
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก SBS
• ระบบเบรก Auto ด้านหน้า SCBS
• ระบบเบรก Auto ด้านหลัง SCBS-R
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS
• ระบบ Adaptive Cruise Control (ทาง Mazda เรียกมันว่า Mazda Radar Cruise Control MRCC)
• ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA
เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ครับสำหรับระบบ i-Activsense บางระบบยังไม่มีในรถยุโรปเลย ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานรถ C-Segment ในตลาดบ้านเราเลย มันน่าจะช่วยให้เจ้าตลาดไม่ลดต้นทุนกั๊กออพชั่นจนอุบาทว์เกินไป
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นสะพานภูมิพล-พระราม 3 ตอนออกตัวจะหน่วงนิดๆ แต่พอรอบเครื่องยนต์ถึง 2,500 รอบมันจะเริ่มพุ่ง ความเร็วช่วงกลางถึงปลายถือว่าขึ้นไวมากแต่ยังไม่เท่า Ford Focus Ecoboost ถือว่าทำได้ดีครับสำหรับเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์แทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ การเข้าโค้งทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน มันรู้สึกว่าสาดได้สนุกขึ้น ไม่มีอาการโคลงเลยเพราะมีตัว G-Vectoring Control เข้ามาช่วยซึ่งรุ่นก่อน Minorchange จะมีอาการโคลงนิดๆ ช่วงล่างก็หนึบ แน่นตามสไตล์ Mazda เหยียบไปถึง 190 ก็ยังไม่ส่าย (เคยลองในตัวก่อน Minorchange เนื่องจากที่บ้านมีอยู่คันนึงเลยเอามากดซะเลย) การเก็บเสียงทำได้ดีขึ้นแต่ก็ยังแอบมีเล็ดลอดเข้ามานิดนึง คือโดยรวมมันขับดีขึ้น แต่ผมแอบเสียดายอย่างนึงคือความสนุกในการขับขี่ก็ยังมีอยู่แต่ไม่เท่ารถ Mazda รุ่นเก่าๆ แล้ว เหมือนให้อารมณ์ผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอ่ะ เหตุผลก็เพราะว่าทาง Mazda ต้องการจะเจาะตลาดกลุ่มคนให้มากขึ้นเลยต้องทำรถเอาใจผู้ใหญ่หน่อยซึ่งมันก็ขายดีขึ้นจริงๆ นะ
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกโดยรวมดูแก่และหรูขึ้น
• เป็นรถที่ดีไซน์ภายนอกสวยที่สุดใน Segment
• ออพชั่นภายนอกให้มาเต็มที่ คุ้มราคาดี
• ภายในดูหรูขึ้น เหมือนทำมาเอาใจผู้ใหญ่
• วัสดุภายในดีกว่าคู่แข่ง
• ออพชั่นภายในบางอย่างถือว่าน่าเกลียด
• ระบบ Infotainment ใช้งานง่าย แต่สำหรับคนที่พึ่งเปลี่ยนมาใช้รถ Mazda อาจต้องเรียนรู้นิดนึง
• ปุ่มต่างๆ เข้าถึงง่าย ระบบ HMI ดีมาก
• เครื่องเสียงแน่น คุณภาพเสียงใช้ได้
• เครื่องยนต์ถือว่าแรงในระดับของมัน
• สไตล์การขับขี่จะเนิบๆ คือแบบมาเรื่อยๆ ไม่ได้พุ่งปรู๊ดปร๊าดขนาดนั้น
• โหมด Sport ขับมันส์มาก
• จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก
• ระบบความปลอดภัยเด่นสุดใน Segment ไม่มีเจ้าไหนที่ให้มาแบบน้อง 3 เลย ขนาดรถยุโรปหลายๆ รุ่นยังไม่ให้ขนาดนี้เลย
• เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและเกาะโค้งดีกว่าเดิม
• ช่วงล่างนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำและมั่นใจที่ความเร็วสูง
• การเก็บเสียงดีขึ้น
