ขอเล่าก่อนนะค่ะว่าตัวเองกับสามีแต่งงานกันมาประมาณ 7 ปี อายุเท่ากันประมาณ 30 ปลาย มีลูกกันสองคน ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานของตัวเอง ความเครียดจากการทำงานก็เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องมี สำหรับสามีเราความรับผิดชอบเรื่องงานก็ค่อนข้างสูง เวลาเครียดเรื่องงานจะไม่ค่อยเล่าให้เราฟัง ซึ่งผิดกับเราที่หากเครียดมาเราก็อยากหาคนรับฟัง คนให้คำปรึกษา แรกๆเราก็เอามาคุยกับสามีบ่อยๆ แต่สามีเราก็จะเป็นสไตล์ไม่ค่อยสนใจ ไม่รู้เพราะมองว่าเรื่องเรามันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปัญหาในงานของเขารึเปล่า ช่วงหลังๆนี้เราเครียดมาก จนบางครั้งเอามาคุยกับสามีจนร้องให้เพราะมันไม่ไหวจริงๆ แต่คำพูดที่ได้รับคือ ทำไมต้องเอาความเครียดจากที่ทำงานมาทำให้บรรยากาศในบ้านมันเสียไปด้วย มานั่งร้องไห้อยู่ได้ ตั้งแต่วันนั้นเราไม่คิดจะเอาอะไรมาเล่าให้ฟังอีกเลย จนมาล่าสุดเมื่อวานนี้เราก็เจอมาหนัก กลับมาบ้านก็เจอลูกดื้ออีก มันเลยพีคกลั้นไม่อยู่ ลูกก็ตกใจทำไมแม่ร้องไห้ สามีเราก็เห็นนะ แต่เค้าก็ไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น คือเราไม่คิดจะได้รับคำปลอบใจอะไรอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเล่าอะไรให้เค้าฟังอีกเลย จนมาวันนี้ลูกเราดื้ออะไรซักอย่าง แล้วสามีเราก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ร้องให้" (ตอนแรกก็คิดว่าบังเอิญรึเปล่า แต่ไม่ค่ะ เค้าพูดให้เรารับฟังไปด้วย) คือมันจุกมาก นี่เหรอคู่ชีวิตเรา คนที่ควรจะเป็นที่พึ่งในยามที่เราท้อ เหนื่อย เราทำใจได้แล้วนะกับการที่ไม่สามารถปรึกษาปัญหาเรื่องงานกับเค้าได้ แต่พอมาเจอคำนี้ คือแบบชั้นมันอ่อนแอมากใช่มั้ยที่ร้องไห้ อยากจะบอกว่าถ้ายังไหว ไม่ร้องให้เห็นหรอก เค้ายังบอกว่าที่ทำงานเครียดมากเหรอทำไมไม่ปรึกษาพ่อกับแม่ คือแบบแล้วชั้นจะมีคุณไว้เพื่อ? มันเศร้ามากเหมือนมีคู่ชีวิต แต่ก็เข้าหาไม่ได้ กับสามีการที่จะมาเปิดอกคุยกันยากมาก เพราะเค้าไม่ใช่คนชอบเล่าหรือมาปรึกษาอะไรเราอยู่แล้ว ซึ่งตรงข้ามกับเราที่เชื่อมั่นในการคุยว่าจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างได้ดีที่สุด แล้วเราก็บอกสามีเสมอว่ามีเรื่องไม่สบายใจก็มาเล่าให้ฟังบ้างจะได้ข่วยกัน แต่เค้าไม่ใช่ แบบนั้น เลยรู้สึกอึดอัด อ้างว้าง ตอนนี้คิดถึงแค่ลูก โฟกัสที่ลูกมากที่สุด ไม่อยากปรึกษาใคร ไม่อยากให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ใครมีคำแนะนำรบกวนหน่อยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ต้องอดทนกับสถานการณ์แบบนี้อีกนานแค่ไหน