#เตือนเตรียมใจก่อนไปดู #HacksawRidge วีรบุรุษ สมรภูมิ ปาฎิหาริย์
1. เป็นหนังรักโรแมนติก ที่เหมาะที่จะพาแฟนไปดูด้วยเป็นอย่างยิ่ง (ในขณะที่คุณผู้ชายก็ยังสนุกไปกับหนังด้วยอีกต่างหาก)
(ปล. คือถ้าใครคิดว่าจะดูหนังเรื่องนี้แน่นอนแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านข้างล่างหรอก ไปดูเลยครับ / แต่ถ้ายังลังเลใจ จะดูดีไหมนะ บอกเลยว่าดูเถอะ เชื่อผม มันดีมากจริงๆ (หรือจะข้ามไปอ่านข้อ 10 ก่อนก็ได้) / แต่ถ้ายังไม่เชื่อ แนะนำให้อ่านอีก 8 ข้อข้างล่าง ที่ผมอาจจะพูดเล่าถึงหนังบ้าง แต่ก็เพื่อเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้)
2. ฉากโรแมนติกความรักโดดเด่นมาก (แต่ไม่ยักกะเอามาโปรโมทเท่าไหร่) ผมชอบมากกับบรรยาการตั้งแต่เริ่มจีบกัน จูบแรก และเส้นทางของคู่ชีวิตในการฟันฝ่าปัญหา รวมถึงทั้งดราม่าของคุณพ่อและคุณแม่ที่เหมือนเป็นอุทาหรณ์และเหยื่อของสงคราม ความรัก ความรู้สึก ที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้
3. สำหรับฉากสงคราม...สุดยอดมากกก คือตอนแรกคิดว่าจะหน่อมแน้มประมาณหนังเชิดชูวีรบุรุษ ที่ขอให้มีฉากต่อสู้สักหน่อยแล้วก็บอกว่าเป็นวีรบุรุษแล้ว อันนี้มันมากกว่านั้นมากกก ฉากสงครามจริงจัง น่าสะพรึง และสมจริง ไม่เวอร์วัง แต่จัดเต็มโอเวอร์... ระเบิดระเบ้อเกินคาด จนไม่น่าเชื่อว่าสงครามจะขนาดนี้เลยเหรอ (ซึ่งก็น่าจะขนาดนี้แหละ เพียงแค่เราชนรุ่นหลังอาจไม่รู้ถึง และหลงลืมความน่ากลัวของสงครามไปซะแล้ว)
(เสริมนิดนึงนะครับ) มีสารคดีช่อง history channel ให้ข้อมูลว่า... จริงๆแล้วรัฐบาลสหรัฐได้เซนเซอร์ฟิลม์สีทั้งหมดในยุคสงครามเก็บเอาไว้ ทั้งๆที่ถ่ายทำมาแบบครบถ้วน แต่เผยแพร่เฉพาะก็อปปี้ขาวดำคุณภาพต่ำให้ดูเท่านั้น จนผ่านมาครบ 50 ปี ด้วยกฎหมายคุ้มครองความลับมันหมดอายุแล้ว จึงเริ่มมีตากล้องที่ถ่ายทำออกมาบอกความจริงให้เราได้รับรู้ แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นภาพสีของสงครามจริงๆสักเท่าไหร่...แต่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นกันแบบจะๆ ชัดเจน จนผมรู้สึกว่าไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นในโลกใบนี้อีกเลย
4. ดารานักแสดง ผมชอบบทคุณพ่อมากๆ คือแสดงได้แบบลึกซึ้ง มีเสน่ห์ ทรงพลังสะเทือนอารมณ์สุดๆ โดดเด่นมากๆ / ส่วนการ์ฟิลด์ อดีตสไปดี้ ก็ยังคงเป็นการ์ฟิลด์ แต่ถายทอดถึงอารมณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจนและเหมาะสมกับบทบาทสุดๆในแบบฉบับของตัวการ์ฟิลด์เอง