• โดยรวมแล้วรถขับดีขึ้นอย่างชัดเจน
• ฟีลลิ่งและบุคลิกของรถไม่ดิบและวัยรุ่นจ๋าเหมือนเมื่อก่อน คือรู้สึกว่ามันดูสุขุมและผู้ใหญ่ขึ้น
• เป็นรถที่ไม่ค่อยเหมาะกับคนมีครอบครัวเท่าไหร่ เหมาะกับคนโสดที่รักความสปอร์ตมากกว่า
Mazda 3 Skyactiv Sedan 2.0SP Minorchange สนนราคาอยู่ที่ 1,119,000 บาท แพงขึ้นกว่ารุ่นเดิม 20,000 บาท แต่สิ่งที่ได้มาก็ถือว่าคุ้มราคา ผมว่าดูจากราคาแล้วน่าจะตีกับ Honda Civic Turbo RS อย่างดุเดือดเลยล่ะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือไม่ก็ติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
รีวิว: 2017 Mazda 3 Skyactiv Sedan 2.0SP Minorchange โดดเด่นด้วยระบบ G-Vectoring Control และ i-Activsense
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกส่วนที่ถูกเปลี่ยนไปจะมีกระจังหน้า, ไฟหน้าที่ดูผู้ใหญ่ขึ้น, เส้นไฟ Daytime Running Light ที่ทำเส้นให้หนาขึ้น, ไฟตัดหมอกที่ดวงเล็กลงแต่เป็นไฟ LED, กระจกมองข้างดีไซน์ใหม่, และล้อรมดำ โดยรวมแล้วดีไซน์ด้านหน้าจะถูกเปลี่ยนไปเยอะ แต่ด้านหลังจะคล้ายๆ ตัวก่อน Minorchange เส้นสายบนตัวถังก็เดิมๆ จะบอกว่าดีไซน์รถแบบนี้ดูได้นานนะ ขับไปซัก 10 ปีก็ยังดูดีอยู่นะ เชื่อดิ
ออพชั่นภายนอกจะมีไฟหน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิด Auto, ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟตัดหมอก LED, ไฟท้ายและไฟเบรก LED, ที่ปัดน้ำฝน Auto, ระบบ Smart Keyless Entry, เซนเซอร์ถอยหลัง, และกล้องมองหลัง
ภายใน
ดีไซน์ภายในดูหรูขึ้นอย่างชัดเจน พวงมาลัยดูสปอร์ตขึ้น หน้าปัดและจอกลางดูหรูขึ้น เบาะเป็นเบาะหนังสีดำตัดด้ายสีเทาจากเดิมที่ตัดด้ายสีแดง (จริงๆ ส่วนตัวผมชอบด้ายแดงมากกว่านะ) ช่องวางแก้วตรงกลางมีฝาปิดมาให้ อันนี้ดูดีขึ้นจริงๆ โดยรวมแล้วมันให้อารมณ์รถยุโรปนะ (ไม่ได้อวยนะครับ อันนี้รู้สึกจริงๆ) เบาะหน้ากระชับตัว นั่งสบายใช้ได้แต่พนักพิงหัวแอบดันหัวไปหน่อย (เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย) เบาะหลังจะสู้คู่แข่งไม่ได้ในเรื่องความสบาย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ วัสดุภายในถือว่าดีกว่าคู่แข่ง งานประกอบเนี๊ยบและให้อารมณ์พรีเมี่ยมมากกว่าเจ้าอื่น แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น
ออพชั่นภายในจะมีแอร์ Auto โซนเดียวแบบลูกบิด (น่าจะให้แอร์ Digital Dual-Zone มาได้แล้ว ราคาขนาดนี้), ปุ่ม Push Start, ระบบ i-Stop (จะบอกว่าไม่ว่าจะขับรถคันไหนที่มีระบบนี้ผมจะปิดตลอด คงรู้นะว่าเพราะอะไร), ภายในห้องโดยสารทู-โทน, เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำปรับมือ (อันนี้ผมว่าน่าเกลียด), เบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake, หน้าจอ Head-Up Display แบบสี (ดูดีขึ้นเยอะแต่ตัวเลขมันเล็กลงทำให้อ่านยากขึ้น), และ Paddle Shift
ระบบ Infotainment
