ผมมีเรื่องขนหัวลุกตอนสมัยมัธยมมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องตอนที่ผมอยู่ ม.5 เรื่องนี้เกิดขึ้นในค่ายปฐมนิเทศน์

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมเรียนอยู่ในโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี   ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ม.5  ในตอนนั้นด้วยความที่เป็นคนที่รักในการทำกิจกรรมสัณธนาการผมจึงสมัครเข้าชุมนุมนักจัดกิจกรรมของโรงเรียน และได้ขึ้นเป็นประธานชุมนุมตอน ม.5  อ่อ  ขออนุญาตเท้าความไว้ก่อนว่าแต่เดิมนั้นผมเป็นคนที่มีพวก ซิกส์เซนส์ สามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น สำผัสสิ่งที่คนอื่นสัมผัสไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาเป็นเงื่อนไข
                ในตอนนั้นทางโรงเรียนได้มีกิจกรรมค่ายประฐมนิเทศน์ ซึ่งจำเป็นต้องให้ผมและทีมงานในชุมนุมไปเป็นพี่เลี้ยงคอยคุมเด็กให้  ในตอนนั้นเป็นค่ายประถมนิเทศน์เด็ก ม.1และม.4 ซึ่งเข้าค่ายชั้นละ 3 วัน รวมแล้วพวกผมต้องอยู่ค่ายเป็นเวลาหกวัน ซึ่งมีผมและทีมงานเป็นน้อง ม.3 และ เพื่อนๆ ม.5 รวมกันประมาณ 20 กว่าคน  พี่ๆ ม.6 ที่มาช่วยงานอีกประมาณ 10 คน ในวันแรกของค่ายประถมนิเทศน์ ม.1 พวกผมก็แบ่งห้องนอนห้องอาบน้ำโดยน้องผู้หญิงให้นอนที่อาคาร 3 และอาบน้ำที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นแรกของอาคาร 3 ส่วนน้องผู้ชายนอนอาคารรูปตัวยู และอาบน้ำ ที่ด้านหลังอาคารอุตสาหกรรมข้างหอประชุมเก่าซึ่งไกลออกไปจากอาคารที่พักนิดหน่อย
                ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น กิจกรรมผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด จนกระทั่ง เวลาประมาณ 19:00  ซึ่งก่อนหน้านั้น ประมาณหกโมงครึ่ง ได้ปล่อยให้น้อง ม.1 อาบน้ำทำงานส่วนตัว และผมก็ได้แบ่งพี่เลี้ยง ม.5 ไปดูแลที่จุดอาบน้ำ จุดละ 3 คน ส่วนผมก็นั่งทำงานเคลียเอกสารของชุมนุมอยู่ในห้องกิจกรรมของโรงเรียน ซึ่งอยู่ห่างจากห้องอาบน้ำหญิงไม่มากนั้น
                ในตอนที่ผมกำลังทำงานอยู่เพลินๆนั้น ผมก็ได้ยินเสียงมาจากห้องทางห้องอาบน้ำหญิง กรี๊ด!!!!! ผมถึงกับสะดุ้ง รู้สึกเย็นสันหลังว่าบ หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางห้องอาบน้ำหญิง แต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าพวกพี่เลี้ยงก็อยู่คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือเสียงกรี๊ดเมื่อสักครู่ ไม่ใช่เสียงของคนอย่างแน่นอน   ไม่นานนักเพื่อนผู้คนหนึ่งซึ่งผมได้ให้เขาไปดูแลทางด้านห้องอาบน้ำหญิงก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม หลังจากนี้ขอแทนเพื่อนคนนี้ด้วยชื่อ A แล้วกันนะครับ