5. ยอมรับว่าหนังอาจจะยาว 140 นาทีก็จริง แต่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่ซีนเดียว หนังเล่าครบทุกมิติ ทุกอรรถรส ทั้งในด้านของความรัก ที่เสมือนเป็นน้ำเชื่อมรสกลมกล่อม พอเริ่มเข้าสู่การฝึกทหาร ก็ถ่ายทอดถึงความกดดันได้อย่างถึงกึ๋น และในภาคของสงคราม ก็ทำให้มันส์กับแอ็คชั่นพร้อมความน่าสะพรึงกลัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ (แอบแทรกมุขตลกในบางซีนอีกต่างหาก) คือสมบูรณ์แบบมากๆ
6.ไคล์แม็กซ์ที่คิดว่านี่แหละ คือที่สุดของบทสรุปของเรื่องนี้ตามที่หนังโปรโมทแล้ว แต่หนังก็ยังสามารถต่อไคล์แม็กซ์อีกระดับ เป็นภาพจำให้เราติดตาได้มากขึ้นไปอีก ยังไม่พอ อีกไม่กี่นาทีต่อมา ก็ยังสามารถไคล์แม็กซ์ซ้ำซ้อนเข้าไปอีกให้เราเต็มอิ่มแบบสุดๆ (และก็ยังกระหน่ำภาพจำเข้ามาเรื่อยๆ) ยอมรับว่าประทับใจมากจริงๆ
7. แต่ต้องเตือนไว้สักนิด ว่าทีมงานสร้างภาพสงครามได้อย่างสมจริงสุดๆ ดังนั้นไส้แหวะ แขนขาขาดกระจุย ก็จะเห็นกันแบบจะๆ ฉากระเบิดพลีชีพไส้กระจุยยิงหัวแบะ ก็ใส่มาแบบจัดเต็ม (แต่ส่วนตัวผมทั้งที่ไม่ชอบฉากพวกนี้เท่าไหร่ ก็ยังชอบที่หนังถ่ายทอดมาแบบตรงไปตรงมา อย่างสะใจมันส์มากๆ) ดังนั้นผมแค่อยากจะเตือนเอาไว้ สำหรับใครที่รับไม่ได้อย่างเก่งก็เบือนหน้าหนีแล้วกันครับ (แต่ก็ยังอยากให้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆนะ)
8. จากในโฆษณาโปรโมท บอกไว้ว่าเป็นเรื่องของหมอทหาร ที่ปฏิเสธการถือปืนฆ่าคน แต่เข้าช่วยชีวิตเพื่อนทหารได้ประมาณนี้ แต่อยากจะบอกว่า เนื้อเรื่องจริงกลับลึกซึ้งกว่าที่คาดไว้เยอะมาก หนังพาดพิงถึงความเชื่อ ความศรัทธา และปณิธานอย่างคาดไม่ถึง หนังสามารถตอบโจทย์จากสิ่งที่ดูๆแล้ว non-sense ขวางโลก แต่หนังสามารถถ่ายทอดเหตุผลที่ทำให้เราเข้าในในตัวละครนี้ได้อย่างลึกซึ้ง จริงใจ และเข้าใจกับจุดยืนของเขาได้อย่างไม่ยัดเยียด (หรืออัดข้อมูลป๊าบๆๆแบบหนังเชิดชูวีรบุรุษบางเรื่องเขาทำกัน)
9. สรรสาระ (ข้อคิดชีวิตจริงจากหนัง)... อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาจะแก้ปัญหาเมื่อถึงทางตัน ก็คือเรื่องของสายสัมพันธ์กับผู้ที่มีอำนาจอย่างปฏิเสธไม่ได้
10. อยากให้ดูมากๆครับ ผมกล้าพูดว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในรอบปีเลยนะ ให้คะแนน 10 เต็มเลยครับ สมบูรณ์แบบสุดๆ ทั้งในแง่การถ่ายทอดความรัก และในมุมมองความน่ากลัวของสงคราม รวมถึงงานสร้างที่สมจริง สนุก มันส์แบบสุดๆ
สงสัยหรืออยากพูดคุยทักทาย เจอะกันได้ที่นี่เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/choord.k
หรือจะเข้าไปกด like แล้วกด get notification ที่เพจของผม จะเป็นกำลังใจให้ผมได้มากเลยครับที่ https://www.facebook.com/tomyumtumnoir
