ลมหนาวแผ่วลงลมร้อนคืบคลานเข้ามาแทน ฤดูใส่เสื้อหนาวตามหาทะเลหมอกกำลังจะแผ่วตาม
แต่เดี๋ยวก่อน!
เมื่อก่อนผมก็คิดอย่างนั้น คิดว่าทะเลหมอกมีแต่เฉพาะปลายฝนต้นหนาว กับทะเลหมอกหน้าหนาวเท่านั้น ที่ไหนได้ สุดยอดทะเลหมอกบางที่ไม่ได้เกิดแค่ปลายฝน หรือกลางหนาว แต่หมดฝนหมดหนาวหรือเข้าหน้าร้อนแล้วก็ยังฟูฟ่อง หนาตรึม
หนึ่งในสุดยอดจุดชมทะเลหมอกเมืองไทย แถมใกล้กรุงอีกต่างหาก ด้วยความที่มีแอ่งที่เหมาะสมไม่อยู่ในทิศทางลมแรง และป่าอุดมสมบูรณ์ผลิตความชื้นขึ้นปะทะความเย็นในอากาศได้อย่างลงตัว พะเนินทุ่งจึงได้ชื่อว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สุดยอดแห่งหนึ่ง แถมใกล้กรุงเทพมาก เดินทางสะดวกสบาย และขอกระซิบบอก ต่อให้ไปเดือนเมษาที่ข้างล่างร้อนตับแลบ แต่บนนี้หนาวนะครับ ต่ำกว่า 20 องศาเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นพกเสื้อกันหนาวไปด้วยไม่ต้องกลัวเพื่อนบ้านว่าบ้า เวลาชมทะเลหมอกจะได้ไม่สั่น
วันนี้ผมจะมา ทริปไม่ต้องค้างก็ฟินได้ กับทะเลหมอกพะเนินทุ่ง สุดยอดจุดชมทะเลหมอกใกล้ๆ กรุงเทพนี่เอง ออกเดินทางตีสาม ถึงแก่งกระจานตีห้า แวะศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ แจ้งความจำนงค์ จ่ายค่าธรรมเนียม แล้วมุ่งหน้าแคมป์บ้านกร่าง ตีห้าครึ่งคานเหล็กกั้นเทรลขึ้นพะเนินทุ่งก็เปิด มุ่งหน้าขึ้นจุดชมวิวกม.36 สิบโมงก็กลับลง แวะเที่ยวรายทางมุ่งหน้ากลับกรุง ฟินไปสิ
อธิบายการเดินทาง
ขอเริ่มจากถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกตรงข้ามเซ็นทรัลพระราม 2 มุ่งหน้าผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเพชรเกษม //ตรงนั้นเรียกว่าแยกวังมะนาว จากนั้นก็มุ่งลงเพชรบุรี ผ่านเขาย้อย พ้นแยกเขาย้อยไปอีกราว 10 กิโล ก็ทำชิดซ้ายเตรียมตัวให้ดี เราจะเลี้ยวขวาด้วย fly over สะพานต่างระดับ ตรงจุดนี้มีป้ายบอก อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน ชิดซ้าย นั่นแหละชิดแล้วขึ้นสะพานไปเลย นี่คือเส้นทางที่สะดวกที่สุดในการไปแก่งกระจานละ ซึ่งความจริงมีอยู่มากมายหลายเส้นเหลือเกินนะครับ