                A:ประธาน ประธาน เกิดเรื่องแล้ว
                ผม:มีอะไร อย่าบอกนะว่าเจอผีน่ะ
เพื่อนผมถึงกับหน้าซีดไปเลยพอผมพูดเรื่องผีขึ้นมา
               A:ไม่แน่ใจเหมือนกันอ่ะ แต่ห้องน้ำห้องกลางมีน้องอยู่ ล็อคห้องน้ำไว้ แล้วก็ไม่ยอมออกมาอ่ะ นี่มันก็เลยเวลาที่ให้อาบน้ำมาตั้งนานแล้วด้วยอ่ะ
A บอกผมด้วยเสียงสั่นเครือ ราวกับเธอรู้สึกได้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว ถึงได้รีบวิ่งมาตามผม
               ผม:งั้นไปกัน ไปดูว่าน้องเป็นอะไร
ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติแต่ก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแล้วเหมือนกัน
                ผมและ A เดินไปถึงหน้าห้องน้ำที่เกิดเหตุ ก็พบเพื่อนอีก 2 คน ที่ได้มาดูแลจุดอาบน้ำหญิง หลังจากนี้ผมขอแทนตัวพวกเธอว่า B และ C ตอนไปถึง C กำลังปลอบ B ซึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
               ผม:เป็นอะไรรึเปล่าเพื่อน
ผมถาม B ด้วยความเป็นห่วง
               B:น้องไม่ยอมออกมจากห้องน้ำนานแล้วอ่ะ  เขาบอกว่าออกไม่ได้
เธอพูดพรางสะอื้นพราง
               ในตอนนั้นผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ในห้องน้ำ แต่เพราะ ไม่อยากให้เพื่อนกลัวเพราะ ต้องอยู่อีกหลายวัน   ผมคิดว่าถ้าในห้องน้ำไม่ใช่คนถ้างั้นก็แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรในห้องน้ำซะก็สิ้นเรื่อง
               เพื่อให้เพื่อนอุ่นใจว่าในห้องน้ำไม่มีอะไรผมจึงเคาะประตูห้องน้ำ ก๊อกๆๆ
              ผม: มีใครอยู่ในห้องน้ำมั๊ย
              เสียงจากห้องน้ำ: ฮือ....... ฮือ........
เห้ย!!!มีเสียงด้วย และดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้ยินแค่คนเดียว ผมหันกลับไปมองหน้าเพื่อน ซึ่งตอนนี้ทุกคนอยู่ในอาการหวาดกลัว และะหน้าซีดกันหมดเลย  รวมไปถึงผมด้วย
              ผม: น้องออกมาได้แล้วนะ นี่มันเลยเวลามานานแล้ว
              เสียงจากห้องน้ำ: ฮือ......ฮือ..........
ตอนนั้นผมเริ่มโมโหนิดๆแล้ว จึงตะคอกออกไป
              ผม: ออกมาได้แล้วน้อง พี่ไม่ได้มีเวลามาดูแลน้องคนเดียวนะ
              เสียงจากห้องน้ำ: หนูออกไม่ได้ ฮือ....... ฮือ..........