ลิงค์นี้รวบรวมรีวิวหนังที่เคยเขียนมาแล้วครับ http://goo.gl/67o301
[CR] #เตือนเตรียมใจก่อนไปดู HacksawRidge วีรบุรุษ สมรภูมิ ปาฎิหาริย์ - เป็นหนังรักโรแมนติก ที่เหมาะจะพาแฟนไปดูด้วยอย่างยิ่ง
1. เป็นหนังรักโรแมนติก ที่เหมาะที่จะพาแฟนไปดูด้วยเป็นอย่างยิ่ง (ในขณะที่คุณผู้ชายก็ยังสนุกไปกับหนังด้วยอีกต่างหาก)
(ปล. คือถ้าใครคิดว่าจะดูหนังเรื่องนี้แน่นอนแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านข้างล่างหรอก ไปดูเลยครับ / แต่ถ้ายังลังเลใจ จะดูดีไหมนะ บอกเลยว่าดูเถอะ เชื่อผม มันดีมากจริงๆ (หรือจะข้ามไปอ่านข้อ 10 ก่อนก็ได้) / แต่ถ้ายังไม่เชื่อ แนะนำให้อ่านอีก 8 ข้อข้างล่าง ที่ผมอาจจะพูดเล่าถึงหนังบ้าง แต่ก็เพื่อเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้)
2. ฉากโรแมนติกความรักโดดเด่นมาก (แต่ไม่ยักกะเอามาโปรโมทเท่าไหร่) ผมชอบมากกับบรรยาการตั้งแต่เริ่มจีบกัน จูบแรก และเส้นทางของคู่ชีวิตในการฟันฝ่าปัญหา รวมถึงทั้งดราม่าของคุณพ่อและคุณแม่ที่เหมือนเป็นอุทาหรณ์และเหยื่อของสงคราม ความรัก ความรู้สึก ที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้
3. สำหรับฉากสงคราม...สุดยอดมากกก คือตอนแรกคิดว่าจะหน่อมแน้มประมาณหนังเชิดชูวีรบุรุษ ที่ขอให้มีฉากต่อสู้สักหน่อยแล้วก็บอกว่าเป็นวีรบุรุษแล้ว อันนี้มันมากกว่านั้นมากกก ฉากสงครามจริงจัง น่าสะพรึง และสมจริง ไม่เวอร์วัง แต่จัดเต็มโอเวอร์... ระเบิดระเบ้อเกินคาด จนไม่น่าเชื่อว่าสงครามจะขนาดนี้เลยเหรอ (ซึ่งก็น่าจะขนาดนี้แหละ เพียงแค่เราชนรุ่นหลังอาจไม่รู้ถึง และหลงลืมความน่ากลัวของสงครามไปซะแล้ว)
(เสริมนิดนึงนะครับ) มีสารคดีช่อง history channel ให้ข้อมูลว่า... จริงๆแล้วรัฐบาลสหรัฐได้เซนเซอร์ฟิลม์สีทั้งหมดในยุคสงครามเก็บเอาไว้ ทั้งๆที่ถ่ายทำมาแบบครบถ้วน แต่เผยแพร่เฉพาะก็อปปี้ขาวดำคุณภาพต่ำให้ดูเท่านั้น จนผ่านมาครบ 50 ปี ด้วยกฎหมายคุ้มครองความลับมันหมดอายุแล้ว จึงเริ่มมีตากล้องที่ถ่ายทำออกมาบอกความจริงให้เราได้รับรู้ แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นภาพสีของสงครามจริงๆสักเท่าไหร่...แต่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นกันแบบจะๆ ชัดเจน จนผมรู้สึกว่าไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นในโลกใบนี้อีกเลย
4. ดารานักแสดง ผมชอบบทคุณพ่อมากๆ คือแสดงได้แบบลึกซึ้ง มีเสน่ห์ ทรงพลังสะเทือนอารมณ์สุดๆ โดดเด่นมากๆ / ส่วนการ์ฟิลด์ อดีตสไปดี้ ก็ยังคงเป็นการ์ฟิลด์ แต่ถายทอดถึงอารมณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจนและเหมาะสมกับบทบาทสุดๆในแบบฉบับของตัวการ์ฟิลด์เอง