มาอธิบายทางต่อ ถึงตรงนี้เราก็ขับมาได้ 100 กิโลพอดี เราเข้าสู่ถนน 3349 ขับต่อไปอีกราว 17 โล เจอสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ 3510 หรือไปตามป้ายโครงการชั่งหัวมัน ขับตรงไปเรื่อยๆ เจอแยกไหนก็ตรงตลอด ไปอีก 21 กิโลจะเจอแยกที่เป็นวงเวียน เข้าวงเวียนแล้วออกที่แยก3 (=เลี้ยวขวา) คราวนี้ก็เข้าสู่ถนน 3499 มุ่งหน้าเข้าอ.แก่งกระจาน จากวงเวียนขับจนเลยตัวอำเภอไปเลย ตรงไปตามป้ายไปเขื่อนแก่งฯ จะถึงสามแยก ตรงไปจะเข้าเขื่อน ให้เลี้ยวซ้ายจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเพชร ขับข้ามไป ตามป้ายไปอุทยานฯแก่งกระจาน อีกเพียง 4 กิโลถึงแล้ว ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอช.แก่งกระจาน
รวมระยะทางทั้งสิ้น 156 กิโลเมตร
ที่อธิบายมาทั้งหมดขอสรุปเป็น Google Maps นำทาง >>
https://goo.gl/6GdWVh
เอาล่ะครับ มาถึงแล้ว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
จุดเริ่มต้นคนจะขึ้นพะเนินทุ่ง ต้องมาติดต่อที่นี่ก่อนทุกคณะ
เปิดตีห้า ไม่ต้องค้างก็ฟินได้ ขับรถออกจากกรุงเทพสักตีสองตีสาม มาถึงก่อนเวลาก็จอดงีบแป๊บรอเปิด ปกติก็จะมีคนมารอกันเยอะไม่เปลี่ยว พอเปิดปุ๊บก็ไปต่อแถวแจ้งความจำนงค์ ชำระค่าธรรมเนียม สตาร์ทรถ ล้อหมุน เดินทางต่อได้เลย มุ่งหน้าสู่แค้มป์บ้านกร่าง อันนับเป็นจุดเริ่มต้นประตูสู่จุดชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
ทางเลือกที่ฟินกว่าคือมาค้างที่ริมแก่งกระจานสักคือครับ พื้นที่อุทยานฯ อาณาบริเวณรอบๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ นี่แหละ มีทำเลวิวดีดีให้เลือกกางเต็นท์เพียบเลย ไม่ต้องตีแต่ตีสองตีสามขับรถมาแต่ไกล นอนตื่นสักตีสี่ครึ่งก็ทัน
แผนที่เส้นทางสู่พะเนินทุ่ง
ศูนย์บริการ > ด่านเขาสามยอด > แค้มป์บ้านกร่าง > แค้มป์พะเนินทุ่ง > จุดชมทะเลหมอกกม.30 > จุดชมทะเลหมอกกม.36
รวมระยะทางทั้งสิ้น 56 กิโล
20 กิโลเมตรจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ฝ่าความมืดมาแบบไม่ต้องกลัวหลง เพราะส่วนใหญ่คุณจะมีเพื่อนร่วมทาง ขับตามคันหน้าไปครับ รถทุกคันที่ออกจากศูนย์ในช่วงเช้ามืดล้วนหันเข็มทิศสู่พะเนินทุ่งทั้งสิ้น
พ้นด่านมานิดหน่อยร้อยเมตรเศษ ถ้าคุณมากลางวันนะ จะพบกับวิวของอ่างเก็บน้ำห้วยสามยอดสวยๆ อยู่ฝั่งซ้าย ความยาวช่วงถนนเลียบอ่างราวครึ่งกิโล
แน่นอน คุณขับผ่านมันไปในความมืด แต่ขากลับลงมาคุณต้องเห็นแน่และตอนที่เห็นแล้วรู้สึก โอย สวยจังเลย อยากจอดถ่าย ก็ให้ขับเลยไปก่อนครับ จอดแถวหลังด่านแล้วเดินย้อนมาสะดวกกว่า ข้างๆ อ่างเก็บน้ำมีซอยด้วย และสองภาพนี้ผมได้จากเดินเข้าไปหามุมในซอย เดินนิดเดียวครับ สิบเมตรแค่นั้น