ในตอนนั้นผมเริ่มคิดแล้วว่า คงไม่ใช่วิญญาณอย่างที่คิดไว้ตอนแรกก็ได้ ก็แค่เด็กที่ชอบเรียกร้องความสนใจ   แต่ดูเหมือนจะมีแค่ผมที่คิดแบบนั้น เพราะ B ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีกหลังจากที่ได้ยินเสียงปริศนานั้น  คนอื่นๆก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้าแล้วด้วย
             ผม: เห้ย!! ออกมาได้แล้ว
ผมเข้าไปยังห้องน้ำอีกห้องแล้วปีนชักโครกขึ้นไปชะโงกดู
             แต่สิ่งที่ผมพบทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือก   ความว่างเปล่า  ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำห้องกลาง แต่ประตูกลับล็อคจากด้านใน    โดนละไงตรู
             ผม: เห้ยเราว่าไปที่อาคารอเนกประสงค์กันก่อนเหอะ
ผมรีบออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับจูงมือ B และ C ออกมาด้วย โดยมี A เดินตามหลังมา
             แต่ตอนที่หันหลังเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวนั้นเองก็มีเสียงดังออกมาจากในห้องน้ำอีก ฮือ.......ฮือ.............. เสียงที่ได้ยินคราวนี้ดังมาก ราวกับตะเบงออกมาจากความเศร้าที่มากจนเกินจะเก็บไว้
             ผมรีบพาทั้งสามคนวิ่งไปอาคารอเนกประสงค์อย่างไม่คิดชีวิต เพราะที่นั่นมีโต๊ะหมู่บูชาอยู่ และเป็นที่ประชุมของพี่เลี้ยงค่ายด้วย
             เมื่อไปถึงผมก็เรียกประชุมพี่เลี้ยงค่ายโดยตกลงว่าให้ทั้งหมดนอนรวมกันที่อาคารอเนกประสงค์ เพราะ ถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีกพวกผู้หญิงคงจะรับมือกับความกลัวกันไม่ไหว  และกว่าอาจารย์จะกลับเข้ามาที่โรงเรียนก็คงจะเช้า หลังจากที่น้อง ม.1 เข้านอนจนหมด พวกเราจึงมารวมตัวกันที่อาคารอเนกประสงค์    ผมแอบบอก A B C ไว้ว่าไม่ต้องเล่าให้ใครฟังว่าเกิดอะไรขึ้น รอให้จบค่ายก่อน เพราะจะพากับกลัวเปล่าๆ
              ผมนอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งคืนจนกระทั่งเช้า   ผมถามอาจารย์ว่ารอบนี้ที่มาทำค่ายกันได้ไหว้เจ้าที่บ้างหรือเปล่า  คำตอบที่ได้คือ ไม่  ทำให้ผมจำเป็นต้องทำการไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง และที่สุดแล้วผมก็กลับไปที่ห้องน้ำนั่นอีกครั้ง
              ผมปีนเข้าไปยังห้องน้ำนั้นผ่านทางห้องน้ำข้างๆ ห้องน้ำห้องนั้นยังคงล็อคจากด้านในเหมือนเดิม   ผมตั้งจิตอธิฐานขอให้บุญกุศลที่เคยได้ทำมาส่งไปถึงดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ในที่นั้น พร้อมกับเปิดประตูห้องน้ำ
             ผม: เปิดประตูให้แล้วนะ ออกได้แล้วหล่ะ
พูดออกไปแบบนั้น เพราะคิดว่าคงจะพอช่วยอะไรได้บ้าง     จากนั้นก็รู้สึกเย็นที่หลังอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกมา     อื้อหือ ขนาดตอนกลางวัลนะเนี่ย
            เรื่องในตอนนั้นจบลงโดยที่ไม่มีใครเป็นอะไร ทิ้งความสงสัยไว้ในใจผมว่าเสียงเด็กผู้หญิงในห้องน้ำนั้นเขาต้องการอะไรกันแน่
            *ปล. อาคาร 3 ที่ผมได้กล่าวถึงไปนั้น เป็นอาคารใหม่ซึ่ง สร้างโดยลื้ออาคารไม้เก่าออกแล้วสร้างเป็นอาคารคอนกรีต  แถมที่โรงเรียนนั้นก็มีข่าวลือว่าสร้างทับที่ป่าช้า  แถมยังเคยมีการฆ่ากันตายในโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดผมก็ไม่ได้ทราบอะไรมากนัก
            *ปล.2 ผมยังมีเรื่องลึกลับที่จะเล่าอีกเยอะ ถ้าอยากอ่านอีกฝากไลค์ฝากแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
            *ปล.3 มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสิ่งลี้ลับปรึกษาผมได้ครับ เพราะว่าศึกษาเรื่องนี้มาพอสมควรเหมือนกัน
            *ปล.4 เรื่องนี้มาจากเรื่องจริง 100% โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่