ผมขอเกริ่นก่อนนะครับ
คือน้องชายเพื่อนผมอายุแค่ 12 ปี ประสบอุบัติเหตุขาหัก และทางโรงพยาบาลทำการผ่าตัดแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา....
เรื่องมีอยู่ว่า
น้องเพื่อนผมประสบอุบัติเหตุขาหัก ในวันจันทร์ ที่ 23 มกราคม
(ได้รับบาดเจ็บขาหักช่วงขาอ่อน และบาดแผลตามแขนเล็กน้อย รู้สึกตัวตลอดเวลา ไม่ได้สลบหรืออาการสาหัสแต่อย่างใด)
แล้วได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลรัฐในจังหวัดที่อาศัยอยู่ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลทางทีมแพทย์เลยบอกว่า
จะส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลรัฐต่างจังหวัดหนึ่งที่ใหญ่กว่านี้ เพราะไม่กล้าผ่าตัดขาให้น้องโดยวิธิการวางยาสลบ เพราะว่าน้องมี
น้ำหนักมากประมาณ 90 กว่ากิโล กลัวว่าถ้ารักษาโดยการวางยาสลบกลัวน้องจะมีภาวะแทรกซ้อนแล้วน้องจะไม่ฟื้น เพราะน้องมีโรคประจำตัวและมีน้ำหนักที่มาก......
ต่อมา วันที่ อังคารที่ 24 มกรา ทางทีมแพทย์ประจำตัวได้มาบอกทางญาติน้องผม จะไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลต่างจังหวัด แต่จะผ่าตัดให้เอง แต่ผ่าโดยวิธีการบล็อกหลังให้ ไม่ได้วางยาสลบ เพื่อความปลอดภัยของน้องผม แต่ต้องให้รอห้องผ่าตัดว่างก่อนถึงจะผ่าตัดให้ จนผ่านมา 3-4 วัน น้องผมก็ยังไม่ได้รับการผ่าตัด ได้แต่นอนรอเวลาอยู่ที่เตียงเป็นเวลานาน แล้วคือน้องมีน้ำหนักมาก ขยับตัวเองไม่ได้ เวลานอนแช่บนเตียงเป็นเวลานานๆจะออกร้อน น้องจะบ่นตลอดว่า เจ็บตูด เจ็บหลัง ออกร้อนไปหมด เราก็ต้องพลิกตัวให้น้องเพื่อไม่ให้น้องเจ็บปวด
จนถึงวันศุกร์ ที่ 27 มกราคม น้องพึ่งจะได้รับการผ่าตัดรักษา เป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ถึง ศุกร์ที่ 27
น้องได้เข้าไปผ่าตัดในช่วงเช้า จนต่อมาได้ น้องได้ออกมาจากห้องผ่าตัดตอนนั้นน้องยังรู้สึกตัว ใส่สายออกซิเจนตลอดเวลา มีอาการเจ็บปวด ร้องไห้กับบาดแผลที่พึ่งจะผ่าตัดมา ....แต่ไม่นาน น้องก็ได้ช็อค หยุดหายใจไปรอบนึง เกือบ20 นาที ทางทีมแพทย์ที่รักษาได้มาช่วยกันทำ CPR
จนหัวใจน้องกลับมาเต้นอีกครั้ง หลังจากที่น้องช็อคแล้วทำ CPR สำเร็จแล้ว แล้วทางทีมแพทย์ที่รักษาตัวน้อง
ได้เข้ามาหาญาติแล้วบอกวิธีการรักษาว่า ได้ผ่าตัดน้องโดยวิธีการวางยาสลบ เนื่องจากทำวิธีการบล็อคหลังน้องไม่ได้ น้องมีแผ่นหลังที่หนา เข็มมีขนาดสั้นเกินไปเลยทำให้แทงไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกว่า จะรักษาโดยการบล็อกหลัง เพื่อไม่ให้น้องสลบ กลัวน้องจะไม่ฟื้น แต่ได้มีการเปลี่ยนวิธีการรักษากระทันหัน ทำให้ผลที่ตามมาคือน้องช็อค หมดสติ และหยุดหายใจไปรอบนึงจนต่อมาปั้มหัวใจน้องไว้ได้ แต่เวลาต่อมาก็ได้ส่งน้องเข้า I.C.U เพราะอาการน้องทรุดหนัก จนน้องหยุดหายใจไปรอบที่สอง จนสมองขาดออกซิเจนไปเลี้ยง ทางทีมแพทย์เลยมาปรึกษากับญาติว่าต้องการจะยื้อไว้ไหม เพราะถ้าหยุดหายใจอีกครั้งจะปั้มหัวใจไม่ได้ กลัวน้องปอดแตก ม้ามแตก จนเวลาต่อมาน้องได้หยุดหายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในวันเสาร์ ที่ 28 ......