ถัดจากอ่างเก็บน้ำมาราว 2.5 กิโล คุณจะเจอกับ โอ้ว ว้าว
อุโมงค์ต้นไม้ที่มีความยาวกว่าหนึ่งกิโล สวย แน่นอน คุณฝ่าความมืดมา คุณจะวิ่งผ่านอุโมงค์ต้นไม้ไปด้วยแสงไฟหน้ารถ เก็บไว้เป็นจุดแวะตอนขากลับครับ ตอนขับกลับเล็งมุมสวยกันดีดีอย่าลืมมองผ่านกระจกมองหลังด้วย บางทีมุมสวยก็ซ่อนอยู่ในมุมมองย้อนกลับ
35 กิโลเมตรจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรือ 15 กิโลจากด่านเขาสามยอด เราก็มาถึงแค้มป์บ้านกร่าง เส้นทางขึ้นพะเนินทุ่งจะเปิดให้รถขึ้นเที่ยวแรกสุด ตีห้าครึ่ง ณ แค้มป์บ้านกร่าง
นั่นแปลว่ารถคันแรกที่จะได้ขึ้นก่อนจะเป็นพวกที่มาค้างที่บ้านกร่างนั่นเอง ส่วนพวกที่วิ่งตรงมาจากศูนย์บริการตั้งแต่ตีห้ายังไงก็ไม่ทันพวกบ้านกร่าง แต่ยังไงก็เป็นเที่ยวแรก
อยากจะขอร้องสักนิดคือนับตั้งแต่ด่านเขาสามยอดมานี่ ถือว่าเรากลับเข้ามาอยู่ในเขตอุทยานฯอีกครั้งหลังออกจากเขตตอนออกมาจากศูนย์ และเส้นทางสายนี้ยิ่งเข้าใกล้แคมป์บ้านกร่างเพียงไรยิ่งมีสัตว์ป่ามากขึ้น ควรขับรถให้ช้าลงพอที่จะหยุดรถได้กะทันหันหากสัตว์ใหญ่ตัดหน้ารถ โดยเฉพาะช่วง 5 กิโลสุดท้ายก่อนแค้มป์จะมีสัตว์เยอะมาก บ่อยครั้งเค้าจะเดินตัดถนน มีอยู่หนหนึ่งผมเจอเข้ากับกระทิงระยะประชิดเกือบเบรคไม่ทัน โป่งสัตว์ริมทางก็อยู่บริเวณนี้ มีป้ายเขียนว่าดงกระทิง เลยดงกระทิงไปนิดข้างทางด้านซ้ายมีต้นไม้ใหญ่มากสามต้น ลักษณะแปลกแตกต่างจากต้นอื่น เรียกต้นฉัตรป่าสีดา ถ้าผ่านมาตอนเย็นๆ พลบค่ำ นั่งเฝ้าได้เลย จะเห็นฝูงนกตระกูลนกเงือกบินมาที่ต้นนี้เยอะมาก
เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง
รอบแรก 05.30-07.30
รอบที่ 2 13.00-15.00
ส่วนเวลาลงจากบนพะเนินทุ่ง
รอบที่ 1 09.00-10.00
รอบที่ 2 16.00-17.00
หลังผ่านเหล็กกั้นแค้มป์บ้านกร่างขึ้นมา ทางก็จะเปลี่ยนเป็นเส้นทางแคบขึ้นเขาผิวทางไม่ดี ช่วงนี้ต้องขอบอกว่าไม่เหมาะกับรถเก๋งแล้วนะครับ ตัวเลือกอีกทางคือจอดเก๋งทิ้งไว้ที่แค้มป์บ้านกร่างแล้วใช้บริการรถสองแถวที่มาจอดให้บริการอยู่ สนนราคาเท่าไหร่ขออภัยจริงๆ ไม่ได้สังเกตมา ทางขึ้นที่แคบและบางช่วงชัน ขับสวนลำบาก ที่นี่จึงออกกฏควบคุมการจราจรขึ้นลง โดยให้เดินรถทางเดียวผลัดกัน
ถึงแล้ว
เราแล่นตรงมาจนถึงกม.36 ความจริงจะจอดชมที่ กม.30 เลยก็ได้ แถวๆ แค้มป์พะเนินทุ่งนั่นแหละ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขึ้นมาแล้วทั้งทีต้องเก็บทั้งสองกม.