ระบบ Infotainment ใน Mazda 3 Minorchange จะใช้ระบบ Mzd Connect เช่นเดียวกับตัวก่อน Minorchange เล่นผ่านทางหน้าจอ Touch Screen 7 นิ้ว ซึ่งถ้าจะเอานิ้วไปแตะหน้าจอจะทำได้เฉพาะตอนที่ความเร็วรถไม่เกิน 9 กม./ชม. ถ้าเร็วกว่านั้นจะต้องใช้ปุ่ม Center Commander ตรงใกล้ๆ หัวเกียร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจาก iDrive ของ BMW รองรับการเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง, AUX, และ Bluetooth ฟีลลิ่งเครื่องเสียงถือว่าดีที่สุดในคลาส หนักแน่น เบสหนักตามสไตล์ Mazda เลย ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องเสียงเลย ใครเปลี่ยนคือพลาด
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 4,000 รอบต่อนาที ฟีลลิ่งเครื่องยนต์จะไม่ปรู๊ดปร๊าดมาก มันจะมาแบบเนิบๆ ประมาณว่าขับเพลินๆ แล้วถึง 180 โดยไม่รู้ตัว คือช่วงความเร็ว 60-180 จะขึ้นไวพอสมควร แต่ต้นจะหน่วงนิดนึง ตอนใช้โหมด Sport รอบกวาดไวสุดๆ สะใจมากแต่ก็ซดน้ำมันเห้ๆ เหมือนกัน ช่วงล่างหนึบ แน่น มั่นใจได้ในทุกย่านความเร็ว อัตราเร่ง 0-100 อยูที่ 9.5 วินาที ซึ่งถือว่าอยู่แถวหน้าของ Segment เลยในเรื่องอัตราเร่ง
เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ Skyactiv-Drive 6 สปีดพร้อมโหมด Activematic (โหมด Manual นั่นแหละ) และโหมด Sport (Drive Selection Switch) จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก ไม่มีจังหวะไหนที่ทำให้รู้สึกเสียจังหวะ
อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15.5 กม./ลิตร. ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยถ้าเทียบกับขนาดเครื่องยนต์และความแรงของมัน
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานใน Mazda 3 Minorchange ก็จะเป็นไปตามมาตรฐานรถยุคปัจจุบันซึ่งจะมีระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบช่วยเบรก BA, ระบบควบคุมเกียร์ AAS, ระบบควบคุมการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HLA, สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมม่านถุงลม Curtain Airbag, และระบบ G-Vectoring Control ที่ถือว่าเป็น Highlight เด่นเลย มันทำให้รู้สึกว่ารถขับมันส์และปลอดภัยขึ้นจริงๆ ครับ
จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ i-Activsense ที่ทาง Mazda จับมันมาใส่ใน Mazda 3 Minorchange ระบบต่างๆ มีดังนี้ครับ
• ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ALH
• ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
• ระบบเตือนขณะถอยหลังออกจากที่จอด RCTA
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก SBS
• ระบบเบรก Auto ด้านหน้า SCBS
• ระบบเบรก Auto ด้านหลัง SCBS-R
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS
• ระบบ Adaptive Cruise Control (ทาง Mazda เรียกมันว่า Mazda Radar Cruise Control MRCC)
• ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA
เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ครับสำหรับระบบ i-Activsense บางระบบยังไม่มีในรถยุโรปเลย ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานรถ C-Segment ในตลาดบ้านเราเลย มันน่าจะช่วยให้เจ้าตลาดไม่ลดต้นทุนกั๊กออพชั่นจนอุบาทว์เกินไป