สิ่งที่ผมอยากรุ้คือ
1) ทางทีมแพทย์สมควรที่จะปล่อยคนไข้นอนทนเจ็บบาดแผลนานขนาดนี้ไหม จำเป็นต้องรอห้องผ่าตัดว่างนานถึง 5 วันไหม ? ถ้าคนไข้เจ็บป่วยใกล้จะตาย ก็ต้องนอนรอต่อไปใช่ไหม ? ทางโรงพยาบาลห้องผ่าตัดมีน้อยขนาดดนั้นเลยหรือ?
2) การเปลี่ยนวิธีการรักษาของทีมแพทย์ สามารถทำได้เองเลยใช่ไหม ? โดยไม่ต้องขอคำปรึกษาหรือความเห็นจากญาติหรือครอบครัวหรอ ?
ว่าต้องการให้รักษาโดยวิธีที่เสี่ยงต่อชีวิตน้องไหม ? จนกระทั่งผ่าตัดออกมา น้องช็อคหมดสติ ค่อยมาบอกทางญาติว่าเปลี่ยนวิธีการรักษา ทั้งๆที่บอกว่า
ไม่กล้ารักษาโดยวิธีนี้ตั้งแต่แรก เพราะน้องมีน้ำหนักมาก และมีโรคแทรกซ้อน
3) เมื่อมีการรักษาน้องเสียชีวิตแล้ว ทางโรงพยาบาลหรือทีมแพทย์ มีการช่วยรับผิดชอบในเรื่องใดบ้างไหม เพราะต้องมาเสียค่าโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด อีก 70,000 ทั้งๆที่รักษาน้องไม่หาย เราจำเป็นต้องจ่ายเองทั้งหมดเลยหรอ ?
4) เราสามารถเรียกร้องความป็นธรรมกับทางโรงบาลได้มากกว่านี้ไหม เพราะ แค่น้องขาหักทำให้ต้องเสียชีวิตเลยหรอ ?
การรักษา การดูแลทางโรงพยาบาล ต้องมีส่วนรับผิดชอบไหมกับการรักษาในครั้งนี้ เพราะ ตอนที่น้องเสียแรกๆ ผมและเพื่อนได้โพสอาการและข้อสงสัย
กับการรักษาพยาบาลของน้องลง Facebook แล้วทางโรงพยาบาลทราบเรื่อง จึงจะมาชี้แจงให้ฟังใน วันพุธ ที่ 15 ก.พ นี้ ผมเลยอยากได้ความรู้ ข้อมูลที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะไปพูดคุยเจรจากับทางทีมแพทยืที่จะมาหา เพราะไม่มีความรู้ทางด้านการรักษาและข้อกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นธรรมกับครอบครัวและน้องที่ต้องเสียชีวิตลงไปเพียงเพราะแค่ประสบอุบัติเหตุขาหักให้มากที่สุด
5) แล้วทางทีมแพทย์ที่รักษาน้องเพื่อนผมต้องการมาหาเพื่อนผม และครอบครัวของน้องผู้เสียชีวิตทำไม ถ้าไม่มีความผิดจริง ? เพราะหน้าที่จะรักษา แพทยืผู้ผ่าตัดคนนึง ได้บอกไว้ว่า "จะส่งตัวไปที่อื่นทำไม ผมผ่าตัดมากี่รายต่อกี่รายแล้ว ไม่มีไรมากหรอก ไม่ตายหรอก " แต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เราสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรได้บ้างไหม
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณและขอโทษด้วย ถ้าหากบางครั้งบางคำ อาจใช้คำพูดที่รุนแรงหรือสื่อไปทางอารมณ์มากเกินไป
และการเข้าใจข้อมูลที่ยังไม่ถูกต้องจริงๆกับการรักษาของทางโรงบาล
ขอบคุณครับ
น้องชายผ่าตัดแล้วเสียชีวิตร้องเรียนทางโรงพยาบาลได้หรือป่าว ?