คลิบ
แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าโอกาสที่คุณจะโชคดีได้เห็นทะเลหมอกที่นี่มีถึง 60-70 % ถ้าไม่ดวงกุดจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าดุ่มๆ มาจะสมหวังทุกรายนะครับ บางทริปผมไปก็ไร้หมอก บางทริปมีแต่บาง บางทริปมีแต่หมอกวายเร็ว ทริปที่อลังการที่สุดคือมีมาอย่างหนาแน่นฟูฟ่องแถมวายช้า คือสิบเอ็ดโมงยังไม่วาย ว่างั้น เอาเป็นว่าไม่ว่าจะทะเลหมอกที่ไหนต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าถ้ากินแห้วแล้วเรายังคงต้องยิ้มได้ หัวเราะได้ มีความสุขได้
ที่สุดทางของถนนตรงที่เลยกม. 36 ไปเกือบๆ โลจะเป็นลาดชันยาวลงไปสู่ลานจอดรถตรงนี้ถ้ารถกำลังไม่ดีพออย่าเสี่ยงขับมากลับรถนะครับ ให้พยายามกลับรถกันตรงเลยจุดชมทะเลหมอกมาหน่อย เพราะเนินตรงนี้ชันยาวและโค้งเล็กน้อยอีกต่างหากแต่ผิวทางไม่ใช่ลาดยาง ต้องตะกรุยกรวดขึ้นมา ผมเอาโรดิโอไปยังส่งไม่ขึ้น ลองตั้งสองสามหนก็ไม่ไหวสุดท้ายต้องใส่เกียร์โฟล์ถึงจะเอารถขึ้นมาได้ และตรงนี้เองก็เป็นจุดเริ่มเดิมเทรลสู่น้ำตกทอทิพย์ ระยะทางเดินเทรลประมาณ 3 กิโล ใช้เวลาเดินไปกลับ 3-4 ชั่วโมง ใครชื่นชอบเดินเทรล และอยากชมน้ำตกและมีเวลาเยอะพอก็ลองดูได้ เหมาะสำหรับคนที่ค้างบนนี้
ผืนป่าเขียวๆ สุดอุดมสมบูรณ์บริเวณรอบๆ แอ่งทะเลหมอก ปัจจัยสำคัญในกระบวนการผลิตหมอก
แอ่งทะเลหมอกพะเนินทุ่งมีอยู่สองจุดที่นิยมๆ นะครับ
อีกหนึ่งจุดยอดนิยมก็คือตรงนี้
แอ่งตรงแถวแคมป์พะเนินทุ่งนั่นเลย อยู่บริเวณกม.30 มีลานจอดรถแล้วก็เป็นลาดขึ้นเนินเตี้ยๆ ไปร้อยกว่าเมตร ก็จะพบลานชมวิวทะเลหมอกกว้างใหญ่ พร้อมป้ายจุดชมวิวพะเนินทุ่งที่นทท.ใครมาก็มักมาถ่ายภาพเช็คอินกันกับป้ายนี้
ดอกหญ้าเขียวๆ ล้อเล่นลมแถวๆ จุดชมวิวทะเลหมอก กม.30
facebook.com/Namfapakhao
สอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย TAT Call Center 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือ
www.tourismthailand.org
[SR] ไม่ต้องค้างก็ฟินได้ ทะเลหมอกใกล้กรุงที่สุด พะเนินทุ่ง [[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]]
ลมหนาวแผ่วลงลมร้อนคืบคลานเข้ามาแทน ฤดูใส่เสื้อหนาวตามหาทะเลหมอกกำลังจะแผ่วตาม
แต่เดี๋ยวก่อน!
เมื่อก่อนผมก็คิดอย่างนั้น คิดว่าทะเลหมอกมีแต่เฉพาะปลายฝนต้นหนาว กับทะเลหมอกหน้าหนาวเท่านั้น ที่ไหนได้ สุดยอดทะเลหมอกบางที่ไม่ได้เกิดแค่ปลายฝน หรือกลางหนาว แต่หมดฝนหมดหนาวหรือเข้าหน้าร้อนแล้วก็ยังฟูฟ่อง หนาตรึม
หนึ่งในสุดยอดจุดชมทะเลหมอกเมืองไทย แถมใกล้กรุงอีกต่างหาก ด้วยความที่มีแอ่งที่เหมาะสมไม่อยู่ในทิศทางลมแรง และป่าอุดมสมบูรณ์ผลิตความชื้นขึ้นปะทะความเย็นในอากาศได้อย่างลงตัว พะเนินทุ่งจึงได้ชื่อว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สุดยอดแห่งหนึ่ง แถมใกล้กรุงเทพมาก เดินทางสะดวกสบาย และขอกระซิบบอก ต่อให้ไปเดือนเมษาที่ข้างล่างร้อนตับแลบ แต่บนนี้หนาวนะครับ ต่ำกว่า 20 องศาเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นพกเสื้อกันหนาวไปด้วยไม่ต้องกลัวเพื่อนบ้านว่าบ้า เวลาชมทะเลหมอกจะได้ไม่สั่น
วันนี้ผมจะมา ทริปไม่ต้องค้างก็ฟินได้ กับทะเลหมอกพะเนินทุ่ง สุดยอดจุดชมทะเลหมอกใกล้ๆ กรุงเทพนี่เอง ออกเดินทางตีสาม ถึงแก่งกระจานตีห้า แวะศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ แจ้งความจำนงค์ จ่ายค่าธรรมเนียม แล้วมุ่งหน้าแคมป์บ้านกร่าง ตีห้าครึ่งคานเหล็กกั้นเทรลขึ้นพะเนินทุ่งก็เปิด มุ่งหน้าขึ้นจุดชมวิวกม.36 สิบโมงก็กลับลง แวะเที่ยวรายทางมุ่งหน้ากลับกรุง ฟินไปสิ
อธิบายการเดินทาง
ขอเริ่มจากถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกตรงข้ามเซ็นทรัลพระราม 2 มุ่งหน้าผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเพชรเกษม //ตรงนั้นเรียกว่าแยกวังมะนาว จากนั้นก็มุ่งลงเพชรบุรี ผ่านเขาย้อย พ้นแยกเขาย้อยไปอีกราว 10 กิโล ก็ทำชิดซ้ายเตรียมตัวให้ดี เราจะเลี้ยวขวาด้วย fly over สะพานต่างระดับ ตรงจุดนี้มีป้ายบอก อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน ชิดซ้าย นั่นแหละชิดแล้วขึ้นสะพานไปเลย นี่คือเส้นทางที่สะดวกที่สุดในการไปแก่งกระจานละ ซึ่งความจริงมีอยู่มากมายหลายเส้นเหลือเกินนะครับ
มาอธิบายทางต่อ ถึงตรงนี้เราก็ขับมาได้ 100 กิโลพอดี เราเข้าสู่ถนน 3349 ขับต่อไปอีกราว 17 โล เจอสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ 3510 หรือไปตามป้ายโครงการชั่งหัวมัน ขับตรงไปเรื่อยๆ เจอแยกไหนก็ตรงตลอด ไปอีก 21 กิโลจะเจอแยกที่เป็นวงเวียน เข้าวงเวียนแล้วออกที่แยก3 (=เลี้ยวขวา) คราวนี้ก็เข้าสู่ถนน 3499 มุ่งหน้าเข้าอ.แก่งกระจาน จากวงเวียนขับจนเลยตัวอำเภอไปเลย ตรงไปตามป้ายไปเขื่อนแก่งฯ จะถึงสามแยก ตรงไปจะเข้าเขื่อน ให้เลี้ยวซ้ายจะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเพชร ขับข้ามไป ตามป้ายไปอุทยานฯแก่งกระจาน อีกเพียง 4 กิโลถึงแล้ว ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอช.แก่งกระจาน
รวมระยะทางทั้งสิ้น 156 กิโลเมตร
ที่อธิบายมาทั้งหมดขอสรุปเป็น Google Maps นำทาง >> https://goo.gl/6GdWVh
เอาล่ะครับ มาถึงแล้ว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
จุดเริ่มต้นคนจะขึ้นพะเนินทุ่ง ต้องมาติดต่อที่นี่ก่อนทุกคณะ
เปิดตีห้า ไม่ต้องค้างก็ฟินได้ ขับรถออกจากกรุงเทพสักตีสองตีสาม มาถึงก่อนเวลาก็จอดงีบแป๊บรอเปิด ปกติก็จะมีคนมารอกันเยอะไม่เปลี่ยว พอเปิดปุ๊บก็ไปต่อแถวแจ้งความจำนงค์ ชำระค่าธรรมเนียม สตาร์ทรถ ล้อหมุน เดินทางต่อได้เลย มุ่งหน้าสู่แค้มป์บ้านกร่าง อันนับเป็นจุดเริ่มต้นประตูสู่จุดชมทะเลหมอกพะเนินทุ่ง
ทางเลือกที่ฟินกว่าคือมาค้างที่ริมแก่งกระจานสักคือครับ พื้นที่อุทยานฯ อาณาบริเวณรอบๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ นี่แหละ มีทำเลวิวดีดีให้เลือกกางเต็นท์เพียบเลย ไม่ต้องตีแต่ตีสองตีสามขับรถมาแต่ไกล นอนตื่นสักตีสี่ครึ่งก็ทัน
แผนที่เส้นทางสู่พะเนินทุ่ง
ศูนย์บริการ > ด่านเขาสามยอด > แค้มป์บ้านกร่าง > แค้มป์พะเนินทุ่ง > จุดชมทะเลหมอกกม.30 > จุดชมทะเลหมอกกม.36
รวมระยะทางทั้งสิ้น 56 กิโล
20 กิโลเมตรจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ฝ่าความมืดมาแบบไม่ต้องกลัวหลง เพราะส่วนใหญ่คุณจะมีเพื่อนร่วมทาง ขับตามคันหน้าไปครับ รถทุกคันที่ออกจากศูนย์ในช่วงเช้ามืดล้วนหันเข็มทิศสู่พะเนินทุ่งทั้งสิ้น
พ้นด่านมานิดหน่อยร้อยเมตรเศษ ถ้าคุณมากลางวันนะ จะพบกับวิวของอ่างเก็บน้ำห้วยสามยอดสวยๆ อยู่ฝั่งซ้าย ความยาวช่วงถนนเลียบอ่างราวครึ่งกิโล
แน่นอน คุณขับผ่านมันไปในความมืด แต่ขากลับลงมาคุณต้องเห็นแน่และตอนที่เห็นแล้วรู้สึก โอย สวยจังเลย อยากจอดถ่าย ก็ให้ขับเลยไปก่อนครับ จอดแถวหลังด่านแล้วเดินย้อนมาสะดวกกว่า ข้างๆ อ่างเก็บน้ำมีซอยด้วย และสองภาพนี้ผมได้จากเดินเข้าไปหามุมในซอย เดินนิดเดียวครับ สิบเมตรแค่นั้น
ถัดจากอ่างเก็บน้ำมาราว 2.5 กิโล คุณจะเจอกับ โอ้ว ว้าว
อุโมงค์ต้นไม้ที่มีความยาวกว่าหนึ่งกิโล สวย แน่นอน คุณฝ่าความมืดมา คุณจะวิ่งผ่านอุโมงค์ต้นไม้ไปด้วยแสงไฟหน้ารถ เก็บไว้เป็นจุดแวะตอนขากลับครับ ตอนขับกลับเล็งมุมสวยกันดีดีอย่าลืมมองผ่านกระจกมองหลังด้วย บางทีมุมสวยก็ซ่อนอยู่ในมุมมองย้อนกลับ
35 กิโลเมตรจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หรือ 15 กิโลจากด่านเขาสามยอด เราก็มาถึงแค้มป์บ้านกร่าง เส้นทางขึ้นพะเนินทุ่งจะเปิดให้รถขึ้นเที่ยวแรกสุด ตีห้าครึ่ง ณ แค้มป์บ้านกร่าง
นั่นแปลว่ารถคันแรกที่จะได้ขึ้นก่อนจะเป็นพวกที่มาค้างที่บ้านกร่างนั่นเอง ส่วนพวกที่วิ่งตรงมาจากศูนย์บริการตั้งแต่ตีห้ายังไงก็ไม่ทันพวกบ้านกร่าง แต่ยังไงก็เป็นเที่ยวแรก
อยากจะขอร้องสักนิดคือนับตั้งแต่ด่านเขาสามยอดมานี่ ถือว่าเรากลับเข้ามาอยู่ในเขตอุทยานฯอีกครั้งหลังออกจากเขตตอนออกมาจากศูนย์ และเส้นทางสายนี้ยิ่งเข้าใกล้แคมป์บ้านกร่างเพียงไรยิ่งมีสัตว์ป่ามากขึ้น ควรขับรถให้ช้าลงพอที่จะหยุดรถได้กะทันหันหากสัตว์ใหญ่ตัดหน้ารถ โดยเฉพาะช่วง 5 กิโลสุดท้ายก่อนแค้มป์จะมีสัตว์เยอะมาก บ่อยครั้งเค้าจะเดินตัดถนน มีอยู่หนหนึ่งผมเจอเข้ากับกระทิงระยะประชิดเกือบเบรคไม่ทัน โป่งสัตว์ริมทางก็อยู่บริเวณนี้ มีป้ายเขียนว่าดงกระทิง เลยดงกระทิงไปนิดข้างทางด้านซ้ายมีต้นไม้ใหญ่มากสามต้น ลักษณะแปลกแตกต่างจากต้นอื่น เรียกต้นฉัตรป่าสีดา ถ้าผ่านมาตอนเย็นๆ พลบค่ำ นั่งเฝ้าได้เลย จะเห็นฝูงนกตระกูลนกเงือกบินมาที่ต้นนี้เยอะมาก
เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง
รอบแรก 05.30-07.30
รอบที่ 2 13.00-15.00
ส่วนเวลาลงจากบนพะเนินทุ่ง
รอบที่ 1 09.00-10.00
รอบที่ 2 16.00-17.00
หลังผ่านเหล็กกั้นแค้มป์บ้านกร่างขึ้นมา ทางก็จะเปลี่ยนเป็นเส้นทางแคบขึ้นเขาผิวทางไม่ดี ช่วงนี้ต้องขอบอกว่าไม่เหมาะกับรถเก๋งแล้วนะครับ ตัวเลือกอีกทางคือจอดเก๋งทิ้งไว้ที่แค้มป์บ้านกร่างแล้วใช้บริการรถสองแถวที่มาจอดให้บริการอยู่ สนนราคาเท่าไหร่ขออภัยจริงๆ ไม่ได้สังเกตมา ทางขึ้นที่แคบและบางช่วงชัน ขับสวนลำบาก ที่นี่จึงออกกฏควบคุมการจราจรขึ้นลง โดยให้เดินรถทางเดียวผลัดกัน
ถึงแล้ว
เราแล่นตรงมาจนถึงกม.36 ความจริงจะจอดชมที่ กม.30 เลยก็ได้ แถวๆ แค้มป์พะเนินทุ่งนั่นแหละ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ขึ้นมาแล้วทั้งทีต้องเก็บทั้งสองกม.
คลิบ
แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าโอกาสที่คุณจะโชคดีได้เห็นทะเลหมอกที่นี่มีถึง 60-70 % ถ้าไม่ดวงกุดจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าดุ่มๆ มาจะสมหวังทุกรายนะครับ บางทริปผมไปก็ไร้หมอก บางทริปมีแต่บาง บางทริปมีแต่หมอกวายเร็ว ทริปที่อลังการที่สุดคือมีมาอย่างหนาแน่นฟูฟ่องแถมวายช้า คือสิบเอ็ดโมงยังไม่วาย ว่างั้น เอาเป็นว่าไม่ว่าจะทะเลหมอกที่ไหนต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าถ้ากินแห้วแล้วเรายังคงต้องยิ้มได้ หัวเราะได้ มีความสุขได้
ที่สุดทางของถนนตรงที่เลยกม. 36 ไปเกือบๆ โลจะเป็นลาดชันยาวลงไปสู่ลานจอดรถตรงนี้ถ้ารถกำลังไม่ดีพออย่าเสี่ยงขับมากลับรถนะครับ ให้พยายามกลับรถกันตรงเลยจุดชมทะเลหมอกมาหน่อย เพราะเนินตรงนี้ชันยาวและโค้งเล็กน้อยอีกต่างหากแต่ผิวทางไม่ใช่ลาดยาง ต้องตะกรุยกรวดขึ้นมา ผมเอาโรดิโอไปยังส่งไม่ขึ้น ลองตั้งสองสามหนก็ไม่ไหวสุดท้ายต้องใส่เกียร์โฟล์ถึงจะเอารถขึ้นมาได้ และตรงนี้เองก็เป็นจุดเริ่มเดิมเทรลสู่น้ำตกทอทิพย์ ระยะทางเดินเทรลประมาณ 3 กิโล ใช้เวลาเดินไปกลับ 3-4 ชั่วโมง ใครชื่นชอบเดินเทรล และอยากชมน้ำตกและมีเวลาเยอะพอก็ลองดูได้ เหมาะสำหรับคนที่ค้างบนนี้
ผืนป่าเขียวๆ สุดอุดมสมบูรณ์บริเวณรอบๆ แอ่งทะเลหมอก ปัจจัยสำคัญในกระบวนการผลิตหมอก
แอ่งทะเลหมอกพะเนินทุ่งมีอยู่สองจุดที่นิยมๆ นะครับ
อีกหนึ่งจุดยอดนิยมก็คือตรงนี้
แอ่งตรงแถวแคมป์พะเนินทุ่งนั่นเลย อยู่บริเวณกม.30 มีลานจอดรถแล้วก็เป็นลาดขึ้นเนินเตี้ยๆ ไปร้อยกว่าเมตร ก็จะพบลานชมวิวทะเลหมอกกว้างใหญ่ พร้อมป้ายจุดชมวิวพะเนินทุ่งที่นทท.ใครมาก็มักมาถ่ายภาพเช็คอินกันกับป้ายนี้
ดอกหญ้าเขียวๆ ล้อเล่นลมแถวๆ จุดชมวิวทะเลหมอก กม.30
facebook.com/Namfapakhao
สอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย TAT Call Center 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือ www.tourismthailand.org