5. ยอมรับว่าหนังอาจจะยาว 140 นาทีก็จริง แต่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่ซีนเดียว หนังเล่าครบทุกมิติ ทุกอรรถรส ทั้งในด้านของความรัก ที่เสมือนเป็นน้ำเชื่อมรสกลมกล่อม พอเริ่มเข้าสู่การฝึกทหาร ก็ถ่ายทอดถึงความกดดันได้อย่างถึงกึ๋น และในภาคของสงคราม ก็ทำให้มันส์กับแอ็คชั่นพร้อมความน่าสะพรึงกลัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ (แอบแทรกมุขตลกในบางซีนอีกต่างหาก) คือสมบูรณ์แบบมากๆ
6.ไคล์แม็กซ์ที่คิดว่านี่แหละ คือที่สุดของบทสรุปของเรื่องนี้ตามที่หนังโปรโมทแล้ว แต่หนังก็ยังสามารถต่อไคล์แม็กซ์อีกระดับ เป็นภาพจำให้เราติดตาได้มากขึ้นไปอีก ยังไม่พอ อีกไม่กี่นาทีต่อมา ก็ยังสามารถไคล์แม็กซ์ซ้ำซ้อนเข้าไปอีกให้เราเต็มอิ่มแบบสุดๆ (และก็ยังกระหน่ำภาพจำเข้ามาเรื่อยๆ) ยอมรับว่าประทับใจมากจริงๆ
7. แต่ต้องเตือนไว้สักนิด ว่าทีมงานสร้างภาพสงครามได้อย่างสมจริงสุดๆ ดังนั้นไส้แหวะ แขนขาขาดกระจุย ก็จะเห็นกันแบบจะๆ ฉากระเบิดพลีชีพไส้กระจุยยิงหัวแบะ ก็ใส่มาแบบจัดเต็ม (แต่ส่วนตัวผมทั้งที่ไม่ชอบฉากพวกนี้เท่าไหร่ ก็ยังชอบที่หนังถ่ายทอดมาแบบตรงไปตรงมา อย่างสะใจมันส์มากๆ) ดังนั้นผมแค่อยากจะเตือนเอาไว้ สำหรับใครที่รับไม่ได้อย่างเก่งก็เบือนหน้าหนีแล้วกันครับ (แต่ก็ยังอยากให้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆนะ)
8. จากในโฆษณาโปรโมท บอกไว้ว่าเป็นเรื่องของหมอทหาร ที่ปฏิเสธการถือปืนฆ่าคน แต่เข้าช่วยชีวิตเพื่อนทหารได้ประมาณนี้ แต่อยากจะบอกว่า เนื้อเรื่องจริงกลับลึกซึ้งกว่าที่คาดไว้เยอะมาก หนังพาดพิงถึงความเชื่อ ความศรัทธา และปณิธานอย่างคาดไม่ถึง หนังสามารถตอบโจทย์จากสิ่งที่ดูๆแล้ว non-sense ขวางโลก แต่หนังสามารถถ่ายทอดเหตุผลที่ทำให้เราเข้าในในตัวละครนี้ได้อย่างลึกซึ้ง จริงใจ และเข้าใจกับจุดยืนของเขาได้อย่างไม่ยัดเยียด (หรืออัดข้อมูลป๊าบๆๆแบบหนังเชิดชูวีรบุรุษบางเรื่องเขาทำกัน)
9. สรรสาระ (ข้อคิดชีวิตจริงจากหนัง)... อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาจะแก้ปัญหาเมื่อถึงทางตัน ก็คือเรื่องของสายสัมพันธ์กับผู้ที่มีอำนาจอย่างปฏิเสธไม่ได้
10. อยากให้ดูมากๆครับ ผมกล้าพูดว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในรอบปีเลยนะ ให้คะแนน 10 เต็มเลยครับ สมบูรณ์แบบสุดๆ ทั้งในแง่การถ่ายทอดความรัก และในมุมมองความน่ากลัวของสงคราม รวมถึงงานสร้างที่สมจริง สนุก มันส์แบบสุดๆ
สงสัยหรืออยากพูดคุยทักทาย เจอะกันได้ที่นี่เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้