คือน้องชายเพื่อนผมอายุแค่ 12 ปี ประสบอุบัติเหตุขาหัก และทางโรงพยาบาลทำการผ่าตัดแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา....
เรื่องมีอยู่ว่า
น้องเพื่อนผมประสบอุบัติเหตุขาหัก ในวันจันทร์ ที่ 23 มกราคม
(ได้รับบาดเจ็บขาหักช่วงขาอ่อน และบาดแผลตามแขนเล็กน้อย รู้สึกตัวตลอดเวลา ไม่ได้สลบหรืออาการสาหัสแต่อย่างใด)
แล้วได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลรัฐในจังหวัดที่อาศัยอยู่ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลทางทีมแพทย์เลยบอกว่า
จะส่งตัวน้องไปโรงพยาบาลรัฐต่างจังหวัดหนึ่งที่ใหญ่กว่านี้ เพราะไม่กล้าผ่าตัดขาให้น้องโดยวิธิการวางยาสลบ เพราะว่าน้องมี
น้ำหนักมากประมาณ 90 กว่ากิโล กลัวว่าถ้ารักษาโดยการวางยาสลบกลัวน้องจะมีภาวะแทรกซ้อนแล้วน้องจะไม่ฟื้น เพราะน้องมีโรคประจำตัวและมีน้ำหนักที่มาก......
ต่อมา วันที่ อังคารที่ 24 มกรา ทางทีมแพทย์ประจำตัวได้มาบอกทางญาติน้องผม จะไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลต่างจังหวัด แต่จะผ่าตัดให้เอง แต่ผ่าโดยวิธีการบล็อกหลังให้ ไม่ได้วางยาสลบ เพื่อความปลอดภัยของน้องผม แต่ต้องให้รอห้องผ่าตัดว่างก่อนถึงจะผ่าตัดให้ จนผ่านมา 3-4 วัน น้องผมก็ยังไม่ได้รับการผ่าตัด ได้แต่นอนรอเวลาอยู่ที่เตียงเป็นเวลานาน แล้วคือน้องมีน้ำหนักมาก ขยับตัวเองไม่ได้ เวลานอนแช่บนเตียงเป็นเวลานานๆจะออกร้อน น้องจะบ่นตลอดว่า เจ็บตูด เจ็บหลัง ออกร้อนไปหมด เราก็ต้องพลิกตัวให้น้องเพื่อไม่ให้น้องเจ็บปวด
จนถึงวันศุกร์ ที่ 27 มกราคม น้องพึ่งจะได้รับการผ่าตัดรักษา เป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ถึง ศุกร์ที่ 27
น้องได้เข้าไปผ่าตัดในช่วงเช้า จนต่อมาได้ น้องได้ออกมาจากห้องผ่าตัดตอนนั้นน้องยังรู้สึกตัว ใส่สายออกซิเจนตลอดเวลา มีอาการเจ็บปวด ร้องไห้กับบาดแผลที่พึ่งจะผ่าตัดมา ....แต่ไม่นาน น้องก็ได้ช็อค หยุดหายใจไปรอบนึง เกือบ20 นาที ทางทีมแพทย์ที่รักษาได้มาช่วยกันทำ CPR
จนหัวใจน้องกลับมาเต้นอีกครั้ง หลังจากที่น้องช็อคแล้วทำ CPR สำเร็จแล้ว แล้วทางทีมแพทย์ที่รักษาตัวน้อง
ได้เข้ามาหาญาติแล้วบอกวิธีการรักษาว่า ได้ผ่าตัดน้องโดยวิธีการวางยาสลบ เนื่องจากทำวิธีการบล็อคหลังน้องไม่ได้ น้องมีแผ่นหลังที่หนา เข็มมีขนาดสั้นเกินไปเลยทำให้แทงไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกว่า จะรักษาโดยการบล็อกหลัง เพื่อไม่ให้น้องสลบ กลัวน้องจะไม่ฟื้น แต่ได้มีการเปลี่ยนวิธีการรักษากระทันหัน ทำให้ผลที่ตามมาคือน้องช็อค หมดสติ และหยุดหายใจไปรอบนึงจนต่อมาปั้มหัวใจน้องไว้ได้ แต่เวลาต่อมาก็ได้ส่งน้องเข้า I.C.U เพราะอาการน้องทรุดหนัก จนน้องหยุดหายใจไปรอบที่สอง จนสมองขาดออกซิเจนไปเลี้ยง ทางทีมแพทย์เลยมาปรึกษากับญาติว่าต้องการจะยื้อไว้ไหม เพราะถ้าหยุดหายใจอีกครั้งจะปั้มหัวใจไม่ได้ กลัวน้องปอดแตก ม้ามแตก จนเวลาต่อมาน้องได้หยุดหายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในวันเสาร์ ที่ 28 ......
สิ่งที่ผมอยากรุ้คือ
1) ทางทีมแพทย์สมควรที่จะปล่อยคนไข้นอนทนเจ็บบาดแผลนานขนาดนี้ไหม จำเป็นต้องรอห้องผ่าตัดว่างนานถึง 5 วันไหม ? ถ้าคนไข้เจ็บป่วยใกล้จะตาย ก็ต้องนอนรอต่อไปใช่ไหม ? ทางโรงพยาบาลห้องผ่าตัดมีน้อยขนาดดนั้นเลยหรือ?
2) การเปลี่ยนวิธีการรักษาของทีมแพทย์ สามารถทำได้เองเลยใช่ไหม ? โดยไม่ต้องขอคำปรึกษาหรือความเห็นจากญาติหรือครอบครัวหรอ ?
ว่าต้องการให้รักษาโดยวิธีที่เสี่ยงต่อชีวิตน้องไหม ? จนกระทั่งผ่าตัดออกมา น้องช็อคหมดสติ ค่อยมาบอกทางญาติว่าเปลี่ยนวิธีการรักษา ทั้งๆที่บอกว่า
ไม่กล้ารักษาโดยวิธีนี้ตั้งแต่แรก เพราะน้องมีน้ำหนักมาก และมีโรคแทรกซ้อน
3) เมื่อมีการรักษาน้องเสียชีวิตแล้ว ทางโรงพยาบาลหรือทีมแพทย์ มีการช่วยรับผิดชอบในเรื่องใดบ้างไหม เพราะต้องมาเสียค่าโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด อีก 70,000 ทั้งๆที่รักษาน้องไม่หาย เราจำเป็นต้องจ่ายเองทั้งหมดเลยหรอ ?
4) เราสามารถเรียกร้องความป็นธรรมกับทางโรงบาลได้มากกว่านี้ไหม เพราะ แค่น้องขาหักทำให้ต้องเสียชีวิตเลยหรอ ?
การรักษา การดูแลทางโรงพยาบาล ต้องมีส่วนรับผิดชอบไหมกับการรักษาในครั้งนี้ เพราะ ตอนที่น้องเสียแรกๆ ผมและเพื่อนได้โพสอาการและข้อสงสัย
กับการรักษาพยาบาลของน้องลง Facebook แล้วทางโรงพยาบาลทราบเรื่อง จึงจะมาชี้แจงให้ฟังใน วันพุธ ที่ 15 ก.พ นี้ ผมเลยอยากได้ความรู้ ข้อมูลที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะไปพูดคุยเจรจากับทางทีมแพทยืที่จะมาหา เพราะไม่มีความรู้ทางด้านการรักษาและข้อกฎหมายในเรื่องนี้ เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นธรรมกับครอบครัวและน้องที่ต้องเสียชีวิตลงไปเพียงเพราะแค่ประสบอุบัติเหตุขาหักให้มากที่สุด
5) แล้วทางทีมแพทย์ที่รักษาน้องเพื่อนผมต้องการมาหาเพื่อนผม และครอบครัวของน้องผู้เสียชีวิตทำไม ถ้าไม่มีความผิดจริง ? เพราะหน้าที่จะรักษา แพทยืผู้ผ่าตัดคนนึง ได้บอกไว้ว่า "จะส่งตัวไปที่อื่นทำไม ผมผ่าตัดมากี่รายต่อกี่รายแล้ว ไม่มีไรมากหรอก ไม่ตายหรอก " แต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เราสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรได้บ้างไหม
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณและขอโทษด้วย ถ้าหากบางครั้งบางคำ อาจใช้คำพูดที่รุนแรงหรือสื่อไปทางอารมณ์มากเกินไป
และการเข้าใจข้อมูลที่ยังไม่ถูกต้องจริงๆกับการรักษาของทางโรงบาล
ขอบคุณครับ