Test Drive
เส้นทางการทดสอบคราวนี้จะเป็นเส้นสะพานภูมิพล-พระราม 3 ตอนออกตัวจะหน่วงนิดๆ แต่พอรอบเครื่องยนต์ถึง 2,500 รอบมันจะเริ่มพุ่ง ความเร็วช่วงกลางถึงปลายถือว่าขึ้นไวมากแต่ยังไม่เท่า Ford Focus Ecoboost ถือว่าทำได้ดีครับสำหรับเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์แทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ การเข้าโค้งทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน มันรู้สึกว่าสาดได้สนุกขึ้น ไม่มีอาการโคลงเลยเพราะมีตัว G-Vectoring Control เข้ามาช่วยซึ่งรุ่นก่อน Minorchange จะมีอาการโคลงนิดๆ ช่วงล่างก็หนึบ แน่นตามสไตล์ Mazda เหยียบไปถึง 190 ก็ยังไม่ส่าย (เคยลองในตัวก่อน Minorchange เนื่องจากที่บ้านมีอยู่คันนึงเลยเอามากดซะเลย) การเก็บเสียงทำได้ดีขึ้นแต่ก็ยังแอบมีเล็ดลอดเข้ามานิดนึง คือโดยรวมมันขับดีขึ้น แต่ผมแอบเสียดายอย่างนึงคือความสนุกในการขับขี่ก็ยังมีอยู่แต่ไม่เท่ารถ Mazda รุ่นเก่าๆ แล้ว เหมือนให้อารมณ์ผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอ่ะ เหตุผลก็เพราะว่าทาง Mazda ต้องการจะเจาะตลาดกลุ่มคนให้มากขึ้นเลยต้องทำรถเอาใจผู้ใหญ่หน่อยซึ่งมันก็ขายดีขึ้นจริงๆ นะ
สรุป
• ดีไซน์ภายนอกโดยรวมดูแก่และหรูขึ้น
• เป็นรถที่ดีไซน์ภายนอกสวยที่สุดใน Segment
• ออพชั่นภายนอกให้มาเต็มที่ คุ้มราคาดี
• ภายในดูหรูขึ้น เหมือนทำมาเอาใจผู้ใหญ่
• วัสดุภายในดีกว่าคู่แข่ง
• ออพชั่นภายในบางอย่างถือว่าน่าเกลียด
• ระบบ Infotainment ใช้งานง่าย แต่สำหรับคนที่พึ่งเปลี่ยนมาใช้รถ Mazda อาจต้องเรียนรู้นิดนึง
• ปุ่มต่างๆ เข้าถึงง่าย ระบบ HMI ดีมาก
• เครื่องเสียงแน่น คุณภาพเสียงใช้ได้
• เครื่องยนต์ถือว่าแรงในระดับของมัน
• สไตล์การขับขี่จะเนิบๆ คือแบบมาเรื่อยๆ ไม่ได้พุ่งปรู๊ดปร๊าดขนาดนั้น
• โหมด Sport ขับมันส์มาก
• จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก
• ระบบความปลอดภัยเด่นสุดใน Segment ไม่มีเจ้าไหนที่ให้มาแบบน้อง 3 เลย ขนาดรถยุโรปหลายๆ รุ่นยังไม่ให้ขนาดนี้เลย
• เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและเกาะโค้งดีกว่าเดิม
• ช่วงล่างนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำและมั่นใจที่ความเร็วสูง
• การเก็บเสียงดีขึ้น
• โดยรวมแล้วรถขับดีขึ้นอย่างชัดเจน
• ฟีลลิ่งและบุคลิกของรถไม่ดิบและวัยรุ่นจ๋าเหมือนเมื่อก่อน คือรู้สึกว่ามันดูสุขุมและผู้ใหญ่ขึ้น
• เป็นรถที่ไม่ค่อยเหมาะกับคนมีครอบครัวเท่าไหร่ เหมาะกับคนโสดที่รักความสปอร์ตมากกว่า
Mazda 3 Skyactiv Sedan 2.0SP Minorchange สนนราคาอยู่ที่ 1,119,000 บาท แพงขึ้นกว่ารุ่นเดิม 20,000 บาท แต่สิ่งที่ได้มาก็ถือว่าคุ้มราคา ผมว่าดูจากราคาแล้วน่าจะตีกับ Honda Civic Turbo RS อย่างดุเดือดเลยล่ะครับ
คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือไม่ก็ติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic